หลังจากเมื่อวันที่ 12 ม.ค. กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) มีมติรณรงค์เคลื่อนไหวใน 3 เรื่อง คือ 1. รณรงค์เรียกร้องให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2550 เพราะมองว่ารัฐธรรมนูญคือ ต้นตอของปัญหาการเมืองโดยในวันที่ 21 ม.ค. ซึ่งเป็นวันเปิดประชุมสภาสมัยสามัญทั่วไป จะมีตัวแทน นปช.ขนาดเล็ก ไปรวมตัวยื่นหนังสือต่อนายชัย ชิดชอบ ประธานรัชสภา ให้หยิบยกร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับ คปพร. ที่บรรจุในวาระแล้วมาพิจารณาทันที

2.ขอเรียกร้องรัฐบาล ที่มองว่าเป็นรัฐบาลนอมินีของอมาตยาธิปไตย ให้รีบดำเนินการกับพันธมิตรประชาชนเพื่อประธิปไตย (พธม.) กรณียึดทำเนียมรัฐบาล สนามบินดอนเมือง และสนามบินสุวรรณภูมิ หากไม่เร่งดำเนินการนปช.จะชุมนุมเคลื่อนไหวให้รัฐบาลรับผิดชอบ

3. วันนี้สังคมสับสนว่า นปช.จะไปขัดขวางคัดค้านการประชุมสุดยอดผู้นำเอเซียน ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 27 ก.พ.-1 มี.ค.แต่ยืนยันว่า กลุ่มนปช.ไม่ได้คัดค้านการประชุมอาเซียนแต่คัดค้านการที่รัฐบาลชุดนี้แต่งตั้ง นายกษิต ภิรมย์ มาเป็นรมว.การต่างประเทศ ดังนั้น นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และรัฐบาลต้องเร่งรับผิดชอบโดยการปลด นายกษิต ก่อนที่จะมีการประชุมอาเซียน หรือไม่นายกษิต พิจารณาลาออกเองนั้น

"สุเทพ" ไม่รับเงื่อนไขปลด "กษิต"
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 13 มกราคม โดยเตือนกลุ่มกลุ่มคนเสื้อแดงที่จะชุมนุมคัดค้านการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน หรือ"อาเซียนซัมมิท" ว่า ถ้าคิดถึงชื่อเสียงของประเทศก็ขอความกรุณาว่าอย่าไปชุมนุม ถ้าไม่เห็นด้วยกับรัฐบาลก็ใช้โอกาสอื่นชุมนุมได้ตลอดเวลา และคิดว่า กลุ่มคนเสื้อแดงคงไม่ถึงขั้นปิดสนามบิน เพราะเคยตำหนิพวกยึดสนามบินว่าไม่ถูกต้องมาก่อน ทุกคนควรจับมือกันเป็นเจ้าภาพประชุมอาเซียนซัมมิท เพราะคือผลประโยชน์ประเทศ
 

"ผมพร้อมเจรจากับทุกคน และพร้อมรับเงื่อนไข แต่ไม่รับเงื่อนไขที่ให้ปลดนายกษิต ภิรมย์ พ้นตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เพราะเหตุผลที่ให้ปลดไม่พอ ผมไม่คิดว่า นายกษิต เป็นผู้ก่อการร้าย แต่เป็นนักการทูตธรรมดาที่สามารถทำประโยชน์ให้กับประเทศได้" นายสุเทพ กล่าว และว่า ส่วนที่นายกษิต เคยวิจารณ์สมเด็จฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา คงไม่กระทบความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ  เพราะตอนที่นายกษิตพูดเป็นคนธรรมดา ถ้าวันนี้เป็นรัฐมนตรีแล้วพูดแบบนั้น จะเสนอนายกรัฐมนตรีให้ปลดออกเลย และสิ่งที่นายกษิตทำมาในอดีตจะไม่นำมาคิดเลย
 

นายสุเทพยังกล่าวถึงความคืบหน้าการเจรจากับแกนนำกลุ่มเสื้อแดงว่า ได้ส่งคนไปเจรจาตลอด บางคนเจรจาได้ บางคนเจรจาไม่ได้ แต่เห็นได้ว่าความเคลื่อนไหวเบาลงพอสมควร บางคนก็ยอมรับเข้าใจเพราะเป็นคนไทยเหมือนกัน เมื่อได้พูดจาอธิบายก็เห็นว่า ควรหันมาร่วมมือกันบ้างในระดับหนึ่ง ส่วนอะไรที่ต้องสู้ก็ต้องสู้กันไป แต่อะไรที่ควรร่วมมือก็ต้องร่วมมือ เพื่อให้ชาติดีขึ้น แต่บางคนยังแข็งแรงอยู่ ไม่ยอมก็ไม่เป็นไร แต่จะทำต่อไป ไม่ท้อถอย

"สุริยะใส" จวกเสื้อแดงเปลี่ยนข้อเรียกร้องไปเรื่อย

ด้านนายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) กล่าวถึง กลุ่มเสื้อแดงเรียกร้องให้ปลดนายกษิต ว่าเป็นข้อเรียกร้องที่เปลี่ยนไปเรื่อยๆ ก่อนหน้านี้เสนอยุบสภาแต่สังคมไม่ขานรับก็เลยหยิบเอาเรื่องพันธมิตรฯ มาเป็นเงื่อนไขทำลายเสถียรภาพของรัฐบาล ซึ่งคงไม่มีผลอะไร เพราะคดีของพันธมิตรฯ ต้องว่าไปตามกระบวนการ และการที่กระทรวงการต่างประเทศตกเป็นเป้า เพราะการทำงานของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจะกระทบกับความมั่นคงของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี 
 

"วันนี้ย่อมชี้ชัดว่า นปช. เคลื่อนไหวเพื่อคุณทักษิณคนเดียวเท่านั้น และเชื่อว่าสุดท้ายจะเหี่ยวแห้งไปเอง เพราะสังคมต้องการไปให้พ้นจากความขัดแย้ง และไม่ควรติดหล่มกับระบอบทักษิณอีกต่อไป" นายสุริยะใส กล่าว

....................................

เรียบเรียงจากเว็บไซต์มติชน