ข่าวมอนิเตอร์ประจำวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2552

เพื่อไทย หนุนนิรโทษกรรม อ้างหลัง 19 ก.ย. ไร้ความเป็นธรรม
เว็บไซต์แนวหน้า - นายจตุพร พรหมพันธ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย ส่วนกรณี ร.ต.อ.เฉลิม เสนอแนวคิดนิรโทษกรรมหลังเหตุการณ์เมื่อวันที่19 ก.ย.49 ไม่ว่าจะเป็นคดีอาญาที่เกิดขึ้นกับคนทุกกลุ่ม นายจตุพร กล่าวว่า ขบวนการหลังวันที่19ก.ย.มันไม่มีความเป็นธรรม ตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุดคือ คตส. รวมทั้งสมัยการยุบพรรคไทยรักไทย ก็มีการออกกฎหมายย้อนหลังตัดสิทธิ์กรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย ซึ่งหลักกฎหมายทั่วโลกนั้นไม่มี เหมือนกับกรณีที่ดินรัชดา พ.ต.ท.ทักษิณ ซื้อเป็นไปตามสัญญาทุกอย่าง คนที่ทำถูกต้องทุกอย่างกลับติดคุก ซึ่งมันผิดหมด

กองทัพวัดใจ "เทพเทือก" เสนอขอจัด "ซื้ออาวุธ" ล็อตใหญ่ทั้ง 3 เหล่าทัพ หลังเดินทางเยี่ยม ก.กลาโหม
มติชนออนไลน์ - ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 4 กุมภาพันธ์ ที่กระทรวงกลาโหม นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง เดินทางมาตรวจเยี่ยมกระทรวงกลาโหม โดยมี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พล.อ.อภิชาต เพ็ญกิตติ ปลัดกระทรวงกลาโหม พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก และ พล.ร.อ.กำธร พุ่มหิรัญ ผู้บัญชาการทหารเรือ ให้การต้อนรับ โดยมีการบรรยายสรุปผลงานและการทำงานของกระทรวงกลาโหม เป็นเวลา 1 ชั่วโมง ก่อนที่จะร่วมรับประทานอาหารกลางวันร่วมกัน

 

จากนั้นนายสุเทพให้สัมภาษณ์ว่า มาเยี่ยมกระทรวงกลาโหมตามคำเชิญของ พล.อ.ประวิตร เพราะเป็นรองนายกรัฐมนตรีดูแลด้านความมั่นคง ซึ่งกระทรวงกลาโหมเป็นกำลังหลักดูแลด้านความมั่นคง ซึ่งอธิปไตยของประเทศ ความเป็นปึกแผ่นของบ้านเมืองในการแก้ไขวิกฤตการณ์ของชาติ จึงจำเป็นต้องมาทำความเข้าใจกับภารกิจของกระทรวงให้ถ่องแท้ โดยภารกิจการดูแลประชาชนเรื่องที่รัฐบาลหวังพึ่งกระทรวงกลาโหมมากที่สุดขณะนี้คือ การป้องกันบรรเทาสาธารณภัย รัฐบาลจำเป็นต้องเตรียมความพร้อม


"ความจริงเรามีกรมป้องกันบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทยดูแลเรื่องนี้อยู่ แต่กำลังหลักที่จำเป็นกองทัพมีกำลังพร้อมผ่านการฝึกอบรมเป็นอย่างดี รวมถึงมีเครื่องมือยานพาหนะที่สามารถไปช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนได้ทันที รัฐบาลหวังให้กองทัพเป็นหน่วยสนับสนุนกระทรวงมหาดไทยหากมีภัยพิบัติ" นายสุเทพกล่าว


นายสุเทพกล่าวว่า เรื่องศูนย์บรรเทาสาธารณภัย เป็นเรื่องของกรมป้องกันบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทยเป็นผู้จัดวาง ซึ่งมีงบประมาณอยู่แล้ว โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นผู้อำนวยการ และมีงบประมาณสำรองให้จังหวัดละ 50 ล้านบาท ในกรณีที่เกิดภัยพิบัติผู้ว่าฯจะใช้งบประมาณนี้ช่วยเหลือ หากเกินจากนั้นจะขอรัฐบาลเพิ่มเติม ซึ่งงบประมาณตรงนี้ไม่เกี่ยวกับกองทัพ และไม่จำเป็นต้องจัดซื้อเครื่องมือในการช่วยเหลือ เพราะกองทัพมีอุปกรณ์ช่วยเหลือบรรเทาสาธารณภัยอยู่แล้ว หากเครื่องมือไม่พอเป็นเรื่องกระทรวงมหาดไทยพิจารณาจัดซื้อเพิ่มเติม


รายงานข่าวแจ้งว่า ในที่ประชุมกองทัพมีการบรรยายสรุปผลงานของกองทัพที่ผ่านมา และมีการบรรยายถึงความต้องการด้านยุทโธปกรณ์กองทัพ เพื่อพัฒนาและเพิ่มศักยภาพกองทัพ โดยกองทัพบก เสนอขอจัดซื้อรถสายพานลำเลียงพลเอพีซี เฮลิคอปเตอร์อเนกประสงค์ เอ็มไอ 17 กองทัพเรือเสนอความต้องการจัดซื้อเรือดำน้ำและเรือตรวจการณ์ไกลฝั่ง ขณะที่กองทัพอากาศมีความต้องการจัดซื้อเครื่องบินกริพเพนเฟส 2 อีกจำนวน 6 ลำ ซึ่งกองทัพอากาศมีความต้องการให้เริ่มโครงการในปีงบประมาณ 2553 อย่างไรก็ตาม นายสุเทพได้พูดในที่ประชุมว่างบประมาณประจำปี 2553 รัฐบาลจะจัดงบประมาณให้อยู่ในระดับเดียวกับงบประมาณประจำปี 2552

 

"เจบีซี" ล่มเลื่อนลงนามร่างบันทึกข้อตกลงการประชุม
เว็บไซต์คมชัดลึก
- นายวศิน ธีรเวชญาน ประธานคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (เจบีซี) ฝ่ายไทย แถลงผลการประชุมเจบีซี สมัยสามัญครั้งที่ 4 ว่า ทั้งสองประเทศยังคงไม่สามารถลงนามร่างบันทึกข้อตกลงการประชุมเจบีซีเมื่อวันที่ 10-12 พ.ย. 51 ที่เมืองเสียมราฐ และร่างบันทึกการประชมครั้งนี้ได้ เนื่องจากติดปัญหา 2 ประการ คือ 1.ชื่อปราสาทพระวิหาร และ2.ชื่อชุดทหารติดตามสถานการณ์บริเวณวัดแก้วสิขาคีรีสวารา และโดยรอบวัด โดยจะทั้งสองประเด็นไปเจรจาครั้งต่อไปในสัปดาห์ที่ 2 เดือนเม.ย. ที่ประเทศกัมพูชา

นายวศิน กล่าวว่า แต่สามารถตกลงกันได้ในบางเรื่อง คือ 1.เห็นชอบในหลักการให้คณะทำงานร่วมหารือประเด็นกฎหมายเกี่ยวกับเขตแดน โดยคณะทำงานนี้จะประชุมครั้งแรก พร้อมการประชุมเจบีซีครั้งต่อไป 2.เห็นชอบตามขั้นตอนที่ 2 ของแผนแม่บทและข้อกำหนดอำนาจหน้าที่การสำรวจและผลิตแผนที่ภาพถ่าย เพื่อช่วยในการสำรวจหลักเขตแดน 3.เห็นชอบหลักการคำแนะนำของการสำรวจพื้นที่ตอนที่ 6 หลักเขตที่ 1-เขาสัตตะโสม โดยจะให้เจ้าหน้าที่รือด้านเทคนิคต่อไป 4.ตั้งชุดสำรวจร่วมไทย-กัมพูชาเพิ่มอีก 1 ชุด เพื่อสำรวจในพื้นที่ช่วงที่ 5 (หลักที่ 1 - หลักที่ 23) 5.รายงานการสำรวจภาษาอังกฤษของชุดสำรวจร่วมที่ประเทศไทยยกร่างขึ้นมา ซึ่งสำรวจไปแล้ว 29 หลัก (หลักที่ 23-หลักที่ 51) และกัมพูชาได้แก้ไขร่างกลับมาให้ไทยพิจารณา และจะนำมาพิจารณาร่วมกันอีกครั้งหนึ่ง ส่วนคำแปลภาษาอังกฤษของการสำรวจอีก 19 หลัก ไทยกำลังยกร่างและจะส่งให้กัมพูชาพิจารณาต่อไป

อัยการสูงสุดเตรียมถกคดีรถ-เรือดับเพลิงพรุ่งนี้
เว็บไซต์คมชัดลึก -  จากกรณีที่ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์  บริพัตร ผู้ราชการจังหวัดกรุงเทพมหานคร ทำหนังสือถึงสำนักงานอัยการสูงสุดพร้อมลงนาม ให้เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องศาลแพ่งเพื่อขอให้ยกเลิกสัญญาซื้อขายรถและเรือดับเพลิง มูลค่า 6,687 ล้านบาทของ กทม. กับบริษัท สไตเออร์ เดมเลอร์ พุค สเปเชียลหาห์ซอย์ จำกัด ประเทศออสเตรีย พร้อมขอให้มีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวให้ธนาคารกรุงไทยระงับการจ่ายเงินค่างวดนั้น

ล่าสุดเมื่อวันที่ 4 ก.พ. 52 นายวัยวุฒิ หล่อตระกูล รองอัยการสูงสุด ในฐานะประธานคณะทำงานอัยการคดีตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ กล่าวว่า อัยการได้รับหนังสือดังกล่าวของกทม.แล้ว และได้เรียกประชุมคณะทำงานอัยการเพื่อพิจารณารายละเอียดในหนังสือของ กทม.ในวันพรุ่งนี้ ( 5 ก.พ.) เวลา 14.00 น. ที่สำนักงานคดีพิเศษ สำนักงานอัยการสูงสุด ชั้น 11 ถ.รัชดาภิเษก

รมว.ยุติธรรม ยัน ไม่มีปัญหากับตำรวจ
เว็บไซต์แนวหน้า - นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รมว.ยุติธรรม กล่าวปฎิเสธที่จะตอบคำถามในคดีซานติก้า ผับกับผู้สื่อข่าว โดยกล่าวเพียงสั้นๆ ว่า ได้แถลงถึงแนวทางทำงานไปหมดในทุกประเด็น ตนไม่อยากพูดซ้ำอีก ส่วนการทำงานกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ก็ได้ประสานกันตลอด ไม่ได้มีปัญหา

พ.ญ.คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ ผอ.สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า แนวทางการทำงานในส่วนของสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ หลังจากนี้คงต้องรอคำสั่งจาก รมว.ยุติธรรม หรือได้รับการประสานจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ)  หลังรับคดีซานติก้าฯ เป็นคดีพิเศษ  ขณะนี้จึงไม่อยากให้สัมภาษณ์ ต้องรอต่อจิ๊กซอว์ให้ครบก่อน  ส่วนเรื่องเทปขณะเกิดเหตุ ก็ชัดเจนแล้ว เป็นอำนาจของ รมว.ยุติธรรม ในการดำเนินการเท่านั้น

เครือข่ายผู้บริโภคฟ้องอดีต รมว.พม.แจกปลาเน่า 1 ล้าน
เว็บไซต์สยามรัฐ
- เมื่อวันที่ 4 ก.พ. 52 ที่ศาลแพ่ง ถ.รัชดาภิเษก น.ส.สารี อ๋องสมหวัง ผู้จัดการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค นายสำเริง สุดสวาท ผู้ประสานงานโครงการชีวิตสาธารณะ จ.พัทลุง และ น.ส.จุฑา สังขชาติ เครือข่ายผู้บริโภคภาคใต้ ซึ่งเป็นตัวแทนประชาชนผู้บริโภค จ.พัทลุง ที่ได้รับมอบปลากระป๋องช่วยเหลือภัยน้ำท่วม เดินทางมายื่นฟ้องรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) , ปลัดกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ,บริษัท ทองกิ่งแก้ว ฟู้ดส์ จำกัด ผู้ผลิต , บริษัท ไทย เอ ดี ฟู๊ดส์ ผู้จำหน่าย , กรรมการและผู้ถือหุ้นบริษัททั้งสองเป็นจำเลย คดีผู้บริโภค ตาม พระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีผู้บริโภค พ.ศ.2551 เรื่องละเมิดจัดหาสินค้าที่ผลิตไม่ได้มาตรฐานและไม่มีความปลอดภัย บริจาคให้กับประชาชน เรียกค่าเสียหาย 1 ล้านบาท กรณีที่กระทรวงพัฒนาสังคม ฯ ได้แจกถุงยังชีพ และปลากระป๋องบริจาค ยี่ห้อชาวดอยให้กับประชาชน ที่ประสบภัยน้ำท่วม จ.พัทลุง ที่ภายหลังพบว่าเป็นปลากระป๋องเน่า

โดยโจทก์ขอให้ศาลมีคำพิพากษา 1.ให้จำเลยทั้งหมดร่วมกันรับผิดชอบ ชดใช้ความเสียหายให้กับผู้บริโภคจำนวน 1 ล้านบาท 2.ขอให้ศาลเรียกกรรมการและผู้ถือหุ้นของบริษัทผู้ผลิต และบริษัทผู้จัดจำหน่ายมาเป็นจำเลยร่วมเนื่องจาก อาจจะมีการยักย้าย ถ่ายเททรัพย์สินที่ได้จากการขายปลากระป๋องไปเป็นประโยชน์ของบุคคลใดบุคคลหนึ่ง หรืออาจมีการฮั้วกับราชการ 3.ขอให้ศาลมีคำสั่งคุ้มครองฉุกเฉินห้ามจำหน่ายสินค้า และให้เรียกเก็บ ทำลายสินค้าที่เหลือ รวมทั้งยึดเอกสารที่เกี่ยวข้องไว้ก่อนที่จะมีการทำลายหรือปลอมแปลงเอกสาร เช่นบัญชีธนาคารของบุคคลที่เกี่ยวข้อง และ 4. ขอให้ศาลมีคำสั่งให้จำเลยทั้งหมดร่วมกันรับผิดชอบจ่ายค่าเสียหายเพื่อการลงโทษเพิ่มขึ้น เนื่องจากการกระทำดังกล่าวเกิดจากการกระทำโดยเจตนา เอาเปรียบผู้บริโภค ทั้งนี้ศาลรับคำฟ้องไว้พิจารณาเพื่อมีคำสั่งต่อไป

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท