พิธีรดน้ำศพ "สุพจน์ ด่านตระกูล" - "ศุขปรีดา" กล่าวไว้อาลัย "จะสืบต่อปณิธานจนถึงที่สุด"

 


 

หลังจากนายสุพจน์ ด่านตระกูล นักคิดนักเขียนคนสำคัญได้เสียชีวิตลงด้วยโรคมะเร็งในต่อมน้ำเหลือง ด้วยวัย 86 ปี เมื่อเวลาประมาณ 19.15 น. ของวันที่ 12 ก.พ. 52 ที่โรงพยาบาลเวชศาสตร์เขตร้อน ล่าสุด เมื่อวันที่ 14 ก.พ. 52 เวลาประมาณ 16.00 น. ที่ศาลา 4 วัดชลประทานรังสฤษฎ์ จ.นนทบุรี มีพิธีรดน้ำศพ โดยมีภรรยา บุตรธิดาและหลานๆ เป็นเจ้าภาพ โดยมีผู้ร่วมรดน้ำศพกว่า 100 คน อาทิ นายศุขปรีดา พนมยงค์ นายจรัล ดิษฐาอภิชัย แกนนำ นปช.รุ่น1 นายจักรภพ เพ็ญแข แกนนำ นปช.รุ่น1 น.พ.เหวง โตจิราการ แกนนำ นปช.รุ่น1 นางประทีป อึ้งทรงธรรม แกนนำ นปช.รุ่น2 สมาพันธ์ประชาธิปไตย นางสาวรสนา โตสิตระกูล สว.กทม. เป็นต้น ทั้งนี้ มีการสวดพระอภิธรรมในเวลา 19.00น.


 

นางโสภณ ด่านตระกูล วัย 72 ปี ภรรยาของนายสุพจน์ เล่าว่า หลังจากนายสุพจน์คลำพบเม็ดตุ่มผิดปกติ เมื่อมีนาคม 51 จึงไปพบแพทย์ แต่ตรวจอยู่หลายรอบก็ยังไม่พบว่าเป็นอะไร จึงรักษาตามอาการจนเมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา น.พ.สันต์ หัตถีรัตน์ แนะนำให้ตัดชิ้นเนื้อส่งหมอศัลยกรรมตรวจ จึงทราบว่าเป็นมะเร็งในต่อมน้ำเหลือง ขั้นที่ 4 นายสุพจน์จึงตัดสินใจไม่รักษาด้วยวิธีเคมีบำบัด แต่รักษาด้วยวิธีธรรมชาติ เช่นเดียวกับในอดีตที่เคยป่วยเป็นมะเร็งต่อมลูกหมาก แต่รักษาอยู่ 8 ปีด้วยวิธีธรรมชาติก็หายดี 

 

นางโสภณ เล่าต่อว่า นับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนเป็นต้นมา นายสุพจน์ก็มีอาการทรุดลง โดยเข้าพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลมิชชั่นตั้งแต่เมื่อวันที่ 30 ม.ค. เป็นเวลา 7 วัน จากนั้นจึงย้ายไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลเวชศาสตร์เขตร้อน เมื่อวันที่ 6 ก.พ. และเสียชีวิตอย่างสงบเมื่อวันที่ 12 ก.พ. ที่ผ่านมา

 

ภรรยาของนายสุพจน์ กล่าวว่า นายสุพจน์ได้เคยสั่งเสียไว้นานแล้ว ตั้งแต่เมื่อครั้งที่ป่วยด้วยโรคมะเร็งต่อมลูกหมาก ว่า หากเสียชีวิตให้มอบร่างให้โรงพยาบาลศิริราช หากโรงพยาบาลไม่รับด้วยเหตุใดก็ตาม ให้นำศพมาสวดที่วัดชลประทานรังสฤษฎ์  3 วัน แล้วเผา โดยไม่ต้องบอกใคร นอกจากนี้ ยังสั่งเสียให้แต่งกายศพด้วยเสื้อกุยเฮง (เสื้อแบบจีนชนิดหนึ่ง คอกลม มีแขน ผ่าอกตลอด ติดกระดุม-ประชาไท) นุ่งโสร่ง ไม่ใส่รองเท้า รวมถึงสั่งว่าไม่ต้องนำอาหารมาตั้งแล้วเคาะโลงเรียกให้มารับประทาน ตามพิธีกรรม หากจะให้ก็ต้องให้ตอนที่ยังมีชีวิตอยู่ ทั้งนี้ นายสุพจน์ได้ยกงานเขียนของเขาให้เป็นสมบัติสาธารณะด้วย

 

สำหรับการจากไปของนายสุพจน์นั้น นางโสภณกล่าวว่า ได้เตรียมใจไว้นานแล้ว เนื่องจากที่ผ่านมา นายสุพจน์หนีตายมาแล้วหลายรอบ รวมทั้งเข้าคุกมาแล้วหลายรอบด้วย ทั้งนี้ เธอยึดหลักศาสนาพุทธที่นายสุพจน์มักพูดให้ฟังอยู่เสมอคือ "เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป" จึงทำใจได้

 

เธอกล่าวเพิ่มเติมว่า ระหว่างที่ป่วยนั้น นายสุพจน์กำลังเขียนหนังสือชื่อ "ปฏิวัติประชาธิปไตย 2475" ซึ่งทางครอบครัวจะได้นำเนื้อหามาใส่ไว้ในหนังสืออนุสรณ์ด้วย นอกจากนี้นายสุพจน์ยังกล่าวอยู่เสมอว่า ตั้งแต่เปลี่ยนแปลงการปกครองมานั้นบ้านเมืองยังไม่เป็นประชาธิปไตย หลัก 6 ประการในประกาศคณะราษฎรยังทำได้ไม่ครบ เพราะเผด็จการจะเข้ามาเบียดบังเสมอ ซึ่งเธอเองก็เห็นเช่นเดียวกัน โดยหากจะทำให้เป็นประชาธิปไตยต้องให้ประชาชนเป็นใหญ่และต้องทำให้ประชาชนไม่ลำบาก รวมถึงให้มีความรู้เรื่องสิทธิของตนเอง

 

หลังพิธีรดน้ำศพ นายศุขปรีดา พนมยงค์ กล่าวไว้อาลัยโดยเล่าถึงการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยของนายสุพจน์ว่า นายสุพจน์เคยถูกจับในฐานะกบฎสันติภาพ พร้อมๆ กันกับนายกุหลาบ สายประดิษฐ์ และได้รับนิรโทษกรรมเมื่อปี 2500 หลังจากนั้นก็เขียนหนังสือมาตลอด และเมื่อจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ เป็นรัฐบาล นายสุพจน์ถูกจับอีกครั้งในข้อหาคอมมิวนิสต์ แต่ก็ได้พ้นโทษออกมา

 

นายศุขปรีดา กล่าวว่า หลายคนอาจคิดว่า นายสุพจน์เป็นลูกศิษย์นายปรีดีมาก่อน แต่ไม่ใช่ พวกเขาไม่เคยพบกันจนกระทั่งนายปรีดีได้เดินทางไปอยู่ที่ประเทศฝรั่งเศส ซึ่งจากการค้นคว้าหลักฐานต่างๆ ของนายสุพจน์และพบว่านายปรีดีบริสุทธิ์ นำความซาบซึ้งมาให้ครอบครัวพนมยงค์ เพราะทำให้คนที่เคยเชื่อมั่นจากคำกล่าวอ้าง หรือคำพิพากษาก่อนหน้า ได้เห็นความเป็นจริงมากขึ้น เขาเองมักบอกกับผู้ที่อยากเห็นหลักฐานว่า ให้ไปขอดูที่นายสุพจน์ ซึ่งได้เก็บหลักฐานต่างๆ ที่มีค่าทางประวัติศาสตร์เหล่านี้เอาไว้มาตลอด

 

นายศุขปรีดา กล่าวต่อว่า เมื่อครั้งกลุ่มคนรุ่นใหม่ซึ่งสนใจติดตามงานของนายสุพจน์ได้ไปเยี่ยมนายสุพจน์ที่บ้าน เมื่อไม่กี่สัปดาห์ก่อน นายสุพจน์ได้ให้คติธรรมในการมองถึงหลักธรรมของพุทธศาสนาที่เป็นวิทยาศาสตร์ว่า "เกิดขึ้น ตั้งอยู่และดับไป"

 

"คุณสุพจน์มองเห็นว่าทุกอย่างจะต้องเคลื่อนไหว จะต้องเปลี่ยนแปลง ท่านก็มีความหวังที่อยากจะเห็นการเปลี่ยนแปลงนั้นๆ ได้เกิดขึ้น แต่เนื่องด้วยสังขารนั้นไม่อำนวย ก็เป็นเรื่องที่พวกเราก็เศร้าโศกเสียใจ ผมเชื่อว่าเรามากันวันนี้ เราตั้งใจพร้อมกันอยู่อย่างหนึ่ง คือมีความตั้งใจ ตั้งปณิธานที่จะสืบเนื่องความคิด การกระทำอันดีงาม และถ้าสามารถที่จะพัฒนาต่อไปยิ่งๆ ขึ้น อันนี้ก็จะเป็นผลดีแก่ส่วนรวม ประเทศชาติและประชาชนต่อไป สุดท้ายนี้ในนามของแขกท่านผู้มีเกียรติทั้งหลาย คิดว่าพวกเราคงตั้งปณิธานร่วมกันขอให้วิญญาณของคุณสุพจน์นั้นไปพบความสงบสุขแห่งสัมปรายภพ และพวกเราจะดำเนินการสืบเนื่องต่อไปจนถึงที่สุด" นายศุขปรีดากล่าว

 

สำหรับความสัมพันธ์ส่วนตัวนั้น นายศุภปรีดา เล่าว่า เขากับนายสุพจน์มีความคุ้นเคยกันพอสมควร โดยเมื่อนายสุพจน์เขียนหนังสือติดขัด ก็จะโทรมาถาม ส่วนใหญ่เกี่ยวกับเรื่องบุคคลว่าใครเป็นใคร ซึ่งเขาเองพอมีข้อมูลเก็บไว้บ้าง

 

 

ทั้งนี้ จะมีการสวดพระอภิธรรม เป็นเวลา 5 วัน ระหว่างวันที่ 14-18 กุมภาพันธ์นี้ ตั้งแต่เวลา 19.00 น. เป็นต้นไป ที่ศาลา 4 วัดชลประทานรังสฤษฎ์ จ.นนทบุรี จากนั้น ทางครอบครัวจะมอบศพให้กับโรงพยาบาลศิริราชต่อไป

 

 


กำหนดการสวดพระอภิธรรม  เจ้าภาพ

วันที่ 15 ก.พ.                   นายจักรภพ เพ็ญแข

วันที่ 16 ก.พ.                   ฮาร์เปอร์ เฟรท อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด

                                    นปช., สมาพันธ์ประชาธิปไตย, วิทยุชุมชนคนรู้ใจ

วันที่ 17 ก.พ.                   โดมรวมใจ

วันที่ 18 ก.พ.                   (รับหนังสืออนุสรณ์นายสุพจน์ ด่านตระกูล วันที่ 18 ก.พ.)

วันที่ 19 ก.พ.                   เวลา 07.00น. ถวายภัตตาหารเช้า

                                    เวลา 10.00น. มอบศพให้โรงพยาบาลศิริราช

 

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท