เสื้อแดงชุมนุมสนามหลวงวันแรก หลังยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เผยเตรียมเคลื่อนใหญ่ พ.ค.เรียกร้อง รธน.40

 

 


25 เม.ย. 52 ที่ท้องสนามหลวง ในช่วงเย็น กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ (นปช.) ได้จัดชุมนุมคนเสื้อแดงขึ้นเป็นครั้งแรกหลังรัฐบาลประกาศยกเลิก พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน โดยมีประชาชนจำนวนหลายพันคนทยอยเข้าร่วมฟังการปราศรัย โดยผู้ร่วมชุมนุมจำนวนมากยังคงสวมเสื้อสีแดง และจำนวนไม่น้อยสวมเสื้อผ้าทั่วไป ทั้งนี้ มีผู้ปราศรัยหลายคนผลัดกันขึ้นกล่าวปราศรัย กล่าวถึงความรุนแรงในการปราบปรามประชาชนที่ผ่านมา ความไม่เป็นธรรมต่างๆ ขณะที่บางคนได้กล่าวโจมตีพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ 

 

ในช่วงหัวค่ำ เวลาประมาณ 19.30 น. มีการปล่อยลูกโป่งสี โดยแกนนำบนเวทีระบุว่าขาว สีขาวเป็นสัญลักษณ์ของเสรีภาพ สันติภาพ การปล่อยลูกโป่งสวรรค์เป็นการส่งดวงวิญญาณของผู้ที่เสียชีวิต รวมถึงดวงวิญญาณของประชาธิปไตย และยังมีการอ่านบทกวี "ประชาทิพย์" โดยไม้หนึ่ง ก.กุนที รวมไปถึงการฉายคลิปวีดิโอการปราบปรามประชาชนเมื่อวันที่ 12-13 เม.ย.ที่ผ่านมาด้วย

 

นายจรัล ดิษฐาอภิชัย หนึ่งในแกนนำ นปช. กล่าวว่า  หลังจากการชุมนุมที่ท้องสนามหลวงครั้งนี้แล้ว จะมีการตระเวนจัดเวทีชุมนุมยังจังหวัดต่างๆ ด้วย ซึ่งหากหารือกันจนมีความชัดเจนจะแถลงข่าวอีกครั้งหนึ่ง สำหรับยุทธศาสตร์การขับเคลื่อนของเสื้อแดงนั้น จะมีจัดตั้งองค์กรขึ้นมาเป็นสมัชชาคนเสื้อแดง โดยจะให้กลุ่มต่างๆ ส่งตัวแทนเข้าร่วมกำหนดทิศทางและยุทธศาสตร์การขับเคลื่อนพลังเสื้อแดง โดยในระหว่างนี้จะพยายามสรุปบทเรียนการเคลื่อนไหวครั้งที่ผ่านมากับบรรดาแกนนำด้วย 

 

ผู้สื่อข่าวถามว่าจะมีการชูประเด็นคุณทักษิณกับกลุ่มผู้ชุมนุมที่สนับสนุนทักษิณอยู่หรือไม่ จรัลกล่าวว่า "ทักษิณก็คงจะมันส์ เนื่องจากกลุ่มต่างๆ เวลาชุมนุมก็ต้องขอให้ทักษิณโฟนอิน เขาไม่ได้โฟนอินเองนะ และสองคุณทักษิณก็คิดว่าคงชนะได้เนื่องจากคนเยอะ แต่ว่ายืนยันได้เลยว่าคนที่มาส่วนใหญ่มาเพราะเขาอยากมา เพราะตั้งใจมาร่วมต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย วันที่ 8 เม.ย. มีคนจากต่างจังหวัดมาประมาณ 80,000 คน อุดรธานีมากที่สุดคือ 50 กว่าคันรถ ปทุมธานีรองลงมา 63 คันรถ แต่รถเล็ก และยังมีจังหวัดอื่นๆ อีก ที่เหลือคือคนกทม. แบ่ง 3 ส่วน ส่วนแรกคือคนอีสานที่ทำงานเป็นลูกจ้างในกทม. 2. คนเสื้อแดงในกทม.จริงๆ  3.คนชั้นกลาง พวกนักธุรกิจ"

 

ด้านนายสมยศ พฤษภาเกษมสุข แกนนำอีกคนหนึ่งกล่าวว่า หลังจากตระเวนจัดชุมนุมยังจังหวัดต่างๆ แล้วจะมีการเคลื่อนเข้าสู่กรุงเทพฯ ในวันที่ 17-20 พ.ค. นี้ โดยประเด็นหลักของคนเสื้อแดงจะไม่มีการไล่นายอภิสิทธิ์ หรือพล.อ.เปรมแล้ว แต่จะเป็นการเรียกร้องให้นำรัฐธรรมนูญปี 2540 กลับมา ทั้งนี้ กลุ่มคนเสื้อแดงได้ประกาศชัดเจนว่า จะใช้แนวทางสันติอหิงสาในการเคลื่อนไหว

 

"ที่ผ่านมามีการสร้างสถานการณ์เยอะ หลังจากนี้ไปเราทำได้เพียงว่า เราประกาศแนวทางว่าคนเสื้อแดงจะยึดหลักสันติอหิงสา เราจะไม่ก่อเหตุ ไม่ใช้ความรุนแรง เรามีแต่คนแก่ทั้งนั้น เราจะไปทำอะไรได้ ไม่มีศักยภาพ สังเกตดูสิรถเมล์วิ่งชน โดยไม่มีคนขับ แล้วใครทำ ถ้าไม่ใช่คนมีฝีมือ ผมประเมินความสามารถของพวกเราแล้วไม่มีทางถึง แล้วอยู่ดีๆ รถแก๊สมา 2 คันได้ยังไง ตอนพฤษภาฯ พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี เคยพูดเองว่า เขาอยู่เบื้องหลังแก๊งค์ป่วนเมือง การเผาโรงพักนางเลิ้ง และบอกด้วยว่าการยึดรถเมล์ก็เป็นงานการทหารอย่างหนึ่ง"

 

"ภาพที่คุณเห็นชาวบ้านโมโห มันเกิดจากการกระตุ้น หลังจากคุณเอารถถังเข้ามา เอาทหารติดอาวุธเข้ามา แล้วเขาก็ยังรู้สึกว่าพันธมิตรฯ ปิดถนน ทำไมไม่มีใครว่าอะไร แต่กับเขาคุณปราบปรามด้วยความรุนแรง เรื่องที่เคยพูดเรื่องมาตรฐานการสลายม็อบที่ใช้แก๊สน้ำตากับพันธมิตรฯ ถึงวันนี้ยิงปืนกันเล่นไม่มีใครว่าอะไร"

 

นายสมยศ กล่าวว่า เรื่องข้อเท็จจริงเกี่ยวกับผู้บาดเจ็บ และเสียชีวิตจากเหตุการณ์สลายการชุมนุมที่ผ่านมานั้นยังจะดำเนินการสืบค้นและนำเสนอต่อไปเป็นระยะๆ ส่วนการที่รัฐบาลพยายามจับกุมแกนนำหลายคนนั้น ไม่กังวล เนื่องจากการรวมกลุ่มคนเสื้อแดงเป็นไปตามธรรมชาติและพร้อมจะมีผู้นำใหม่ๆ ขึ้นมาเสมอ และการมาชุมนุมครั้งนี้ก็มีเวลาเตรียมตัวเพียง 1 วันหลังจากที่ทางจังหวัดสมุทรสงครามไม่อนุญาต แต่คนก็มาช่วยกันทั้งในส่วนของเต็นท์ เวที อาหาร

 

"พลังเสื้อแดงไม่มีแกนนำ คนนั้นถูกจับ คนนี้ประกาศมาเป็นแกนนำ เป็นโดยธรรมชาติ มีความหลากหลาย เขายอมรับก็มา ไม่ยอมรับก็ไม่มา เมื่อวานที่นี่ก็มีการชุมนุม คำว่าแกนนำมันไม่มีลิขสิทธิ์ พวกเสื้อแดงไม่ใช่องค์กรจัดตั้ง และไม่มีสายบังคับบัญชา มันคือการรวมตัวของประชาชนที่ไม่พอใจระบอบอำมาตยาธิปไตย"

 

เขากล่าวด้วยว่า รัฐบาลควรคืน ดี-สเตชั่น วิทยุชุมชน เว็บไซต์ต่างๆ เพื่อให้คนเสื้อแดงมีพื้นที่ มีการสื่อสาร แลกเปลี่ยนกัน บางส่วนที่ปลุกระดมก็ต้องจัดการกันเป็นรายๆ โดยไม่เหมารวม อย่างไรก็ตาม สื่อมวลชนยังคงเป็นส่วนที่สำคัญมาก จึงขอให้สื่อให้เนื้อที่กับคนเสื้อแดงบ้าง และเสนอตรงไปตรงมา

 

เมื่อถามถึงการประกาศสู้ใต้ดินของนายจักรภพ เพ็ญแข สมยศกล่าวว่า "ภายใต้ระบอบเผด็จการ จักรภพมีสิทธิเสนอความคิด ถ้าคุณยิ่งเป็นเผด็จการ ขบวนการอย่างจักรภพจะเติบโต แต่ถ้าคุณเป็นประชาธิปไตย ขบวนการอย่างพวกผม ที่คนเสื้อแดงมาชุมนุมแบบนี้จะเติบโต ปัญหามันอยู่ที่รัฐบาล ถ้าคุณเป็นเผด็จการเขาก็มีสิทธิจะต่อสู้ ก็คุณไปปิดกั้นเสรีภาพเขา เขาก็มุดลงดิน คุณต้องเปิด ต้องมีเสรี มีพื้นที่ให้เขายืนอยู่อย่างมีศักดิ์ศรี ไม่ใช่ดูถูกเหยียดหยามพวกคนเสื้อแดง แล้วคิดจะทำอะไรกับพวกเขาก็ได้"

 

อย่างไรก็ตาม ในช่วงหนึ่งของการปราศรัย นายสมยศได้ประกาศข่าวว่า ผู้ชุมนุมจำนวนหนึ่งไปล้อมรถถ่ายทอดสดของช่อง 9 จึงขอร้องให้ผู้ชุมนุมยุติการกระทำดังกล่าวและต้อนรับสื่อมวลชนภาคสนามที่ลงมาทำข่าว หากผู้ใดยังกระทำการต่อขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการตามกฎหมายทันที ทั้งนี้ เว็บไซต์แนวหน้าได้รายงานเหตุการณ์ดังกล่าวว่า เมื่อเวลา 19.30 น. กลุ่มผู้ชุมนุมได้ทำการล้อมรถถ่ายทอดสด หรือ OB ของโมเดิร์นไนน์ ทีวี พร้อมตะโกนต่อว่า ว่าการเสนอข่าวไม่เป็นกลาง ทำให้นักข่าว ช่างภาพ และทีมงาน ต้องยุติการทำข่าว และเดินทางกลับออกไปทันที

 

ขณะที่เว็บไซต์ไทยรัฐระบุว่า เมื่อเวลา 22.30 น. เจ้าหน้าที่ฝ่ายรักษาความปลอดภัยของกลุ่มคนเสื้อแดง ซึ่งออกลาดตระเวน เข้าควบคุมตัวชายวัยรุ่นผมเกรียนรายหนึ่งได้กลางพื้นที่ชุมนุม โดยชายดังกล่าวสวมเสื้อสัญลักษณ์ของกลุ่มคนเสื้อน้ำเงิน มีข้อความว่า ป้องสถาบันที่หน้าอก เมื่อตรวจค้นก็พบปืนลูกซองสั้นพร้อมกระสุน การ์ดของคนเสื้อแดงจึงคุมตัวมาหลังเวที ให้นายสมชาย ไพบูลย์ หนึ่งในแกนนำคนเสื้อแดง เป็นผู้สอบสวน ทราบภายหลัง ชื่อ พลทหารอนุชล เกรี้ยงมลทิน อายุ 22 ปี เดินทางมาจาก อ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์? อย่างไรก็ตาม ชายรายนี้อ้างว่าเดินทางมาเที่ยว ส่วนเสื้อสัญลักษณ์คนเสื้อน้ำเงินที่สวมมานั้นอ้างว่าเป็นเสื้อของพ่อ การ์ดคนเสื้อแดงจึงส่งตัวให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ชนะสงคราม รับไปดำเนินคดี โดยเกือบถูกผู้ชุมนุมรุม แต่ไม่มีเหตุรุนแรงเกิดขึ้น

 

จากนั้นเมื่อเวลาประมาณ 24.00 น. นายสมยศ ได้กล่าวขอบคุณผู้ร่วมชุมนุมทุกคน ที่ได้เดินทางมาร่วมแสดงพลังประชาธิปไตย จากนั้นจึงประกาศปิดเวทีปราศรัย ที่ท้องสนามหลวง และยุติการชุมนุม

 

 






แถลงการณ์

ขอให้กำลังใจและยืนหยัดต่อสู้เคียงข้างประชาชนแดง

 

 

ตามที่รัฐบาลได้ประกาศภาวะฉุกเฉินและสั่งให้ทหารเข้าสลายการชุมนุมของประชาชนผู้รักประชาธิปไตยเมื่อช่วงสงกรานต์จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตปริศนาอย่างน้อยสองคน บาดเจ็บ และสูญหายเป็นจำนวนมาก ตามด้วยการจับกุม คุมขังแกนนำ และเตรียมดำเนินคดีอีกหลายสิบรายนั้น

 

เครือข่าย 19 กันยา ต้านรัฐประหาร ซึ่งเคยร่วมต่อสู้กับพี่น้องประชาชนมาตั้งแต่หลังรัฐประหารใหม่ๆ ซึ่งแม้ต่อมาได้ยุติบทบาทไประยะหนึ่ง แต่ยังคงมีสมาชิกอยู่จำนวนหนึ่งที่ได้อุทิศตนเป็นผู้ปฏิบัติงานให้กับแนวร่วมประชาธิปไตยแห่งชาติ(นปช.)และหลายองค์กรในขบวนการประชาธิปไตยของประชาชนแดงมาตลอดจนถึงบัดนี้

ภายหลังมีการปราบปรามประชาชนแดงอย่างโหดเหี้ยม พวกเราชาวสมาชิกเครือข่าย 19 กันยา ต้านรัฐประหาร จึงตัดสินใจกลับมารวมตัวกันและจะเข้าร่วมต่อสู้กับประชาชนแดงอีกครั้งจนกว่าระบอบประชาธิปไตยจะได้ชัยชนะ การกลับมาครั้งนี้โดยใช้ชื่อกลุ่มเช่นเดิมก็เพื่อเป็นการยืนยันว่า การต่อสู้ที่กำลังดำเนินอยู่ขณะนี้มิใช่เป็นแต่เพียงการต่อต้านรัฐบาลเผด็จการซ่อนรูปธรรมดาๆเท่านั้น หากมันหมายถึงการต่อต้านการรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 ที่ยังคงมีความต่อเนื่องในการสืบทอดอำนาจมาจนถึงปัจจุบัน และหมายถึงการสืบทอดภารกิจการปฏิวัติประชาธิปไตย พ.. 2475 ของคณะราษฎร เดิมพันรอบนี้จึงหมายถึงการเดิมพันล้มระบอบเปลี่ยนระบบอย่างถอนรากถอนโคน

 

พวกเราขอสดุดีจิตใจต่อสู้อันกล้าหาญและขอให้กำลังพี่น้องประชาชนแดงจงต่อสู้ต่อไป อย่าท้อถอย การต่อสู้ย่อมมีแพ้ชนะเป็นธรรมดา เราเพลี่ยงพล้ำมิใช่พ่ายแพ้ เราแค่เพลี่ยงพล้ำในบางสนามรบ แต่มิได้พ่ายแพ้ทั้งหมดในสงคราม มันคือบทพิสูจน์ความแกร่งกล้าของจิตใจอันสูงส่งแน่วแน่ของฝ่ายประชาชนผู้รักประชาธิปไตย ไม่มีชัยชนะใดได้มาด้วยการร้องขอ ขอเพียงแต่เราไม่ยอมก้มหน้ายอมแพ้ต่อชะตากรรม สักวันหนึ่งชัยชนะจะต้องเป็นของพวกเราประชาชนแดง

 

 

ประชาธิปไตยจงเจริญ

เครือข่าย 19 กันยา ต้านรัฐประหาร

25    เมษายน 2552

 

 

 

*ประกาศบนเวที โดย ปรัชญา สุรกำจรโรจน์

 

 

 





 

นปช. ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย ยึดมั่นสันติวิธี

ชุมนุมสัญจร 15 จังหวัด ผนึกกำลังประชาชนทุกสาขาอาชีพ แก้ไขรัฐธรรมนูญ

 

 

เป็นที่ประจักษ์ชัดแจ้งว่า รัฐบาลอภิสิทธิ์ เป็นรัฐบาลที่ถือกำเนิดมาจากการสนับสนุนของเผด็จการทหาร และมาจากการสนับสนุนจากอำมาตยาธิปไตยอย่างเปิดเผย มีความสัมพันธ์เชื่อมโยงมาจากการรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 โดยการสนับสนุนให้พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ทำการยึดทำเนียบรัฐบาล ยึดสนามบิน ปิดถนน ในการโค่นล้มรัฐบาลพรรคพลังประชาชนที่ผ่านมา

 

แนวร่วมประชาธิปไตยแห่งชาติ ได้นำประชาชนสวมใส่เสื้อแดงเป็นสัญลักษณ์ของการต่อสู้ให้รัฐบาลดำเนินคดีต่อกลุ่มพันธมิตรฯ ซึ่งกระทำความผิดอาญาแผ่นดินอย่างร้ายแรง ปลดนายกษิต ภิรมย์ แก้ไขรัฐธรรมนูญ และคืนอำนาจให้ประชาชนด้วยการยุบสภา แต่รัฐบาลได้เพิกเฉยจนทำให้กลุ่มคนเสื้อแดงออกมาชุมนุมที่หน้าทำเนียบรัฐบาลตั้งแต่วันที่ 26 มีนาคม 2552 โดยในวันที่ 8 เมษายน ได้มีการชุมนุมประชาชนนับแสนคน โดยสงบ สันติ โดยได้เปิดโปงถึงระบอบอำมาตยาธิปไตยที่เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาประชาธิปไตยด้วยการแทรกแซงทางการเมือง ผ่านผู้นำเหล่าทัพ และแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม ผ่านระบบตุลาการ ทำให้สถาบันสำคัญของชาติดังกล่าวขาดความเป็นกลาง ขาดความน่าเชื่อถือ

 

การชุมนุมของคนเสื้อแดงยังถูกแทรกแซง ถูกบ่อนทำลายด้วยวิธีการสกปรก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้มือที่สามเข้ามาแทรกแซง ยั่วยุ จนทำให้เหตุการณ์บานปลาย รวมทั้งการให้ร้ายป้ายสี การบิดเบือนข้อมูลข่าวสาร

 

แนวร่วมประชาธิปไตยแห่งชาติ เห็นว่าการชุมนุมและการเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดงที่ผ่านมา เป็นผลมาจากระบอบอำมาตยาธิปไตยที่แทรกแซงทำลายประชาธิปไตยมาโดยเฉพาะอย่ายิ่งรัฐบาลอภิสิทธิ์เป็นรัฐบาลตัวแทนอำมาตยาธิปไตย ได้อำนาจจากการแทรกแซงทางการเมืองของทหารและจากการสนับสนุนขององคมนตรี โดยบริหารราชการแผ่นดินสองมาตรฐาน เลือกปฏิบัติ และล้มเหลวต่อการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ความเดือดร้อน ความยากจน ของประชาชนคนไทย เป็นต้นเหตุให้เกิดการเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดงจนกระทั่งถูกปราบปรามอย่างรุนแรง

 

การที่รัฐบาลอภิสิทธิ์ได้ใช้กำลังทหาร พร้อมอาวุธทำลายบ้างที่รุนแรงในลักษณะของการทำสงคราม เข้าสลายการชุมนุมของคนเสื้อแดงที่ไม่มีอาวุธ แทนที่จะเป็นการใช้ตำรวจปราบจลาจล เป็นไปตามขั้นตอนการสลายการชุมนุมตามหลักสากล จนเป็นเหตุให้มีผู้บาดเจ็บด้วยกระสุนปืนจำนวนมากนั้น ถือเป็นความผิดร้ายแรงและเป็นการใช้ความรุนแรงกระทำต่อผู้ชุมนุมคนเสื้อแดงอย่างป่าเถื่อน โหดร้าย เป็นการตอย้ำความเป็นรัฐบาลทรราชย์ที่ป่าเถื่อนโหดเหี้ยมอีกคนหนึ่งของเมืองไทย เป็นสิ่งที่ยืนยันชัดแจ้งแล้วว่ารัฐบาลอภิสิทธิ์รับใช้อำมาตยาธิปไตยโดยไม่คำนึงถึงความเสียหายของบ้านเมือง ไม่ได้คำนึงถึงชีวิตเลือดเนื้อของประชาชน

 

ที่สำคัญที่สุดในระหว่างที่รัฐบาลได้ใช้ทหารทำการปราบปรามอย่างป่าเถื่อนนั้น รัฐบาลยงให้ร้ายป้ายสีการเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดง ใช้วิทยุ โทรทัศน์ที่รัฐบาลควบคุมอยู่ทำการบิดเบือนข่าวสาร เช่น โฆษณาว่าทหารใช้กระสุนปลอม ยิงปืนขึ้นฟ้า ไม่มีผู้เสียชีวิต ซึ่งเป็นการหลอกลวงคนไทยทั้งประเทศ รวมทั้งยังได้ปิดกั้นเสรีภาพของสื่อมวลชน สั่งปิดสถานีโทรทัศน์ดีสเตชั่น ใช้กำลังทหารตำรวจเข้ารื้อค้นนำอุปกรณ์ เครื่องมือ ทรัพย์สินสำนักงานดีสเตชั่นออกไป รวมทั้งยังสั่งปิดสถานีวิทยุชุมชน เว็บไซต์จำนวนมาก

 

แนวร่วมประชาธิปไตยแห่งชาติขอเรียกร้องต่อนายอภิสิทธิ์ หนึ่ง ยุติการคุกคามแกนนำการเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดง สอง ยุติพฤติกรรมสองมาตรฐานอันเป็นการทำลายหลักนิติรัฐและความเสมอภาคเท่าเทียม สาม สั่งการให้ตำรวจและทหารคืนอุปกรณ์ ทรัพย์สินของดีสเตชั่นที่ยึดเอาไปทั้งหมด เพื่อให้สามารถดำเนินการตามปกติได้ สี่ แก้ไขรัฐธรรมนูญ นำรัฐธรรมนูญ 40 กลับมาใช้

 

การที่รัฐบาลอภิสิทธิ์ได้ยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ยกเลิกการสั่งปิดเว็บไซต์ หลังจากที่ นปช.ได้ประกาศข้อเรียกร้องและได้จัดการชุมนุมใหญ่ โดยมีประชาชนจำนวนมากออกมาร่วมการชุมนุมในวันนี้ถือเป็นความสำเร็จของ นปช. และเป็นการแสดงถึงเจตนารมณ์ที่ยืนหยัดต่อสู้ต่อไปจนกว่าจะได้ประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ต่อไป โดยจะจัดให้มีการชุมนุมประชาชนทุกภาคให้ครบ 15 จังหวัดสำคัญและจะกลับมาชุมนุม-เดินขบวนใหญ่ที่กรุงเทพฯ ให้ได้

 

 

แนวร่วมประชาธิปไตยแห่งชาติ

สนามหลวง 25 เมษายน 2552

 

 

 

 

* เพิ่มเติมแถลงการณ์ วันที่ 28 เม.ย.52

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท