Skip to main content
sharethis

27 เม.ย.52  เวลาประมาณ 11.30 น. นางภรภัทร พิมพา ตัวแทนเครือข่ายทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมภาคอีสาน ได้เข้ายื่นหนังสือถึงประธานกรรมาธิการสามัญ เพื่อทำหน้าที่ตรวจสอบประวัติความประพฤติและพฤติกรรม ทางจริยธรรมของบุคคลผู้ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เพื่อคัดค้านและส่งข้อมูลการละเมิดสิทธิมนุษยชนของ นายปริญญา ศิริสารการ ผู้ประกอบกิจการโรงงานทำเกลือสินเธาว์ อ.โนนไทย จ.นครราชสีมา ซึ่งคณะกรรมการสรรหากรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ได้พิจารณาเสนอชื่อรับคัดเลือกเป็นคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เหตุเพราะเป็นผู้ถูกตรวจสอบการดำเนินกิจการที่ละเมิดสิทธิชุมชนจากคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติมาแล้ว และพบหลักฐานข้อเท็จจริงว่า ไม่มีระบบป้องกันผลกระทบจากโรงงานเกลือต่อระบบนิเวศน์และพื้นที่เกษตรกรรมของชาวบ้านรอบๆ


 


คณะทำงานศึกษาปัญหาดินเค็มภาคอีสาน ภายใต้การทำงานของเครือข่ายทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมภาคอีสาน ได้พิจารณาตรวจสอบรายชื่อผู้ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติทั้งเจ็ดคนแล้ว มีความเห็นว่าบุคคลทั้งเจ็ดคนดังกล่าว ไม่มีผู้ใดที่มีความรู้หรือประสบการณ์ด้านการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชนเป็นที่ประจักษ์ดังเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสิทธิด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นสิทธิที่นอกจากจะกำหนดไว้ในกติการะหว่างประเทศว่าด้วย สิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง และกติการะหว่างประเทศว่าด้วย สิทธิทางเศรษฐกิจ สังคมและวัฒนธรรม ซึ่งประเทศไทยเข้าเป็นภาคีแล้ว และยังได้รับรองไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งราช อาณาจักรไทย พ.ศ.2540 จนถึงรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2550 รวมทั้งการที่ประชาชนมักถูกละเมิดสิทธิด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอยู่เนืองๆ อีกด้วย


 


คณะทำงานศึกษาฯ ยังตรวจสอบพบอีกว่า นายปริญญา ศิริสารการ เป็นผู้ประกอบกิจการโรงงานทำเกลือสินเธาว์ อำเภอโนนไทย จังหวัดนครราชสีมา  ที่ถูกตรวจสอบการดำเนินกิจการจากคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติแล้ว และพบหลักฐานว่า "โรงงานไม่มีการป้องกันมิให้น้ำเกลือไหลไปสู่พื้นที่เกษตรกรรมภายนอกดีพอ และชุมชนตำบลสำโรงยืนยันว่าได้รับผลกระทบจากการประกอบการ ดังนั้นจากเหตุผลที่ใบ อนุญาตหมดอายุลงทั้ง 8 โรงงาน จึงสมควรให้ระงับการประกอบกิจการต้มเกลือไว้ก่อน ......."


 


ดังนั้น ทางเครือข่ายทรัพยากรฯ ภาคอีสาน จึงเสนอให้ข้อมูลเพื่อให้คณะกรรมาธิการสามัญ ทำหน้าที่ตรวจสอบประวัติความประพฤติและพฤติกรรมทางจริยธรรมฯ พร้อมดำเนินการเปิดเผยประวัติของบุคคลทั้ง 7 คน ให้สาธารณชนได้รับรู้ และร่วมตรวจสอบประวัติได้อีกทางหนึ่ง รวมทั้งให้นำข้อมูลการประกอบกิจการที่เป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนของ นายปริญญา ศิริสารการ เพื่อประกอบการพิจารณาในการให้ความเห็นชอบ เพราะหากมีการให้ความเห็นชอบไปอาจจะมีผลกระทบต่อการดำรงตำแหน่งเพราะเหตุ "มีส่วนได้เสียในกิจการหรือธุรกิจใด ๆ ที่อาจมีผล กระทบโดยตรงหรือก่อให้เกิดความเสียหายต่อการส่งเสริมหรือคุ้มครองสิทธิมนุษยชน" ตามมาตรา 11 ของพระราชบัญญัติคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พ.ศ.2542 ได้


 


ทั้งนี้ ทางเครือข่ายทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมภาคอีสาน จะติดตามกรณีนี้อย่างใกล้ชิด เพราะเห็นว่าเป็นกรณีปัญหาที่ใหญ่มาก หากผู้ที่กระทำการละเมิดสิทธิมาทำหน้าที่ตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชนของประชาชนผู้ได้รับผลกระทบแล้ว ไม่สามารถแน่ใจได้ว่า ภาคประชาชนจะได้รับความเป็นธรรมจริงๆ


 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net