Skip to main content
sharethis

(11 มิ.ย.) กรณีเกิดเหตุคนร้ายไม่ทราบจำนวนใช้อาวุธสงคราม ประกอบด้วยปืน M16 และปืนลูกซองของชาวบ้าน กราดยิงประชาชนมุสลิมขณะละหมาดที่มัสยิดอัลกูลกอน หมู่บ้านไอปาแย ตำบลจวบ อำเภอเจาะไอร้อง จังหวัดนราธิวาส โดย เมื่อเวลาประมาณ 20.30 น. ของวันที่ 8 มิถุนายนที่ผ่านมา เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตทั้งสิ้น 10 รายนั้น คณะกรรมการรณรงค์เพื่อสิทธิมนุษยชน (ครส.) ส่งจดหมายเปิดผนึกถึงนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เรียกร้องให้ตั้งคณะกรรมการอิสระฯ เพื่อตรวจสอบกรณีฆาตกรรมหมู่ที่มัสยิดอัลกูลกอน

ทั้งนี้ ครส. ระบุว่า ขอประณามผู้กระทำการอย่างโหดร้ายป่าเถื่อนดังกล่าว ไม่ว่าจะมาจากการกระทำของกลุ่มก่อความไม่สงบกลุ่มใด หรือบุคคลใด การฆาตรกรรมหมู่อย่างโหดร้ายรุนแรงครั้งนี้ ถือเป็นสัญลักษณ์ของความบกพร่องของรัฐบาลและความล้มเหลวของกองทัพในการควบคุมสถานการณ์และแก้ปัญหาตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา

เนื้อหาจดหมายระบุต่อไปว่า ครส. เสนอต่อรัฐบาลให้นายกรัฐมนตรีแต่งตั้งคณะกรรมการอิสระฯ เพื่อดำเนินการตรวจสอบและสอบสวนข้อเท็จจริงดังกล่าวอย่างเร่งด่วน เพื่อนำผู้กระทำการฆาตรกรรมหมู่ครั้งนี้มาลงโทษตามกระบวนการยุติธรรมให้ได้ โดยเฉพาะการพิสูจน์ข้อเท็จจริงเพื่อให้ความกระจ่างแก่สังคม ไม่ว่าจะเป็นอาวุธที่ใช้ หรือในทางนิติวิทยาศาสตร์ เพื่อสร้างความไว้วางใจและลดความขัดแย้งในพื้นที่ สืบเนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ที่มีทั้งชุมชนชาวไทยมุสลิมและชุมชนชาวไทยพุทธตั้งอยู่ อาจถูกทำให้เกิดความขัดแย้งและความเกลียดชังได้จากเหตุการณ์ในครั้งนี้ และสถานการณ์ดังกล่าวถือว่าเป็นเหตุการณ์ที่เลวร้ายและอาจนำมาสู่สถานการณ์ที่ยากควบคุมในอนาคต ท่ามกลางรอยร้าวที่ยากสมานในพื้นที่และความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างประชาชน ตลอดจนเจ้าหน้าที่รัฐกับประชาชนที่ไม่สามารถสร้างความน่าเชื่อถือในการแก้ไขปัญหาดังกล่าวได้ ดังนั้น แต่งตั้งคณะกรรมการอิสระฯ เพื่อดำเนินการตรวจสอบและสอบสวนข้อเท็จจริงเหตุการณ์ดังกล่าว จึงเป็นวิถีทางที่ดีที่สุดเพื่อเยียวยาและแก้ไขสถานการณ์ดังกล่าว

นอกจากนี้ ขอให้รัฐบาลปฏิรูปการทำงานของกองทัพในพื้นที่ เพราะเป็นที่ชัดเจนว่าในขณะนี้ ยังใช้นโยบายการทหารนำการเมือง โดยกองทัพมีอำนาจเด็ดขาดทั้งด้านการทหารและการพัฒนาที่ควรเป็นหน้าที่ของฝ่ายพลเรือน และควบคุม-กำกับการทำงานของกองทัพอย่างใกล้ชิด เพื่อให้นโยบายการแก้ปัญหาของรัฐบาลมีเอกภาพ รัฐบาลจะต้องปฏิรูปกองทัพและการทำงานในพื้นที่อย่างเร่งด่วน ภายใต้หลักนิติรัฐ กระบวนการยุติธรรมและหลักการสิทธิมนุษยชน ให้รัฐบาลพลเรือนมีอำนาจเต็มในการกำกับดูแลกองทัพ และเสริมสร้างความเข้มแข็งของการปกครองโดยพลเรือน โดยใช้ยุทธศาสตร์การเมืองนำการทหาร และให้มีการทบทวนและประเมิน พรก.สถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่ดังกล่าวอย่างจริงจัง

ด้านเครือข่ายสตรีจังหวัดชายแดนภาคใต้เพื่อสันติภาพ (คสตส.) ออกแถลงการณ์ประณามการกระทำอันไร้มนุษยธรรมต่อประชาชนในมัสยิดไอปาแยและขอเรียกร้องต่อเจ้าหน้าที่ในการเร่งจับกุมผู้ก่อเหตุมาลงโทษเพื่อแสดงความชัดเจนของเหตุการณ์ต่อครอบครัวผู้สูญเสียและต่อสังคม ตลอดจนให้ความช่วยเหลือเยียวยาครอบครัวผู้สูญเสียอย่างเพียงพอ

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net