ทุกครั้งที่เราประกาศตัวว่าเป็นผู้รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ และประกาศตัวว่าเป็นผู้อุทิศชีวิตเพื่อปกป้องชาติ ศาสน์ กษัตริย์ เรามักเชื่อมั่นอย่าง dogmatism ว่า ฝ่ายเราถูกเสมอ แม้ว่าการกระทำในนามของความรักและการปกป้องชาติ ศาสน์ กษัตริย์ จะเป็นการละเมิดกฎหมาย ทำลายหลักนิติรัฐ นิติธรรม ฉีกรัฐธรรมนูญ เป็นต้น ก็ตาม
เพราะอะไร? เพราะเราถูกปลูกฝังให้เชื่ออย่างฝังหัวว่า ชาติ ศาสน์ กษัตริย์ เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ภารกิจในนามของความรักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ จึงเป็นภารกิจศักดิ์สิทธิ์ไปด้วยอย่างชนิดที่ถ้าใครตั้งคำถามต่อภารกิจดังกล่าวย่อมเป็นเรื่องผิดบาปที่ไม่อาจอภัยได้
แต่เราไม่เฉลียวใจบ้างเลยหรือว่า ชาติ ศาสน์ กษัตริย์ที่เราถูกสอนให้ท่องเป็นนกแก้วนกขุนทองมาตั้งแต่เรียนชั้นประถมนั้น ความหมายทั้งในเชิงอุดมการณ์และรูปธรรมของมันคืออะไรกันกันแน่!
มันคือชาติของใคร? คือชาติของคนส่วนน้อยที่มีอภิสิทธิ์ด้วยสถานภาพทางสังคมและสถานะแห่งทุนซึ่งเสพสุขสบายบนโครงสร้างทางสังคมการเมืองที่เปิดโอกาสให้พวกเขาได้กดขี่กินแรงและดักกินกำไรคนส่วนใหญ่ คนยากไร้ทั้งทางการศึกษา โอกาส และต้องเสียเปรียบทุกด้านมาตั้งแต่เกิดใช่หรือไม่
มันคือชาติซึ่งกรรมกรรมกรสร้างเมืองโอ่อ่าอลังการ แต่ตัวเองซุกหัวนอนใต้เพิงพักหมาแหงน เกษตรกรผลิตข้าวปลาอาหาร และต้องส่งลูกหลานไปเป็นทหารเกณฑ์ปกป้องชาติ ศาสน์ กษัตริย์ (และเป็นทหารรับใช้นายพล ลูกเมียนายพล คุมสถานบันเทิงตามคำสั่งนาย ฯลฯ) ฯลฯ ชาติในความหมายดังกล่าว (เป็นต้น) นี้มันน่ารักจริงหรือ?
แท้จริงแล้วชาติที่เราควรรักและปกป้อง จะต้องหมายถึงประชาชาติทั้งหมด ที่มีคุณค่าความเป็นคนเท่าเทียมกัน การรักและปกป้องประชาชาติจะต้องต่อสู้เพื่อขจัดความอยุติธรรมเชิงโครงสร้าง ไม่ว่าจะอยู่ในรูปของกฎหมาย รัฐธรรมนูญ ค่านิยม ความเชื่อ อุดมการณ์ วัฒนธรรม ให้หมดไป และต้องสร้างความเป็นธรรมเชิงโครงสร้างในด้านต่างๆดังกล่าวให้เป็นจริง
ศาสน์คืออะไร หรือคือศาสน์ของใคร? คือเครื่องมือโฆษณาชวนเชื่อของธุรกิจวัตถุมงคล บูญพานิชแบบขายตรง เครื่องมือสนับสนุนความศักดิ์สิทธิ์ของวัฒนธรรมชนชั้น อำนาจนิยม อุปถัมภ์นิยม และกระทั่งลัทธิบริโภคนิยม เป็นศาสน์ของกษัตริย์ อำนาจรัฐ อำนาจทุน หรือเป็นศาสน์อันเป็นบ่อเกิดของภูมิปัญญารู้คุณค่าที่เท่าเทียมของมนุษย์ เป็นที่พึ่งทางจิตใจให้เหตุผลแก่คนส่วนใหญ่ เป็นศาสน์ซึ่งมีพลังในการสร้างทางดับทุกข์ของปัจเจกบุคคลและทุกข์ทางสังคม โดยเฉพาะทุกข์ที่เกิดจากความไม่เป็นธรรมในมิติต่างๆ
กษัตริย์เพื่อกษัตริย์หรือกษัตริย์เพื่อประชาชาติ? ในระบอบประชาธิปไตยสถาบันกษัตริย์ภายใต้รัฐธรรมนูญ ต้องไม่ใช่สถาบันที่อยู่เหนือหลักความเสมอภาคและความเป็นธรรมทางสังคม ต้องไม่อยู่เหนือหลักการที่ว่าทุกสถาบันต้องถูกวิพากษ์วิจารณ์ได้ด้วยข้อเท็จจริงและเหตุผล และหลักการที่ว่าทุกสถาบันต้องโปร่งใสตรวจสอบได้
ในเมื่ออำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชน สถาบันกษัตริย์ดำรงอยู่ได้ก็ด้วยความยินยอมของอำนาจแห่งปวงชน ดังนั้น การดำรงอยู่ของสถาบันกษัตริย์จึงอิงอยู่กับฐานอำนาจของปวงชน จึงต้องเป็นสถาบันของปวงชนที่ดำรงอยู่โดยไม่ขัดกับหรือต้องตอบสนองต่อความเป็นธรรมและผลประโยชน์ร่วมกันของประชาชาติ
น่าเศร้าที่การต่อสู้ทางการเมืองในนามของความรักและการปกป้องชาติ ศาสน์ กษัตริย์ในประวัติศาสตร์ความขัดแย้งทางการเมืองในสังคมไทยแทบทุกครั้งที่ผ่านมา ดูเหมือนจะไม่ชัดเจนในความหมายของชาติ ศาสน์ กษัตริย์ และคลุมเครือว่าจะเป็นชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ของใครกันแน่
การต่อสู้ในนามของความรักและการปกป้องชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ในความหมายที่คลุมเครือนั่นเอง จึงส่งผลเป็นการทำลายชาติ ศาสน์ กษัตริย์ในความหมายที่ควรจะเป็นเสียเอง คือเราใช้วาทกรรมชาติ ศาสน์ กษัตริย์ทำลายโอกาส และช่องทางในการเปลี่ยนแปลงสังคมให้เกิดความเป็นธรรมมากขึ้น แล้วใช้วาทกรรมดังกล่าวไปสนับสนุนโครงสร้างด้านต่างๆของสังคมที่อยุติธรรมอยู่แล้วให้ดำรงอยู่อย่างมั่นคงต่อไป
นี่คือศัตรูของเราที่มาในนามของความรักชาติ ศาสน์ กษัตริย์!
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)