Skip to main content
sharethis

ชาวบ้านอำเภอเมือง-อำเภอไทรโยค วุ่นขนของหนีน้ำกลางดึก หลังเขื่อนศรีนครินทร์ และวชิราลงกรณ์ เร่งปล่อยน้ำผลิตกระแสไฟฟ้า หลังก๊าซธรรมชาติจากฝั่งพม่าขาดช่วง ผู้ว่าฯสั่งเขื่อนศรีนครินทร์-เขื่อนท่าทุ่งนาลดและหยุดปล่อยน้ำ

        
ผู้สื่อข่าวรายงานเมื่อช่วงดึกที่ผ่านมา ชาวบ้านบริเวณสะพานหนองบัว สะพานบ้านวังเย็นริมลำน้ำแควใหญ่ และแควน้อยในเขต อ.เมือง และ อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี ซึ่งอยู่ใต้แนวเขื่อนวชิราลงกรณ์ และเขื่อนศรีนครินทร์ ถูกน้ำไหลเข้าท่วมบ้านเรือน และทรัพย์สินสูงเกือบ 3 เมตร ทำให้ต้องเร่งขนย้ายสิ่งของกลางดึก โดยชาวบ้านส่วนใหญ่ขนย้ายทรัพย์สินไม่ทัน เนื่องจากกระแสน้ำเฉี่ยวกราก จึงต้องปล่อยให้ทรัพย์สินจมน้ำไป
นายเริงศักดิ์ มหาวินิจฉัยมนตรี ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี เปิดเผยว่า ความจำเป็นในการปล่อยน้ำจากเขื่อนศรีนครินทร์ เพื่อผันเป็นพลังงานไฟฟ้า ซึ่งเริ่มปล่อยเต็มที่เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ส่งผลให้ระดับน้ำในบางพื้นที่ของ จ.กาญจนบุรี เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งบางพื้นที่ท่วมพื้นที่เกษตรกรรมแล้ว โดยสาเหตุเนื่องมาจาก ก๊าซธรรมชาติที่รับจากฝั่งประเทศพม่านั้นขาดหายไป ทำให้ไม่สามารถผลิตกระแสไฟฟ้าได้
"ขณะนี้จำเป็นต้องปล่อยน้ำออกจากเขื่อน เนื่องจากเขื่อนศรีนครินทร์ เป็น 1 ในแหล่งผลิตกระแสไฟฟ้าหลักที่สำคัญของประเทศ ทำให้ไม่สามารถหยุดการทำงานได้ ส่วนข่าวลือเกี่ยวกับการชำรุดของเขื่อนนั้น ยืนยันว่า ไม่เป็นความจริง และตัวเขื่อนยังแข็งแรงเต็มประสิทธิภาพ"นายเริงศักดิ์ กล่าว
ด้าน นายกิตติ ตันเจริญ ผอ.เขื่อนศรีนครินทร์ อ.ศรีสวัสดิ์ จ.กาญจนบุรี กล่าวว่า ขณะนี้แหล่งผลิต แก๊สธรรมชาติบงกชในอ่าวไทย มีปัญหา ลดการผลิต ลง 650 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน ขณะเดียวกัน แหล่งผลิตธรรมชาติ ยาดานา ในสหภาพพม่า มีปัญหาเช่นกัน ทำให้แก๊สหายไปอีก 1,100 ล้านลูกบาศก์ฟุต/วัน รวมทั้ง 2 แหล่ง หายไป 1,700 ล้านลูกบาศก์ฟุต/วัน หรือคิดเป็นกำลังผลิตรวม 10,000 เมกะวัตต์ เกินความสามารถของโรงไฟฟ้าพลังความร้อน เพื่อไม่ให้ไฟฟ้าดับ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย จึงให้โรงไฟฟ้าพลังน้ำหลายแห่งเดินเครื่องช่วยระบบ
"เขื่อนศรีนครินทร์ จึงต้องเดินเครื่องทั้ง 5 เครื่อง ตั้งแต่วันที่ 15-19 สิงหาคม นี้ ดังนั้นในช่วงดังกล่าว ขอให้ประชาชนที่อยู่ท้ายน้ำ ทั้งเขื่อนศรีนครินทร์ และเขื่อนท่าทุ่งนา ตลอดจนถึงตัวจังหวัดกาญจนบุรี ระมัดระวังภาวะน้ำมากขึ้นในช่วงนี้ โดยเฉพาะบริเวณท้ายน้ำของ จ.กาญจนบุรี จะสูงขึ้นกว่าเดิม 2 เมตร แต่จะไม่ล้นตลิ่ง"นายกิตติ กล่าว
 
อภิสิทธิ์สั่งให้รายงานเหตุปล่อยน้ำจากเขื่อนศรีนครินทร์
เมื่อเวลา 09.50 น.นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่เขื่อนศรีนครินทร์ จ.กาญจนบุรี มีการปล่อยน้ำ ทำให้เกิดน้ำท่วมพื้นที่เพาะปลูกและอยู่อาศัยของประชาชนว่า ได้ทราบว่ามีการซ่อมในส่วนของท่อก๊าซ ทำให้ต้องใช้น้ำในการผลิตกระแสไฟฟ้า นี่คือสิ่งที่ทางผู้เกี่ยวข้องได้รายงานให้ตนรับทราบ และก็ต้องเข้าไปดูความเดือดร้อนของประชาชน ถ้าพบว่ามีการทำให้เกิดน้ำท่วมในพื้นที่เกษตรกรรม ก็ต้องเข้าไปดูแล ส่วนเรื่องการชดเชยนั้น ตนจะต้องขอดูรายละเอียดอีกครั้งว่าความเสียหายมีมากน้อยแค่ไหน
เมื่อถามว่า ปรกติก่อนการปล่อยน้ำ จะต้องมีการแจ้งเตือนชาวบ้านก่อนหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เข้าใจว่า เกิดเหตุขัดข้องในส่วนของท่อก๊าซ และวิธีการซ่อม ซึ่งตนกำลังจะขอรายละเอียดมาว่า ผลกระทบกับประชาชนนั้นกว้างขวางแค่ไหน แต่รัฐบาลจะต้องเข้าไปดูแลแน่นอน
 
ผู้ว่าฯสั่งเขื่อนศรีนครินทร์-เขื่อนท่าทุ่งนาลดและหยุดปล่อยน้ำ
นายเริงศักดิ์ มหาวินิจฉัยมนตรี ผวจ.กาญจนบุรี พร้อมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดและเจ้าหน้าที่เขื่อนศรีนครินทร์และเขื่อนท่าทุ่งนา ร่วมประชุมหารือเพื่อแก้ปัญหาโดยด่วน ได้ข้อสรุป ให้เขื่อนศรีนครินทร์ลดกำลังในการปล่อยน้ำ จากปล่อย 5 บานระบาย เป็นเหลือ 3 บานระบาย และให้เขื่อนท่าทุ่งนาปิดประตูระบายน้ำ เพื่อลดผลกระทบจากการปล่อยน้ำจากเขื่อนศรีนครินทร์ และกำลังประสานเขื่อนแม่กลองเร่งระบายน้ำออกเพิ่มมากขึ้น
นายกิตติ ตันเจริญ ผู้อำนวยการเขื่อนศรีนครินทร์ ชี้แจงสาเหตุการปล่อยน้ำจากสันเขื่อนจำนวนมากโดยกะทันหันว่า เนื่องจากแหล่งผลิต GAS บงกชในอ่าวไทย และแหล่งผลิต ยาดานา ในสหภาพพม่า มีปัญหา ก๊าซหายไป 1,700 ล้านลูกบาศก์ฟุต หรือคิดเป็นกำลังผลิตรวม 10,000 MW เพื่อไม่ให้ไฟฟ้าดับ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย จึงให้โรงไฟฟ้าพลังน้ำหลายแห่งเดินเครื่องช่วยระบบ ตั้งแต่วันที่ 15-19 สิงหาคม ดังนั้น จึงขอให้ประชาชนที่อยู่ท้ายน้ำ ทั้งเขื่อนศรีนครินทร์ และเขื่อนท่าทุ่งนา ตลอดจนถึงตัวจังหวัดกาญจนบุรี ระมัดระวังภาวะน้ำมากในช่วงนี้ คือ ท้ายน้ำที่ จ.กาญจนบุรี จะสูงขึ้นกว่าเดิม 2.70 เมตร แต่ไม่ล้นตลิ่ง
 
กฟผ.จ่ายค่าเสียหายเขื่อนศรนครินทร์ปล่อยน้ำท่วมที่นา
นายกิตติ กล่าวในเวลาต่อมาว่า ยินดีชดใช้ค่าเสียหายแก่ชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากากรปล่อยน้ำจากเขื่อนวชิราลงกรณ และเขื่อนศรีนครินทร์ จนล้นทะลักเข้าท่วมพื้นที่ทางการเกษตรของชาวบ้านที่อยู่ท้ายเขื่อนศรีนครินทร์ และเขื่อนท่าทุ่งนา อ.เมือง อ.ศรีสวัสดิ์ และ.อ.ไทรโยก จ.กาญจนบุรี จนได้รับความเสียหายจำนวนมาก โดยขอให้ชาวบ้านแจ้งไปยังเขื่อนวชิราลงกรณ์ เขื่อนศรีนครินทร์ และเขื่อนท่าทุ่งนา ว่าได้รับความเสียหายอะไรบ้าง ทางเขื่อนจะจัดส่งเจ้าหน้าที่ กฟผ.ออกสำรวจและประเมินค่าเสียหายให้
ผู้อำนวยการเขื่อนศรีนครินทร์กล่าวด้วยว่า เขื่อนศรีนครินทร์มีความมั่นคงไม่แตกง่ายๆ อย่างแน่นอน เพราะได้ใช้หลักก่อสร้างมาตรฐานสมาคมเขื่อนโลก ทั้งนี้ล่าสุดสถานการณ์ได้กลับเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว เพราะได้เจรจากับพม่าจนส่งแก๊สให้ไทยตามปกติแล้ว
อย่างไรก็ตามผอ.เขื่อนศรีนครินทร์ ไม่รับปากว่าเหตุการณ์ในลักษณะเช่นนี้จะไม่เกิดขึ้นอีก แต่จะไม่เกิดขึ้นบ่อย นอกจากนี้ ผู้อำนวยการเขื่อนศรีนครินทร์ ยืนยัน การที่พม่าไม่ส่งแก๊สให้ไทยนั้นเกิดจากปัญหาเทคนิคจากแหล่งผลิต คิดเป็นกระแสไฟฟ้า 10,000 เมกะวัตต์ ไม่เกี่ยวกับปัญหาการเมืองในพม่า และเพื่อไม่เกิดกระแสไฟฟ้าดับ ส่งผลกระทบต่อภาพรวมทั้งประเทศ กฟผ.จึงมีความจำเป็ต้องเดินเครื่องพลังน้ำอย่างเต็มที่
ด้านนายนพพร ถาวรประดิษฐ์ นายกสมาคมชาวแพชาวเรือจังหวัดกาญจนบุรี เปิดเผยถึงความเสียหายว่า เรือแพ รีสอร์ท และโรงแรม ถูกความแรงของน้ำพัดหลุดลอยไปหลายสิบหลังนอกจากนี้ น้ำยังเข้าท่วมห้องพักตามแหล่งที่พักที่ตั้งอยู่ชายฝั่งด้วย ดังนั้น เพื่อเป็นการบูรณาการปฏิบัติ ป้องกันมิให้เกิดผลกระทบต่อผู้ประกอบการ และประชาชนที่อยู่อาศัยตามแนวชายฝั่งในเขตพื้นที่ราบลุ่ม จึงต้องการให้ทางจังหวัดกาญจนบุรี ประสานงานกับเขื่อนแม่กลอง ปล่อยน้ำออกจากเขื่อนให้ปริมาณมากขึ้นเช่นกัน เพื่อลดปริมาณน้ำป้องกันมิให้ระดับน้ำสูงขึ้นมากเกินกว่าปกตินัก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชาวกาญจนบุรีต่างลือกันสะพัดว่า เขื่อนแตก ทำให้เริ่มเกิดปัญหาโกลาหลจจนทำให้จังหวัดต้องออกแถลงการณ์ชี้แจง
 
     

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net