Skip to main content
sharethis

 

 
 
 
ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมานี้ มีข่าวครึกโครมเกี่ยวกับการจับกุมขบวนการซื้อขายเด็กทารกที่จังหวัดสงขลา โดยมีนายหน้าชาวไทยเป็นธุระในการจัดหาเหยื่อ และส่งต่อให้กับนายหน้าชาวมาเลเชีย ผลของการจับกุมทำให้เห็นภาพของเครือข่ายขบวนการค้ามนุษย์ในรูปแบบการซื้อขาย เด็กทารก ซึ่งถือเป็นอาชญากรรมข้ามชาติ
 
ศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการค้ามนุษย์ มูลนิธิกระจกเงา จึงขอตีแผ่สถานการณ์ที่เกิด ขึ้นจากกรณีศึกษาที่มูลนิธิกระจกเงาเคยดำเนินการในเรื่องนี้
 
 
รับแจ้งเหตุการค้าเด็ก
ปลายปี พ.ศ. 2551 ศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการค้ามนุษย์ มูลนิธิกระจกเงา ได้รับเรื่องร้องเรียนจาก หญิงชราคนหนึ่งอ้างตัวว่าหลานสาวอายุ 1 ขวบ ถูกมารดา ซึ่งเป็นบุตรสาวของตนขายให้กับชาวมาเลย์ที่บริเวณชายแดนภาคใต้ของประเทศไทย
 
ทีมงานศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการค้ามนุษย์ มูลนิธิกระจกเงา ได้ลงพื้นที่บริเวณด่านนอก อ.สะเดา จ.สงขลา ซึ่งเป็นสถานที่ซึ่งถูกกล่าว อ้างว่า มีการซื้อขายเด็กทารกกันที่นี่
 
จากการสอบปากคำ ยายและป้าของเด็ก ทำให้ทราบข้อเท็จจริงว่า มารดาของเด็กประกอบอาชีพเป็นพนักงานบริการในร้านคาราโอกะแห่งหนึ่งบริเวณชาย แดนอำเภอสะเดา หรือที่เรียกกันในพื้นที่ว่า “ด่านนอก” สถานภาพครอบครัวของเด็กเป็นครอบครัวที่มีการหย่าร้าง มารดาของเด็กจึงพาลูกมาอยู่ที่ด่านนอก ตั้งแต่ยังเป็นทารก แต่ด้วยอาชีพของมารดาที่ต้องทำงานกลางคืนและพักผ่อนตอนกลางวัน จึงทำให้ มารดาไม่มีเวลาเลี้ยงลูก จึงได้ว่าจ้างคนบริเวณใกล้เคียงร้านคาราโอเกะมาเลี้ยงลูก
 
ด้วยพฤติกรรมของมารดาเด็กที่เป็นคนดื่ม เที่ยว และใช้สารเสพติด เป็นเหตุให้ไม่มีเงินค่าจ้างจ่ายแก่ผู้รับเลี้ยงดูลูก จึงต้องเปลี่ยนคนรับ จ้างเลี้ยงลูกหลายคน กระทั่งคนรับจ้างเลี้ยงเด็กคนสุดท้าย แนะนำให้มารดาของเด็ก ขายเด็กเพื่อใช้หนี้ และอาจจะมีเงินเหลือเพื่อใช้จ่าย!!!!
 
คนรับเลี้ยงเด็ก เป็นธุระในการติดต่อคนรับซื้อเด็กทารก ซึ่งเป็นชายชาวมาเลย์ กระทั่งมีการซื้อขายเด็กทารกผู้น่าสงสารรายนี้ ในราคาเพียง 20,000 บาท!!!
 
 
ตกเขียวในครรภ์มารดา
จากการลงพื้นของศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการค้ามนุษย์ มูลนิธิกระจกเงา พบว่าในพื้นที่ “ด่านนอก” มีสถานบันเทิงประเภทร้านคาราโอเกะ ดิสโก้เธค และนวดแผนโบราณอยู่อย่างหนาแน่น ด้วยเหตุนี้เองจึงมีหญิงขายบริการจำนวนมากเป็นเงาตามตัว ในขณะที่ข้อห้ามอย่างหนึ่งของหญิงขายบริการก็คือ “การห้ามตั้งท้อง”เพราะนั่นหมายถึงการไม่สามารถทำงานได้ และเป็นภาระในอนาคต
 
ด้วยเหตุนี้เองหญิงขายบริการที่พลาดท่าตั้งครรภ์ จึงมีความคิดที่จะเอาเด็กออกหรือทำแท้ง จึงเป็นช่องว่างให้ขบวนการค้ามนุษย์เข้ามาเสนอขอซื้อเด็กทารก โดยมีเงินจำนวนหมายหมื่นบาทเป็นตัวล่อ ให้หญิงตั้งครรภ์เก็บเด็กไว้จนคลอดเพื่อขาย
 
มีข้อมูลที่น่าสนใจในพื้นที่ด่านนอก ว่ามีร้านคาราโอเกะบางแห่ง เป็นนายหน้าในการติดต่อหญิงบริการที่ตั้งครรภ์ โดยการรับมาอยู่ในร้านจนกว่าจะคลอด หรือยินยอมให้พนักงานในร้านตั้งครรภ์ได้ ซึ่งผิดวิสัยของสถานบันเทิงทั่วไป เพราะหญิงตั้งครรภ์ไม่สามารถทำงานบริการได้ โดยร้านคาราโอเกะดังกล่าวจะให้ที่พักแก่หญิงตั้งครรภ์ เพื่ออยู่จนกระทั่งคลอดลูก
 
ข้อมูลจากการสืบสวนของศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการค้ามนุษย์ มูลนิธิกระจกเงา พบว่ามีหญิงวัยกลางคนคนหนึ่ง เปิดร้านคาราโอเกะบริเวณด่านนอกมาหลายปี และมีพฤติกรรมน่าสงสัยในการเป็นนายหน้าหาเด็กเพื่อส่งให้เอเย่นต์ ชาวมาเลเซียอีกทอดหนึ่ง โดยรับหญิงตั้งครรภ์เข้ามาอยู่ในร้าน และมีการเกลี้ยกล่อมให้หญิงตั้งครรภ์ เก็บลูกไว้เพื่อขาย
 
แหล่งข่าวในพื้นที่ยังให้ข้อมูลกับศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการค้ามนุษย์ มูลนิธิกระจกเงาว่า ร้านคาราโอเกะแห่งนี้จะมีนายหน้าชาวมาเลเชีย เชื้อสายจีนวัยกลางคน เป็น ผู้มารับซื้อเด็กทารก โดยชายคนดังกล่าวจะข้ามฝั่งจากมาเลเชียมาดื่มกินที่ร้านคาราโอเกะแห่งนี้ เสมอ และมักจะพูดคุยถึงเรื่องการรับซื้อเด็กทารกจากหญิงบริการที่ตั้งครรภ์ จนเป็นที่รู้กันในพื้นที่ใกล้เคียงว่าหากหญิงคนใดต้องการขายลูก ต้องมาติดต่อกับชายคนดังกล่าว
 
 
กลุ่มเสี่ยงในตลาดค้าเด็ก
เด็กที่เกิดจากมารดาที่เป็นหญิงขายบริการที่ด่านนอก มีทางเลือกให้กับพวกเขาเพียงไม่กี่ทาง คือ การถูกทำแท้ง หรือถูกขายให้กับขบวนการค้ามนุษย์ เพราะด้วยเงื่อนไขทางด้านอาชีพทำให้หญิงขายบริการไม่ควรตั้งครรภ์ และด้วยความที่การตั้งครรภ์ไม่ได้เกิดจากสถานะความเป็นครอบครัว ทำให้เด็กที่เกิดมา อาจจะกลายเป็นลูกไม่มีพ่อ มารดาของเด็กจึงไม่อาจจะรับภาระในการเลี้ยงดูบุตรโดยลำพังได้
 
นอกจากนี้หญิงบริการส่วนหนึ่งในพื้นที่ ซึ่งตั้งครรภ์โดยไม่พึงประสงค์ จะเป็นผู้ที่ใช้ชีวิตอิสระกิน เที่ยว และอาจใช้สารเสพติด ตลอดจนมีพฤติกรรมใช้จ่ายฟุ่มเฟือย จึงทำให้เป็นกลุ่มเสี่ยงในการถูกชักจูง และหว่านล้อมให้ขายบุตรของตนเอง
 
นอกจากนี้บริเวณด่านนอก หญิงขายบริการส่วนใหญ่เป็นหญิงที่เดินทางมาจากประเทศเพื่อนบ้านโดยการหลบหนี เข้าเมือง ดังนั้นการให้กำเนิดบุตรในประเทศไทย เป็นเรื่องยุ่งยากพอสมควร หญิงขายบริการจึงตกเป็นกลุ่มเสี่ยงมากที่สุดในการถูกเสนอซื้อขายเด็กทารก
 
จำนวนเงินตั้งแต่ 20,000-80,000 บาท เป็นราคาค่าตัวเด็กที่จะถูกซื้อข้ามแดนนำไปยังฝั่งประเทศมาเลเซีย จำนวนเงินอาจจะไม่สูงมากเมื่อเทียบกับชีวิตของมนุษย์คนหนึ่ง แต่เงินจำนวนนี้ก็มากพอที่จะจูงใจให้แม่หลายราย ที่ตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์ ยินยอมที่จะรับเงินดังกล่าว และมอบชีวิตของลูกน้อยให้กับขบวนการค้ามนุษย์ไป
 
 
ปลายทางของเด็ก
ไม่เป็นที่แน่ชัดว่าการอุ้มเด็กทารกที่มิใช่บุตรหลานของตัวเอง สามารถผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองของทั้งสองประเทศได้อย่างไร เพราะด่านตรวจคนเข้าเมืองยืนยันว่าต้องตรวจเอกสารของเด็กที่พาผ่านด่านว่ามี ความสัมพันธ์กับคนที่พาเด็กหรือผู้ติดตามมาด้วยหรือไม่
 
ปลายทางของเด็ก เป็นเพียงข้อสันนิษฐานว่าเด็กทารก หรือเด็กที่ยังอายุน้อยๆ จะสามารถนำไปแสวงหาผลประโยชน์อะไรได้บ้าง เนื่องยังไม่มีการจับกุมขบวนการเหล่านี้จนถึงปลายทาง ข้อสันนิษฐาน จึงอาจเป็นไปได้ว่า เด็กทารกอาจถูกนำไปเป็นเครื่องมือในการขอทาน หรือ ซื้อไปเพื่อเลี้ยงเป็นลูกสำหรับผู้มีลูกยาก
 
นอกจากนี้ยังมีข้อมูลจากผู้ใหญ่ในวงการสิทธิเด็กท่านหนึ่ง ได้กล่าวถึงเรื่องนี้ไว้ว่า ในประเทศมาเลเชียจะมีกฎหมายมรดก หากเจ้ามรดกไม่มีทายาททรัพย์สมบัติจะตกเป็นของแผ่นดิน ดังนั้นจึงมีการซื้อเด็กทารกเพื่อแจ้งเกิดเป็นบุตรของตนเอง นอกจากนี้ยังมีข้อสันนิษฐานอีกประการหนึ่งที่น่าสนใจคือ การซื้อเด็กไปเพื่อเลี้ยงไว้ใช้งานในบ้าน ซึ่งการลงทุนดังกล่าว จะถูกกว่าการจ้างคนมาทำงาน เพราะไม่ต้องจ่ายเงินเดือน มีเพียงอาหารให้กินเท่านั้น
 
ซึ่งข้อเท็จจริง ดังกล่าว ควรเป็นเรื่องที่รัฐบาลของทั้งสองประเทศ ต้องร่วมกันหาคำตอบว่า มีการนำเข้าเด็กทารกจากประเทศไทยไปยังประเทศมาเลเชียเพื่อการใด ???
 
ปัญหาเรื่องการซื้อขายเด็กทารกตามแนวชายแดน โดยเฉพาะทางภาคใต้ของประเทศไทยไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นใหม่ แต่เนื่องจากคนในครอบครัวของเด็ก เป็นผู้มีส่วนร่วมในการกระทำความผิด ปัญหาดังกล่าวจึงถูกหมักหมม อยู่ตามแนวชายแดน เมื่อปัญหาดังกล่าวนี้ ถูกหยิบยกขึ้นมาในสังคม ก็คงถึงเวลาต้องสะสางปัญหานี้เสียที ในฐานะของปัญหาการค้ามนุษย์ข้ามชาติ

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net