กกต.ฟัน 16 ส.ส. พ่วง 3 รมต.ถือหุ้นขัด รธน.

นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการ คณะกรรมการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าววันนี้ (9 ก.ย.) ภายหลังการประชุมพิจารณารายงานการสรุปผลการไต่สวนกรณี นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ และนายสมคิด หอมเนตร นักวิชาการอิสระ ยื่นคำร้องขอให้ กกต.ตรวจสอบ การกระทำของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) 44 ราย เนื่องจากอาจกระทำการเข้าข่ายขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 48 และมาตรา 265 (2) เนื่องจากถือครองหุ้นในบริษัทสื่อ และบริษัทที่เป็นคู่สัญญาสัมปทานรัฐ จากการประชุมมีมติเสียงข้างมากว่า การกระทำของ ส.ส.16 รายเป็นความผิดและเป็นเหตุที่ทำให้อาจสิ้นสมาชิกภาพความเป็น ส.ส.ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 106 โดยในจำนวนนี้ มีรัฐมนตรีรวมอยู่ด้วย 3 รายคือ นายเกื้อกูล ด่านชัยวิจิตร รมช.คมนาคม, นายมานิต นพอมรบดี รมช.สาธารณสุข และ นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รมช.มหาดไทย

เลขาธิการ กกต.กล่าวต่อว่า สำหรับ ส.ส.ที่ถูกตรวจสอบทั้ง 16 คน ประกอบด้วย 1.นายสุนัย จุลพงศธร ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย โดยมีคู่สมรส ถือหุ้น ปตท.สผ. 2.นายสมพล เกยุราพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย ถือหุ้นบริษัท ทีทีแอนด์ที และบริษัท ทีพีไอโพลีน 3.นางปานหทัย เสรีรักษ์ ส.ส.แพร่ พรรคเพื่อไทย ถือหุ้นบริษัทสหโคเจน ชลบุรี และ บริษัท อีคอนนิวส์ จำกัด ซึ่งประกอบธุรกิจหนังสือพิมพ์รายปักษ์ และบริษัทศิลามณีหินอ่อนที่ได้รับประทานบัตรในที่ดินของกรมป่าไม้ 4.นาย เอี่ยม ทองใจสด ส.ส.เพชรบูรณ์ พรรคเพื่อไทย ถือหุ้นบริษัทปูนซีเมนต์เอเชียจำกัด ที่ได้รับประทานบัตรในที่ดินกรมป่าไม้

5.นายไพโรจน์ ตันบรรจง ส.ส.พะเยา พรรคเพื่อไทย ถือหุ้นบริษัท โกลด์พลังงานจำกัด 6.นายรังสรรค์ วันไชยธนวงศ์ ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย บริษัทไทยคมจำกัด (มหาชน) 7.ร.ท.ปรีชาพล พงษ์พานิช ส.ส.ขอนแก่น พรรคเพื่อไทย ถือหุ้นบริษัท ปตท.สผ. และบริษัท อสมท.จำกัด (มหาชน) 8.นายอัสนี เชิดชัย ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย โดยคู่สมรส ถือหุ้นบริษัท ทรูวิชั่น จำกัด (มหาชน) 9.นางมลิวัลย์ ธัญญสกุลกิจ ส.ส.สุรินทร์ พรรคเพื่อแผ่นดิน ถือหุ้นบริษัท ปตท.สผ.10.นายสาธิต เทพวงศ์ศิริรัตน์ ส.ส.สุรินทร์ พรรคเพื่อแผ่นดิน ถือหุ้นบริษัท ทีทีแอนด์ที จำกัด (มหาชน) 11.ม.ร.ว.กิติวัฒนา (ไชยันต์) ปกมนตรี ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อแผ่นดิน ถือหุ้นบริษัท ทีทีแอนด์ที

12.น.ส.ตรีนุช เทียนทอง ส.ส.สระแก้ว พรรคประชาราช ถือหุ้นบริษัทพีทีเอ คอนสตรัคชั่น ที่รับประทานบัตรเหมืองในที่ดินป่าไม้ 13.นายเสนาะ เทียนทอง ส.ส.สระแก้ว พรรคประชาราช โดยคู่สมรส ถือหุ้นบริษัททางด่วนกรุงเทพจำกัด (มหาชน) ส่วน ส.ส.ที่เป็นรัฐมนตรีมี 3 คน ประกอบด้วย 14.นายเกื้อกูล ด่านชัยวิจิตร ส.ส.อยุธยา และ รมช.คมนาคม โดยคู่สมรส ถือหุ้น ปตท.สผ.15.นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ ส.ส.นครราชสีมา และ รมช.มหาดไทย โดยภรรยาถือหุ้น ปตท.สผ. และ 16.นายมานิต นพอมรบดี ส.ส.ราชบุรี และรมช.สาธารณสุข ถือหุ้นบริษัททรูวิชั่น บริษัท ปตท.สผ.และบริษัททีพีไอ จำกัด (มหาชน)

นาย สุทธิพล กล่าวถึงกรณี พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกฯ ที่ถูกกล่าวหาว่าถือหุ้นบริษัท ทีทีแอนด์ทีจำกัด (มหาชน) และ บริษัทสามารถเทเลคอม จำกัด (มหาชน) แต่ กกต.พิจารณาว่าไม่เข้าข่ายความผิดว่า กรณีนี้ เนื่องจาก พล.ต.สนั่นแสดงเจตจำนงที่จะสละสิทธิการถือหุ้นดังกล่าว ก่อนจะเขารับตำแหน่งโดยมีเอกสารยืนยันชัดเจนว่า ได้ให้โบรคเกอร์ขายแล้ว และขายได้บางส่วนก่อนเข้าดำรงตำแหน่ง และบางส่วนขายได้ภายหลัง กกต. เสียงข้างมาก จึงเห็นว่าไม่มีเจตนาถือครองหุ้นจึงไม่ถือเป็นความผิด

เลขาธิการ กกต.กล่าวอีกว่า การพิจารณาของ กกต.เป็นมติเสียงข้างมาก แต่ไม่สามารถเปิดเผยได้ เนื่องจากเป็นการลงมติรายบุคคลที่บางคนจะมีคะแนนไม่เท่ากัน โดยหลังจากนี้ กกต.จะส่งรายชื่อ ส.ส.ที่มีมติว่า กระทำการเข้าข่ายให้ต้องสิ้นสมาชิกภาพไปยังประธานสภาผู้แทนราษฎรเพื่อดำเนิน การตามมาตรา 91 ของรัฐธรรมนูญ ส่วนรัฐมนตรีสามคนที่ กกต.มีมติว่าถือหุ้นต้องห้าม ไม่เกี่ยวกันกับการดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรี เพราะผู้ร้องร้องให้สิ้นสมาชิกภาพความเป็น ส.ส.เท่านั้น ประกอบกับ รัฐธรรมนูญไม่ได้กำหนดว่า รัฐมนตรีต้องมาจาก ส.ส.

สรุปมี 22 บริษัทเป็นหุ้นต้องห้าม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่บริษัทที่กกต.มีมติว่าเข้าข่ายเป็นบริษัทที่ประกอบธุรกิจสื่อ และเป็นคู่สัญญาสัมปทานกับรัฐ ตามนัยยะมาตรา 265 (2) (4) สรุปรวม 22 บริษัท ประกอบด้วย1.บริษัท จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) 2.บริษัทอสมท.จำกัด (มหาชน) 3. บริษัท โทเทิล แอคเซส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) 4.บริษัท โกล์ว พลังงาน จำกัด (มหาชน) 5.บริษัทปตท.จำกัด (มหาชน) 6.บริษัทระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) 7.บริษัทปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) 8.บริษัท ปตท.เคมิคอล จำกัด (มหาชน) 9.บริษัททีพีไอโพลีน จำกัด มหาชน 10.บริษัทผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) 11.บริษัทผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้งจำกัด (มหาชน) 12.บริษัทสหโคเจน (ชลบุรี) จำกัด (มหาชน) 13.บริษัทชินคอร์เปอร์เรชั่น จำกัด (มหาชน) 14.บริษัทไทยคม จำกัด (มหาชน) 15.บริษัททรูคอร์เปอร์เรชั่น จำกัด (มหาชน) 16.บริษัท ทีทีแอนด์ที จำกัด (มหาชน) 17.บริษัทผู้จัดการ จำกัด (มหาชน) 18.บริษัททางด่วนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) 19.บริษัท อีคอนนิวส์จำกัด (มหาชน) 20 บริษัทศิลามณีหินอ่อนจำกัด (มหาชน) 21.บริษัทปูนซีเมนต์เอเชียจำกัด (มหาชน) และ 22.บริษัท พีทีเอ จำกัด (มหาชน)

ผู้สื่อข่าวรายงาน ด้วยว่า ส.ส.ที่ถูกตัดสินว่ามีความผิดฯ แยกเป็นพรรคเพื่อไทย 8 คน พรรคเพื่อแผ่นดิน 3 คน พรรคชาติไทยพัฒนา 1 คน พรรคประชาราช 2 คน และพรรคภูมิใจไทย 2 คน ส่วน ส.ส.อีก 28 ราย กกต. มีมติว่าถือครองหุ้นในบริษัทที่ไม่เข้าข่ายต้องห้าม ส่วนขั้นตอนต่อไป กกต.จะยกร่างคำวินิจฉัยเสนอไปยังประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยอีกครั้ง หาก ส.ส.ที่ถูกวินิจฉัยให้พ้นจากสมาชิกภาพ เห็นว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม สามารถร้องศาลปกครองได้

ทั้งนี้ เมื่อรวมมติของ กกต.ที่ตัดสินการถือหุ้นของ ส.ส.และส.ว.ทำให้พบว่า ทั้งรัฐสภามี ส.ส.และ ส.ว.ที่ กกต.มีมติว่ากระทำการต้องห้ามจนเป็นเหตุให้ สมาชิกภาพสิ้นสุดลงรวมทั้งสิ้น 45 ราย เป็น ส.ว.16 ราย ส.ส 29 ราย โดยก่อนหน้านี้ กกต.วินิจฉัย ให้ ส.ว.16 คน พ้นสมาชิกภาพ เนื่องจากถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์ วิทยุกระจายเสียง โทรทัศน์ และเป็นหุ้นส่วนหรือถือหุ้นบริษัทที่รับสัมปทาน หรือเป็นคู่สัญญาสัมปทานกับรัฐ โดย กกต.ยกร่างคำวินิจฉัยเสนอไปยังประธานวุฒิสภาเพื่อเสนอเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่สามารถเสนอเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญชี้ขาดได้ เนื่องจาก ส.ว.ทั้ง 16 คน ร้องศาลปกครองสูงสุด ให้เพิกถอนคำวินิจฉัยของ กกต.ขณะนี้อยู่ระหว่างการไต่สวน

ที่มา: เรียบเรียงจากไทยรัฐออนไลน์, เว็บไซต์โพสต์ทูเดย์, กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท