โชห่วยใต้ชนห้างยักษ์ ตั้งเครือข่ายสร้างพลังค้าส่ง-ค้าปลีก

เค แอนด์ เค ห้างค้าปลีกใหญ่ในหาดใหญ่ รับเป็นพี่เลี้ยงพัฒนาธุรกิจ รวมกลุ่มสร้างเครือข่ายร้านค้าส่ง-ค้าปลีกในจังหวัดสงขลา สร้างพลังสู้ห้างใหญ่ของต่างชาติ หาทางลดต้นทุน สร้างโปรโมชั่นกันเอง ยกระดับโชห่วยไทย

นายกวิศพงษ์ สิริธนนนท์สกุล กรรมการผู้จัดการบริษัท เค แอนด์ เค ซุปเปอร์ค้าส่ง จำกัด หรือ K&K ห้างค้าส่ง – ค้าปลีกชื่อดังในอำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา เปิดเผยว่า บริษัท เค แอนด์ เค ซุปเปอร์ค้าส่ง จำกัด ได้รับการคัดเลือกจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ให้เป็นพี่เลี้ยงแก่ร้านค้าส่ง – ค้าปลีกในจังหวัดสงขลา ในการรวมกลุ่มสร้างเครือข่ายธุรกิจค้าส่ง – ค้าปลีก เพื่อสร้างความเข้มแข็ง หลังจากได้รับผลกระทบจากภาวะวิกฤติเศรษฐกิจโลกชะลอตัว และการเปิดสาขาของห้างค้าปลีกขนาดใหญ่ (โมเดิร์นเทรด) ของต่างชาติ

นายกวิศพงษ์ เปิดเผยต่อว่า ได้มีการเปิดตัวพี่เลี้ยงในโครงการนี้ในจังหวัดสงขลาไปแล้วในการสัมมนาเรื่อง “การรวมกลุ่มสร้างเครือข่ายธุรกิจค้าส่ง – ค้าปลีก” เมื่อวันที่ 12 กันยายน 2552 ที่โรงแรมเจบีหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ที่มีผู้ประกอบการร้านค้าส่ง – ค้าปลีกในจังหวัดสงขลากว่า 200 คนเข้าร่วม ขณะที่หน้าห้องสัมมนามีตัวแทนจำหน่ายสินค้า (ซัพพลายเออร์) 42 รายนำสินค้าประเภทต่างๆ มาแนะนำและจำหน่าย
 
ในการสัมมนาครั้งนั้น มีนายพีระพงษ์ กิติเวชโภคาวัฒน์ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยธุรกิจค้าปลีกและแฟรนไชส์สากล มหาวิทยาลัยศรีปทุมบรรยายหัวข้อ “ถึงเวลาแล้วทีโชห่วยต้องปรับตัว” โดยอธิบายถึงผลกระทบของธุรกิจค้าปลีก - ค้าส่งที่ได้รับจากภาวะวิกฤติเศรษฐกิจโลกและจากห้างค้าปลีกขนาดใหญ่ของต่างชาติ รวมทั้งมีการเสวนาหัวข้อ “การรวมกลุ่มสร้างเครือข่ายธุรกิจค้าส่ง – ค้าปลีก” โดยมีนายสมชาย สร้อยทอง ผู้อำนวยการสำนักส่งเสริมและพัฒนาธุรกิจ นายพีระพงษ์และตนเป็นผู้ร่วมเสวนา
 
นายกวิศพงษ์ เปิดเผยต่อว่า เหตุที่บริษัท เค แอนด์ เค ซุปเปอร์ค้าส่ง จำกัด ได้รับเลือกเป็นพี่เลี้ยงในโครงการนี้ เนื่องจากเป็นธุรกิจค้าส่ง – ค้าปลีกรายใหญ่รายหนึ่งในจังหวัดสงขลา โดยโครงการการรวมกลุ่มสร้างเครือข่ายธุรกิจค้าส่ง – ค้าปลีกดังกล่าว กรมพัฒนธุรกิจการค้า ดำเนินการไปทั่วประเทศ
 
เนื่องจากภาวะทางธุรกิจของธุรกิจค้าส่ง – ค้าปลีก รวมทั้งร้านโชว์ห่วยของคนไทยปัจจุบันได้รับผลกระทบมาจาก 2 สาเหตุหลัก คือ สภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว ทำให้มูลค่าการค้าในภาคใต้ลดลงประมาณ 20 – 25 % ในขณะที่ทั่วประเทศมีมูลค่าลดลงในสัดส่วนที่พอๆกัน และยังได้รับผลกระทบจากห้างโมเดิร์นเทรดที่ปัจจุบันมีการรุกขยายเปิดสาขาในต่างจังหวัดจำนวนมาก โดยเฉพาะในภาคเหนือกับภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ในขณะที่ในภาคใต้ก็กำลังจะมีการเปิดสาขาใหม่ๆ มากขึ้นเช่นกัน
 
ทั้งนี้การดำเนินงานของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า มี 3 ระยะด้วยกัน ประกอบด้วย ระยะที่ 1 คือกรมพัฒนาธุรกิจการค้า มองว่าร้านค้าส่ง – ค้าปลีกรายย่อยยังสู้ห้างใหญ่ไม่ได้ เนื่องจากขาดทักษะและขาดแหล่งซื้อสินค้าราถูก ดังนั้น กรมพัฒนาธุรกิจการค้า จึงให้ผู้ค้าส่ง – ค้าปลีกได้เจอกับซัพพลายเออร์ หรือ ผู้แทนจำหน่ายสินค้าได้โดยตรงก่อน เพื่อให้ทราบแหล่งหาซื้อสินค้าราคาถูกกว่า แทนที่จะซื้อจากห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ของต่างชาติในช่วงโปรโมชั่นลดราคาโดยโครงการนี้เริ่มมาตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2552 ที่ผ่านมาแล้ว
 
นายกวิศพงษ์ เปิดเผยว่า จากการพบกันดังกล่าว ปรากฏว่าผู้ค้าส่ง – ค้าปลีกกว่า 80 ราย ได้สั่งซื้อสินค้าจำนวนมาก โดยเป็นการรวมกลุ่มกันสั่งซื้อสินค้าในจำนวนมาก เพื่อให้ได้ราคาถูกลงหรือมีส่วนลดหรือของแถมมากขึ้น ทำให้ต้นทุนต่ำลง โดยมีมูลค่าสินค้ารวมประมาณ 5 – 6 ล้านบาท
 
ขั้นตอนต่อไป จะเริ่มในปีหน้าสำหรับในจังหวัดสงขลา คือการจัดทำโครงการเชื่อมโยงธุรกิจ โดยกรมพัฒนาธุรกิจการค้าจะจัดส่งทีมงานเข้าไปปรับปรุงร้านค้าที่อยู่ในเครือข่าย โดยจะจัดทำผังร้านให้ใหม่ จนเป็นที่พอใจร่วมกันแล้ว ก็จะทำสัญญาระหว่างกันเพื่อร่วมกันปรับปรุงร้านและสร้างเครือข่ายธุรกินค้าส่ง – ค้าปลีก ซึ่งในส่วนนี้กรมพัฒนาธุรกิจการค้าจะจัดงบสรรประมาณให้กับพี่เลี้ยงได้ดำเนินการด้วย
 
“ในการจัดร้านนั้น ยึดหลัก 3 ส คือ สะอาด สะดวก และสว่าง เพราะที่ผ่านมาถามว่า ร้านโชว์ห่วยจัดร้านให้สวยเหมือนร้านเซเว่น อีเลฟเว่นได้หรือไม่ มีออกแบบร้านให้มีรูปลักษณ์ที่ดีและสะดวกสบายได้หรือไม่ ยังไม่ต้องพูดถึงการจัดโปรโมชั่นว่าทำได้หรือไม่ หรือแม้แต่การให้พนักงานให้บริการอย่างมีมาตรฐานก็ยังสู้ร้านสะดวกซื้ออย่างเซเว่น อีเลฟเว่นว่าทำได้หรือไม่”  
 
“อย่างบางร้านที่ผมลงไปดู พบว่า มีการวงไข่ไก่ บะหมีและนมผงไว้ใกล้กับน้ำส้มยาง (กรดน้ำยางพารา) และยากันยุง ซึ่งไม่ถูกต้องเพราะสารเคมีสามารถซึมเข้าไปทางเปลือกไข่ไก่ ซองบะหมี่และซองนมผงได้ จะเป็นอันตรายกับผู้บริโภค” นายกวิศพงษ์ กล่าว
 
นายกวิศพงษ์ กล่าวต่อว่า เพราะฉะนั้นการจัดร้านต้องเป็นหมวดหมู่ ถามว่า ทำไมคนถึงอยากเข้าร้านเซเว่น อีเลฟเว่น ก็เพราะดูแล้วสะอาด สะดวกและสว่าง ต่างกับร้านโชว์ห่วย หรือร้านค้าส่ง – ค้าปลีกทั่วไป
 
ถ้าเทียบกับโมเดิร์นเทรดหรือร้านสะดวกซื้อแล้ว ร้านค้าส่ง – ค้าปลีกมืด 6 ด้าน คือ ถ้าตัดคำว่าซื้อเป็นขายเป็นออกไป เราจัดร้านให้สวยเหมือนร้านเซเว่น อีเลฟเว่นได้มั้ย ออกแบบร้านให้มีรูปลักษณ์ที่ดี สะดวกสบายได้มั้ย จัดโปรโมชั่นได้หรือไม่ หรือแม้แต่การให้พนักงานให้บริการอย่างมีมาตรฐานก็ยังสู้ไม่ได้
 
นายกวิศพงษ์ เปิดเผยต่อว่า ดังนั้นการดำเนินการขั้นต่อไปหลังจากการจัดร้านค้าให้แล้ว คือการจัดโปรโมชั่นร่วมกัน โดยคิดต่อไปถึงการจัดรายการชิงโชคร่วมกันด้วย ซึ่งในเดือนมกราคม 2553 จะมีการประชุมเพื่อขับเคลื่อนกันในระยะต่อไป
 
ทั้งนี้จากการสำรวจร้านค้าส่ง – ค้าปลีกในจังหวัดสงขลา ในรัศมี 80 กิโลเมตรจากอำเภอหาดใหญ่ ซึ่งครอบคลุมพื้นที่บางส่วนของจังหวัดสตูลและพัทลุง พบว่า มีร้านที่จะเข้าร่วมสร้างเครือข่าย ประมาณ 1,100 ร้าน แต่ยังมีอีกหลายร้านที่ไม่ยอมเข้ามา เนื่องจากเห็นว่าหนังสือเชิญมีตราครุฑอยู่ จึงเกรงว่าจะถูกเก็บภาษี และเหตุที่ต้อง 80 กิโลเมตร เนื่องจากเป็นระยะทางที่สามารถสั่งซื้อและขนส่งสินค้าได้เหมาะสม เพราะถามระยะทางไกลกว่านี้ต้นทุนจะสูงขึ้นมาก ซึ่งที่ผ่านมาพบว่า เป็นระยะทางที่ร้านค้าปลีกทั่วไป เดินทางไปซื้อสินค้าที่ร้านค้าส่งอยู่แล้ว
 
นายกวิศพงษ์ กล่าวว่า การสร้างเครือข่ายดังกล่าวเพื่อสร้างความเข้มแข็งให้กับธุรกิจค้าส่ง – ค้าปลีก โดยจะทำให้สามารถสู้กับโมเดิร์นเทรด หรือร้านสะดวกซื้อ อย่างเซเว่น อีเลฟเว่นได้ เพราะที่ผ่านมา เซเว่น อีเลฟเว่น ซึ่งสามารถมีโปรโมชั่นได้ เช่น ลดราคา การสะสมคะแนน แต่ร้านค้าส่ง – ค้าปลีก ไม่มีหรือไม่สามารถทำอย่างนั้นได้
 
นายกวิศพงษ์ เปิดเผยกล่าวว่า แต่ถ้าร่วมเป็นเครือข่ายกันได้ เช่น รวมกลุ่มกันได้ 20 ร้าน ก็สามารถทำได้ สามารถคุยกันได้ว่าจะทำรายการอะไร จะลดราคา หรือสะสมคะแนนเหมือนเซเว่น อีเลฟเว่น จะทำตอนไหนก็ได้ ซึ่งต่างกับเซเว่น อีเลฟเว่น ที่ต้องรอคำสั่งจากส่วนกลางก่อนเท่านั้น
 
เมื่อรวมกลุ่มกันได้ ก็สามารถสั่งซื้อสินค้าจากซัพพลายเออร์ได้ในปริมาณมากๆ และจะทำให้ได้ราคาถูกลง หรือได้ขอแถมมากขึ้น ทำให้สามารถมาทำโปรโมชั่นร่วมกันได้ โดยซัพพลายเออร์บางราย เป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้ากว่า 500 รายการ อย่างบริษัท ดีธแฮม
 
สำหรับร้านค้าส่ง – ค้าปลีก ที่สนใจก็ให้มาแจ้งชื่อที่บริษัท เค แอนด์ เค ซุปเปอร์ค้าส่ง จำกัด หรือที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้าได้ แล้วทางกรมก็จะส่งทีมงานเข้าไปช่วยพัฒนาร้านให้
 
นายกวิศพงษ์ เปิดเผยด้วยว่า ปัญหาที่ผ่านมาจากการดำเนินงานของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ในจังหวัดอื่นๆ พบว่า บางร้านใช้เวลาจัดร้านให้ทั้งวันทั้งคืนเป็นเวลา 6 วัน แต่พอ 3 เดือนลงไปดูอีกครั้ง พบว่าร้านกลับมาเหมือนเดิมแล้ว เพราะเจ้าของร้านบอกว่าหาไม่เจอ เพราะฉะนั้นการพัฒนาร้านก้ต้องเป็นหน้าที่ของเจ้าของร้านเองดีที่สุด
 
นายกวิศพงษ์ กล่าวทิ้งท้ายว่า การพัฒนาเครือข่ายเช่นนี้โดยการให้ร้านค้าส่ง – ค้าปลีก ได้มาพบและสั่งของจากซัพพลายเออร์โดยตรง ไม่กระทบกับร้านค้าส่ง (ยี่ปั๊ว) เดิม ซึ่งร้านค้าส่งพวกนี้ก็ต้องมาร่วมโครงการนี้ด้วย เพราะลำพังร้านค้าส่งยังไม่มีพลังพอที่จะสู้กับโมเดิร์นเทรดได้ แต่ต้องเข้ามาร่วมเพื่อให้ได้รับประโยชน์ร่วมกันทั้งร้านค้าส่งและค้าปลีก

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท