Skip to main content
sharethis
 
 
24 ต.ค.52  เมื่อเวลา 18.30 น. นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ ตอบคำถามของสื่อมวลชนภายหลังการแถลงข่าวผลการประชุมสุดยอดอาเซียนในกรอบต่างๆ ถึงกรณีการตอบโต้ระหว่างผู้นำของไทยและกัมพูชาที่อาจจะส่งผลกระทบต่อความเข้มแข็งในประชาคมอาเซียน ว่า กรณีที่สมเด็จฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชาให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 23 ต.ค.ถึงความสัมพันธ์กับ พ.ต.ท.ทักษิณนั้น นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีก็ได้ชี้แจงแล้วและชัดเจนดีว่าอะไรเป็นอะไร  ตนคิดว่าสมเด็จฮุนเซนได้รับทราบที่นายกฯพูด และคงรับไปพิจารณา อย่างไรก็ตาม วันนี้สมเด็จฮุนเซน เดินมาบอกตนว่าท่านยินดีที่จะสนับสนุนเรื่องที่ประเทศไทยจะขอเป็นที่ตั้งสำนักงานหน่วยตรวจสอบติดตามภายใต้ข้อริเริ่มเชียงใหม่ หรือซีเอ็มไอเอ็ม  อีกทั้งยังขอให้ตนขอความสนับสนุนจากทุกประเทศเพื่อให้มีข้อยุติโดยเร็ว ซึ่งก็ได้มีการติดต่อพูดจาร่วมมือกันอยู่ ส่วนการทำมาค้าขายระหว่างแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ก็ยังไม่มีปัญหา
 
“เรื่องอื่นๆ เราก็ยังให้ความช่วยเหลือกันอยู่ ไม่ใช่ว่าเรื่องหนึ่งเรื่องใด กรณีหนึ่งกรณีใดจะทำให้โกรธเกลียดกันแล้วก็จะไม่ทำอย่างอื่น นี่ก็เป็นการให้คำมั่นสัญญาระหว่างท่านนายกฯ อภิสิทธิ์กับสมเด็จฯฮุนเซน โดยตลอดมาตั้งแต่เรามาเป็นรัฐบาลได้ 10 เดือน ก็ได้พูดกับผู้นำกัมพูชาว่า จะมิให้เรื่องหนึ่งเรื่องใดเป็นอุปสรรคต่อการร่วมมืออีกห้าสิบเรื่อง ยี่สิบเรื่องอะไรต่างๆ เหล่านี้”นายกษิตกล่าว
 
เมื่อถามว่าการที่กลุ่มพันธมิตรจะมีมาตรการตอบโต้บางอย่าง นายกษิตตอบว่า ข้อแรกเราเป็นสังคมประชาธิปไตย มีฝ่ายที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วยกับรัฐบาล ทุกคนมีสิทธิในการแสดงความเห็น แต่สิ่งที่พูดตลอดเวลาคือ อย่าใช้ความรุนแรงและพูดด้วยเหตุผลอย่าใช้อารมณ์  ส่วนที่กลุ่มพันธมิตรฯ มายื่นหนังสือเมื่อกลางวันนี้ ตนก็ได้ให้อธิบดีกรมอาเซียน กระทรวงการต่างประเทศ ไปรับหนังสือแล้ว ซึ่งเป็นความร้อนใจจากกลุ่มพันธมิตรฯ บางคน ไม่ใช่ทั้งหมด ก็ได้รับไว้พิจารณาว่ามีอะไรที่จะถ่ายทอดต่อสาธารณะได้หรือมีอะไรที่จะบอกกับประเทศเพื่อนบ้านถึงความเป็นมาก็ต้องบอกว่าเป็นมาอย่างไร
 
เมื่อถามว่าเรื่องนี้จะกลายเป็นเรื่องใหญ่หรือไม่ นายกษิต ตอบว่า ไม่ควรเป็นเรื่องใหญ่ เพราะเรามีหน้าที่ส่งเสริมความสัมพันธ์ ไม่มีหน้าที่ไปรบราฆ่าฟันกับใคร เราอยู่ในสมาคมอาเซียนด้วยกันต้องร่วมมือกัน มีกติกา มีกฎบัตรสหประชาชาติและกฎบัตรอาเซียน 
 
“ผู้นำก็มีภาระหน้าที่ที่จะพูดหรือทำอะไรที่ไม่นำไปสู่การทะเลาะเบาะแว้ง หรือการเข้าใจผิดซึ่งเป็นภาระหน้าที่ของนักการเมืองที่ดีครับ”นายกษิตกล่าว 
 
เมื่อถามว่ากรณีที่นายวีระ สมความคิด ตัวแทนพันธมิตรฯ เรียกร้องให้ทางการไทยเชิญสมเด็จฮุนเซนออกนอกประเทศ เหตุเพราะรับรองการให้ที่พักพิงแก่ พ.ต.ท.ทักษิณนั้น รัฐบาลไทยจะทำตามข้อเรียกร้องดังกล่าวหรือไม่ และจะอธิบายต่อกลุ่มพันธมิตรฯอย่างไร นายกษิต ตอบว่า “ผมยังไม่ทราบเพราะยังไม่เห็นหนังสือ ส่วนที่สมเด็จฯฮุนเซนบอกว่าจะหาที่พักให้(พ.ต.ท.ทักษิณ)  ผมไม่ทราบว่าหาที่พักให้หลังจากที่คุณทักษิณกลับมาติดคุกที่นี่ (ไทย) หรือยัง  ถ้ามาติดคุกเสียก่อนก็ไปอยู่(กัมพูชา)ได้  แต่ถ้าไปอยู่ที่โน่นก่อนก็อีกเรื่องหนึ่ง เพราะก็บอกแล้วว่าเรามีสนธิสัญญาการส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนระหว่างไทย-กัมพูชา ซึ่งเป็นพันธกรณีระหว่างกันอยู่ ดังที่ท่านนายกฯอภิสิทธิ์ ได้พูดเมื่อวานนี้ว่าความสัมพันธ์ส่วนตัวก็อีกเรื่องหนึ่ง แต่คงไม่กระทบหรือเหนือกว่าความสัมพันธ์ในระดับชาติหรือสองประเทศ ก็โตๆ กันแล้ว ก็อยู่ในแวดวงการเมืองกันนาน ก็พอจะรู้ว่าสิ่งที่จะต้องปฏิบัติในกติการะหว่างประเทศคืออะไร คงไม่ต้องไปอธิบาย สอนอะไรกันมากมาย ก็โตๆ กันแล้วครับ”
 
 
สื่อออสซี่ชี้ ‘ฮุนเซน’ ทำผิดมารยาท ขัดพิธีการทูต
เว็บไซต์ของสำนักข่าวเอบีซีนิวส์ของออสเตรเลีย นำเสนอความเคลื่อนไหวบนเวทีการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนและประเทศภาคี 6 ชาติ โดยชี้ว่าการประชุมอาเซียนครั้งนี้เจออุปสรรคตั้งแต่เริ่มแรกจากเหตุพิพาททางการทูตระหว่างไทยและกัมพูชา โดยเอบีซีนิวส์ชี้ว่า พฤติกรรมของสมเด็จฯฮุน เซน ที่ออกมาให้สัมภาษณ์ถึง พ.ต.ท.ทักษิณนั้น ถือว่าขัดต่อพิธีการทูตของอาเซียนที่จะไม่ทำให้ประเทศสมาชิกต้องอับอายหรือลำบากใจในที่สาธารณะ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นนี้กำลังสะท้อนความสัมพันธ์ที่ยุ่งยากระหว่างไทยกับกัมพูชา

เอบีซีนิวส์ระบุอีกว่า พ.ต.ท.ทักษิณและสมเด็จฯฮุน เซน ทำธุรกิจร่วมกันมานาน และว่า นักสังเกตการณ์ทางการเมืองหลายคนต่างรู้สึกผิดหวังที่ผู้นำกัมพูชายก พ.ต.ท.ทักษิณขึ้นมาเปรียบเทียบกับนางออง ซาน ซูจี ที่เป็นนักเคลื่อนไหวต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยในพม่า
 
อดีตทูตซัด "ผจก.การเมืองไทย"
ด้านนายสุรพงษ์ ชัยนาม อดีตเอกอัครราชทูต 5 ประเทศซึ่งเคยขึ้นเวทีกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย(พธม.) กล่าวถึงท่าทีสมเด็จฯฮุน เซน ว่าไม่ใช่เรื่องเหนือความคาดใหม่ เพราะนโยบายด้านการต่างประเทศของกัมพูชาดำเนินมาในลักษณะเช่นนี้กว่า 70 ปีแล้วคือ พยายามตอกลิ่ม และสร้างความขัดแย้งภายในประเทศที่มีปัญหากับตน ยอมรับว่าสมเด็จฯฮุน เซน สามารถอ่านการเมืองไทยได้อย่างทะลุ จึงประกาศตัวชัดเจนว่าเป็นผู้จัดการการเมืองไทย และสามารถทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงได้

"ต้องยอมรับว่าท่าทีของสมเด็จฯฮุน เซน ที่ออกมา เป็นการผิดมารยาททางการเมืองระหว่างประเทศขั้นรุนแรง โดยเฉพาะการแถลงเรื่อง พ.ต.ท.ทักษิณขณะมาประชุมในไทย อีกทั้งยังนำกรณีของนางออง ซาน ซูจี  มาเปรียบเทียบกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ทั้งที่ใครก็รู้ว่ามันต่างกันราวฟ้ากับเหว ยังไม่รวมการประกาศไม่ส่งตัว พ.ต.ท.ทักษิณกลับมาให้ทางการไทยโดยอ้างว่าเป็นคดีการเมือง ทั้งที่ พ.ต.ท.ทักษิณคือผู้ต้องหาคดีอาญา"

ชี้"แม้ว"หวังให้"มาร์ค"ตบะแตก
เมื่อถามว่า รัฐบาลไทยควรตอบโต้ท่าทีกัมพูชาอย่างไร นายสุรพงษ์กล่าวว่า ถ้อยแถลงของนายอภิสิทธิ์ที่ตอบโต้นายกฯกัมพูชาอย่างสุภาพเพียงพอแล้ว และไม่ทำให้สถานการณ์เลวร้ายกว่าที่เป็นอยู่ เชื่อว่าน่าจะสร้างความผิดหวังให้ พ.ต.ท.ทักษิณกับพวกอย่างมาก เพราะต้องการให้นายกฯตบะแตกแล้วตอบโต้กัมพูชาด้วยทีกักขฬะ

"แต่ในส่วนของ พธม. ผมเชื่อว่าต้องมีความเคลื่อนไหวตอบโต้สมเด็จฯฮุน เซน อย่างรุนแรง ควบคู่กับการโจมตี พ.ต.ท.ทักษิณ และ พล.อ.ชวลิต ซึ่งไม่เฉพาะ พธม. หรือกลุ่มคนเสื้อเหลือง แต่เชื่อว่านักวิชาการและคนไทยหลายกลุ่มที่มีความรักชาติย่อมไม่พอใจที่จู่ๆ คนต่างชาติเข้ามาแทรกแซงกิจการภายในของเรา คาดว่าหลายกลุ่มจะไปประท้วงหน้าสถานทูตกัมพูชาในประเทศไทย" นายสุรพงษ์กล่าว และว่า กรณี พล.อ.ชวลิตเดินสายไปพบผู้นำอีกหลายประเทศ อาทิ มาเลเซีย พม่า ฯลฯ นั้นเป็นแผนการใช้ต่างประเทศกดดันรัฐบาลไทยอย่างชัดแจ้ง
 
 
 
ที่มาบางส่วนจากเว็บไซต์มติชน

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net