“เมื่อนักการเมืองจนแต้ม ไม่รู้จะประคองตัวให้อยู่บนเวทีแห่งอำนาจต่อไปอย่างไร เขามักจะปลุกกระแสชาตินิยม เพราะภายใต้รัฐประชาชาติ “ชาติ” กลายเป็นรูปเคารพที่เรียกร้องการกราบไหว้อย่างงมงายแทนการใช้สติปัญญา” (อ.นิธิ เอียวศรีวงศ์, มติชนสุดสัปดาห์, ฉบับวันที่2-8 ตุลาคม 2552
เป็นประโยคนำที่โดนใจดิฉันเป็นอย่างมากสำหรับเหตุการณ์และท่าทีของนายกฯ หัวดื้ออย่างนายอภิสิทธิ์ ในเวลานี้
ท่าทีแข็งกร้าวเอาแต่ใจตัวเองของนายกฯ ไทยผู้นี้กำลังนำความสัมพันธ์ของไทยและกัมพูชามาต่อรองโดยอาศัย ”ชาตินิยม” มาเป็นอาวุธร้ายฝ่ายตรงข้าม และสนองอัตตาของตนโดยปราศจากวุฒิภาวะและเหตุผลแห่งจุดยืนส่วนรวมเป็นที่ตั้ง
มีเพียงข้ออ้างที่ไม่ฟังใครแต่อาศัยจุดยืนส่วนตัวแสดงท่าทีต่อกรณีสมเด็จฮุนเซ็นฯ ที่จะไม่ส่งตัวอดีตนายกฯ ทักษิณกลับไทยหากท่านจะเดินทางมาพักพิงที่บ้านพักของเพื่อนแท้คนหนึ่งที่จะอยู่เคียงข้างไม่ว่าเพื่อนจะทุกข์หรือสุข นี่มองในแง่ใจแล้วได้ใจประชาชนและประชาชาติทั่วโลกมากโข
ตรงกันข้ามกับนายกฯ ไทยที่ตอบโต้การเสียหน้าของตัวเองด้วยการเอาความสัมพันธ์ของสองประเทศคือไทยกับกัมพูชามาเป็นเดิมพันและต่อรองด้วยความต้องการเอาชนะท่านทักษิณให้ได้
ช่างเป็นท่าทีที่แข็งกร้าวแต่ขาดซึ่งวุฒิภาวะทางอารมณ์อย่างสิ้นเชิง ท่านนายกฯ ทราบหรือไม่ว่าปฏิกิริยาเช่นนี้นำไปสู่สงครามกับประเทศเพื่อนบ้านในที่สุด แล้วสุดท้ายก็จะไม่มีใครได้ประโยชน์จากการเอาแต่ใจของท่าน
เพราะเมื่อถึงภาวะสงครามจริงๆ ผู้คนที่ล้มตายก็คือประชาชนที่เป็นลูกตาสีตาสา ทหารเกณฑ์จนๆ ไม่ใช่ผู้บริหารประเทศอย่างท่านและพวก
ทบทวนดูใหม่เถิดท่านว่าท่านกำลังเอาประเทศ เอาชีวิตประชาชนมาเป็นการเดิมพันเพื่อสนองอีโก้ของตัวเองที่แพ้ใครไม่เป็นใช่หรือไม่
“ผมฟังเหตุผลจากทุกคน” นี่คือคำพูดที่มักจะได้ยินเสมอจากการตอบคำถามของนายกฯอภิสิทธิ์ แต่...ด้วยความที่เป็นเด็กดื้อที่หวังเพียงต้องการเอาชนะฝ่ายตรงข้ามเท่านั้น ท่าทีการตอบโต้ในกรณีต่างๆ จึงเป็นไปอย่างที่ผ่านๆ มาตั้งแต่การแต่งตั้ง ผบ.ตร.ที่หาข้อสรุปไม่ได้จนมาถึงเรื่องความสัมพันธ์ของไทยกับกัมพูชาในวันนี้
ดิฉันในฐานะประชาชนคนหนึ่งที่รักชาติไม่แพ้กันรู้สึกเศร้าใจอย่างที่สุดสำหรับท่าทีของท่านนายกฯ ที่เคารพท่านนี้ ทบทวนดูใหม่เถิด
ท่านจะเอาความสัมพันธ์อันดีของสองประเทศมาเดิมพันเพื่อเอาชนะคนคนเดียวอย่างอดีตนายกฯทักษิณกระนั้นหรือ.....
ท่านเอาประเทศเอาผลประโยชน์ของคนส่วนรวมมาแลกเพียงเพื่อจะจับตัวท่านทักษิณให้ได้เท่านั้นเองใช่ไหม ยังมีเรื่องความแตกแยกของประชาชน และระบบยุติธรรมสองมาตรฐานในบ้านเมืองเป็นเรื่องใหญ่ที่ท่านควรร่วมพิจารณามิใช่หรือ
ท่านเคยมองถึงปัญหาระยะยาวที่จะเกิดขึ้นหรือไม่ อย่างน้อยท่านก็ควรมองถึงความเป็นอยู่ของคนไทยและเขมรที่อยู่บริเวณชายแดนสองประเทศ
ท่านเคยเดินทางไปดูไปถามไหมว่าพวกเขาต้องการจะเป็นศัตรูกันหรือร่วมกันใช้ทรัพยากรทางธรรมชาติแล้วพัฒนาให้เกิดผลดีทางเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศ
พวกเขาต้องการบริหารพื้นที่ทับซ้อนให้เกิดประโยชน์ร่วมกัน หรือต้องการสงคราม
ตอบโดยสัญชาตญาณได้เลยว่าไม่มีใครอยากให้สงครามอุบัติขึ้นไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดๆ ก็ตาม เพราะมันนำพาแต่ความสูญเสียพลัดพราก มีแต่เสีย กับเสียเท่านั้น
จะมีที่ไม่เสียก็ท่านและรัฐบาลพันทางของเท่านั้นที่ “ไม่เสียหน้า” ก็เท่านั้น
ดิฉันขอเรียกร้องท่านอภิสิทธิ์ให้มองใหม่ คิดใหม่เสียที เพื่อประชาชนส่วนรวม ไม่ใช่สนองอัตตาของตน
การถอยคนละก้าวแล้วสร้างสัมพันธ์ที่ดีและประโยชน์นานัปการที่จะตามมาเพื่อประชาชนส่วนรวมย่อมเป็นสิ่งที่ดีกว่าแน่นอน แค่เสียหน้านิดหน่อยคงไม่เป็นไรมั้ง
ไม่เชื่อลองทำ “ประชามติ” ดูซิท่าน ท่านชอบมิใช่หรือ?
ด้วยความเคารพ
วรางคณา (วณิชาชีวะ) โกศลวิทยานันต์
หมายเหตุ:
ชื่อบทความเดิม: “ชาตินิยม” ยุทโธปกรณ์ชั้นเลิศ นายกฯมาร์คมุ่งทำลายฝ่ายตรงข้าม...เพื่อชาติหรือ...เพื่อใคร?