‘ใบตองแห้ง’ ออนไลน์ : เรื่องของเกม

วันจันทร์หลังจากเขียนต้นฉบับส่งไปแหม็บๆ นั่งดูทีวีเห็นพี่พิภพ ธงไชย ไปยื่นหนังสือกับอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เรียกร้องให้ตอบโต้เขมร ผมอุทานกับตัวเอง ว่าแล้วเชียว! แต่ไม่ผิดความคาดหมาย ก็เลยได้แต่ขำๆ นานๆ จะเห็น ‘พี่เปี๊ยก’ ใส่สูทเข้าทำเนียบ ดูดีราศีจับเชียว ยิ่งไปนั่งคู่กับนายกฯ ไม่รู้ใครมีสง่าราศรีกว่าใคร (ฮา) ระหว่างคนที่ยึดทำเนียบ 193 วัน กับคนที่รับทำเนียบมาโดยไม่ชอบธรรม ได้เห็นภาพนี้ถือเป็นขวัญตา

พันธมิตรงานเข้าอย่างที่เดาไว้ไม่ผิด โดยเฉพาะเมื่อโหมกระแสชาตินิยมอยู่แป๊บๆ เกิดบุญหล่นทับ นิตยสาร Times ปึ๊งใหญ่หล่นโครมลงมาหน้าจอ ที่กำลังโฆษณาขายข้าวสาร น้ำปลา กะปิ ปลาร้า ผงซักฟอกตราพลัง 5 แกนนำ ฯลฯ ตัดฉับ! เปลี่ยนเป็นทีวีรวมการเฉพาะกิจ ศาสดาประกาศรวมพลพี่น้องเอ๊ยทันทีวันอาทิตย์นี้
 
เปรียบไปก็เหมือนต้นไม้กำลังเฉาแดด จู่ๆ มีฝนถล่มกลางฤดูแล้ง เพราะพันธมิตรเป็นเหมือนที่นักวิชาการดักคอไว้ จากขบวนการเคลื่อนไหวสุดขั้วสุดโต่งจะไปเป็นพรรคการเมือง มีแต่เฉาลงๆ ยังไง้ยังไงก็ต้องหาทางออกเอ็กเซอร์ไซส์ เรียกระดมศิษย์เก่าคืนสู่เหย้า (เตรียมเงินบริจาคมาด้วยนะพี่น้องเอ๊ย)
 
นี่จึงเป็นเกมกินสองต่อสามต่อของพันธมิตร ทั้งกระทืบทักษิณ ทั้งเอาทักษิณมาเป็นพรมรองตีนสร้างพรรค และเป็นไปได้ว่าจะหาทางกดดันรัฐบาลประชาธิปัตย์ เพื่อโชว์ออฟโชว์พาวว่าเรารักชาติศาสน์กษัตริย์มากกว่า (แต่ยังไงก็ไม่เท่าเนวิน ประธานคณะทำงานจัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติ ยิ่งใหญ่อลังการ 9 วัน)
 
ฉะนั้นผมไม่แปลกใจที่สุริยะใสออกมาเล่นวาทกรรมว่า คลั่งชาติดีกว่าขายชาติ ถ้าเป็นเมื่อสี่ห้าปีก่อน เลขาธิการ ครป.พูดอย่างนี้ ก็ต้องยืมวาทกวย เอ๊ย วาทกรรมของอาจารย์ปิยบุตรทิ่มปาก (ฮา) แต่ตอนนี้เป็นเลขาธิการพรรคแล้วนะคร้าบ ก็ไม่ว่ากัน
 
คนไทยยุคนี้ต้องใส่หน้ากากเข้าหากัน (ช่วยโฆษณาให้กระทรวงสาธารณสุข) ทุกฝ่ายจึงเล่นเกมทั้งนั้น ทั้งจงใจ ทั้งร่วมด้วยช่วยกันวุ่น และช่วยกันทำให้เละ
 
ถามว่าทักษิณเล่นเกมอะไร หลายคนมองว่าเป็นเกมยั่วยุให้รัฐบาลไทยใช้มาตรการรุนแรงตอบโต้เขมร โดยเอาตัวเข้าเสี่ยงกับการปลุกกระแสชาตินิยม คุ้มไหมไม่ทราบ แต่กระแสชาตินิยมมักวูบวาบและตีกลับง่าย เพราะคนไทยถูกปลูกฝังกระแสชาตินิยมฉาบฉวย เนื้อหาสาระบางเบา
 
รัฐบาล ปชป.ก็เล่นเกมตอบโต้ ปลุกกระแสชาตินิยมหาคะแนนเข้าตัว แต่รัฐบาลก็รู้ว่าต้องระมัดระวังคุมให้อยู่ในระดับเหมาะสม (ตามที่แบ็กใหญ่ หมอประเวศเตือน) เพราะถ้าปิดชายแดน ปิดการค้าขาย กระแสจะตีกลับมาเข้าเนื้อ จึงเห็นว่าแม้แต่ MOU อภิสิทธิ์ก็ไม่ยกเลิกเอง แต่โยนเข้าสภา
 
ปัญหาคือ รัฐบาลจะคุมไม่อยู่ก็เพราะพี่น้องเอ๊ยนี่แหละ พี่น้องเอ๊ยเป็นอะไรที่อยู่นอกเหนือการควบคุม นอกเหนือเหตุผล นอกเหนือความคาดหมายทั้งปวง (ฉะนั้น ช่วยมากันเยอะๆ หน่อย-ฮา)
 
เกมนี้ของทักษิณ ในระยะเฉพาะหน้าเหมือนเปลืองตัว มีแต่เสียกับเสีย แต่ในระยะยาวจะเป็นอย่างไร ใครจะไปรู้ เพราะเราไม่ใช่ทักษิณ (ฮา) แต่ทักษิณคงมองว่า ลำพังม็อบเสื้อแดง ลำพังความแตกแยกในรัฐบาล ลำพังความสับสนวุ่นวายใน “ระบอบไม่เอาทักษิณ” ยังไม่สามารถทำให้บรรลุเป้าได้ ในขณะที่คดียึดทรัพย์กำลังจะตัดสินในปลายเดือนมกราคมหรืออย่างช้าก็เดือนกุมภาพันธ์
 
การต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยสามารถรอเวลาให้ระบอบปัจจุบันเปื่อยลงๆ แต่ทักษิณรอไม่ได้ เพราะทักษิณไม่ได้ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย แต่ทักษิณต้องการเอาเงินคืน ฉะนั้นทักษิณจึงพร้อมจะจุดชนวนทุกอย่างไม่ว่าเป็นผลดีหรือเสีย ก็ยังดีกว่าปล่อยให้เวลายืดเยื้อ
 
ที่น่าสนใจกว่าคือ ทำไมฮุนเซนกล้าเสี่ยงเอาตัวเข้ามาเล่นเกมนี้ ถึงขั้นประกาศโต้งๆ ว่าไม่เป็นศัตรูกับประชาชนไทยแต่เป็นศัตรูกับอภิสิทธิ์ เหมือนวางเดิมพันว่าจะมีการเปลี่ยนขั้วอำนาจในประเทศไทย ที่น่าสนใจกว่านั้นอีกคือ ฮุนเซนมีแบ็กในระดับนานาชาติหรือไม่ อย่าลืมว่าไทยเป็นจุดยุทธศาสตร์ในภูมิภาคนี้ เป็นจุดช่วงชิงกันแผ่อิทธิพลระหว่างมหาอำนาจเก่ากับมหาอำนาจใหม่
 
เกมที่น่าจับตาของทักษิณ คือการให้สัมภาษณ์นิตยสาร Times ซึ่งกลายเป็นพลาดเป้า เพราะถูกรัฐบาลและสื่ออคติจับมาบิดเบือน ทั้งที่บทสัมภาษณ์ละเอียด 12 หน้า ไม่มีตรงไหนหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ส.ศิวรักษ์ยังพูดหนักกว่าด้วยซ้ำ การที่ Times พาดหัวฟังไม่เหมาะสม ถ้ามี sense นักข่าว ถ้ามีจรรยาบรรณวิชาชีพ ก็น่าจะเข้าใจ sense ของนักข่าวฝรั่ง นักข่าวไทยก็บ่อยไปที่พาดหัวสวิงสวายทั้งที่อ่านบทสัมภาษณ์ไม่มีอะไร เพียงแต่พอเป็นเรื่องสถาบัน นักข่าวเราไม่ทำอย่างนั้น (เช่นผมสัมภาษณ์ ส.ศิวรักษ์ ก็พาดหัวว่า “ต้องรักษาสถาบัน” แหะ แหะ)
 
จึงเป็นเรื่องเลอะเทอะที่ต้องสั่งเอกอัครราชทูตไปประท้วง ถ้าผิดก็ฟ้องไปสิ ดูซิว่าอัยการจะสั่งฟ้องหรือเปล่า ศาลจะตัดสินว่า Times ผิดหรือเปล่า อันที่จริง รัฐบาลน่าจะส่งสมชาย แสวงการ ไปแทน ไปสอน Times ให้เข้าใจจรรยาบรรณวิชาชีพสื่อ ให้ลือชื่อก้องโลกไปเลย (ฮา)
 
 ทักษิณเองก็เลอะเทอะ ที่เที่ยวไปประท้วง Times ตัวให้สัมภาษณ์เขาไปแล้ว เขาเขียนอย่างไรเขารับผิดชอบเอง บทสัมภาษณ์คำต่อคำเขาก็ลงเปรียบเทียบให้แล้ว ทักษิณยังมาขอโทษขอโพย อย่างนี้อู้กำเมืองต้องเรียกว่า “ขี้แขะ” นี่หว่า บ่าแม้ว
 
อันที่จริงบทสัมภาษณ์ Times สรุปสาระสำคัญได้สั้นๆว่า Times ถามเป็นความนัยระหว่างบรรทัดว่า “เฮ้ สแควร์เฟซ ยูคิดว่ายูจะกลับประเทศได้ด้วยวิธีไหน” ซึ่งทักษิณก็ตอบเป็นความนัยระหว่างบรรทัด แจ่มแจ้ง ชัดเจน
 
ตรงนี้ตะหากที่ทำให้พันธมิตรเต้น “ระบอบไม่เอาทักษิณ” เต้นเป็นผีเข้า และกลัวจนต้องบล็อกความนัยที่ทักษิณพยายามจะสื่อ
 
ความอยุติธรรมของการใช้ข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพมาทำลายล้างกันทางการเมืองก็คือ สาธารณชนถูกปิดกั้นไม่ให้รับรู้เนื้อหาข้อความนั้น แล้วกลับมีสื่อ นักวิชาการ ส.ว.บ้าบอ คอลัมนิดคอลัมหน่อย มาใช้น้ำลายย่อยอาหารป้อนใส่ปากประชาชน ว่าหมิ่นชัด หมิ่นชัวร์ หมิ่นอย่างไรบอกไม่ได้ แต่จาบจ้วงโอหังบังอาจสมควรตาย
 
ซึ่งอันที่จริงข้อหาหมิ่นประมาทบุคคลทั่วไป ก็ห้ามนำข้อความมาเผยแพร่ซ้ำ แต่ไม่มีรายการร่วมด้วยช่วยกันยำ ช่วงชิงเสนอหน้าเป็นผู้จงรักภักดี ตีความก่อนอัยการและศาล ชี้นำสาธารณชนเพื่อผลทางการเมืองเช่นนี้
 
อย่างไรก็ดีมีเรื่องตลกว่า ในขณะที่พันธมิตรและระบอบไม่เอาทักษิณพยายามบล็อก “สาร” ของทักษิณ ผมเจอนักประชาธิปไตยฝ่ายเสื้อแดง กลับบอกว่าใครจะแปลเผยแพร่ก็แปลไป เขาไม่เอาด้วยหรอก จะทำให้มวลชนสับสนเสียเปล่าๆ
 
อ้าว เป็นงั้นไป แต่เข้าใจได้ว่าเป้าหมายของทักษิณกับนักประชาธิปไตยเสื้อแดงต่างกัน ทักษิณต้องการแค่เอาตัวรอด ถ้าต่อรองได้ก็ต่อรอง แต่นักประชาธิปไตยต้องการต่อสู้ถึงที่สุด
 
นักประชาธิปไตยหลายคนยังบอกว่า อยากให้คดียึดทรัพย์สิ้นสุดเสียเร็วๆ ยึดแม่มให้หมดเลย ทักษิณจะได้เลิกโลเล ต่อรอง หวังพึ่ง อีกหลายคนก็บอกว่าอยากให้เรื่องทักษิณจบๆ จะได้เป็นเรื่องของประชาธิปไตยล้วนๆ
 
สถานการณ์จะเป็นอย่างไรต่อไปคงคาดได้ลำบาก ผมรู้ว่าพันธมิตรกลัวอะไร แต่ยิ่งกลัวก็ยิ่งออกนอกหลักการประชาธิปไตย แล้วคุณจะเอาอะไรมาสู้ ถ้ามันเกิดเป็นเช่นนั้นจริง ถ้าทักษิณเหาะเหินเดินอากาศกลับมาได้จริง
 
ก็เชิญเล่นเกมกันต่อไป ใครจะกล้าห้ามเด็กแว้น แต่ช่วงเวลามันนับถอยหลังเรื่อยๆ แล้วครับ ความเหลวไหลเลอะเทอะกำลังจะตกขอบถึงขีดสุด จนต้องหัวเราะไปด้วยร้องไห้ไปด้วย
 
ผมเป็นคนมองโลกในแง่ดี เชื่อมั่นเสมอ (งมงายหรือเปล่าไม่รู้) ว่าสรรพสิ่งต้องเปลี่ยนแปลงก้าวหน้า สังคมไทยจะต้องก้าวข้ามยุคที่เอาทักษิณ เอาสถาบันมาเป็นศูนย์กลางความขัดแย้งทางการเมือง อย่างที่คุณนักปรัชญาชายขอบเขียน
 
เพียงแต่จะต้องจ่ายค่าตอบแทนเท่าไหร่ ยังเป็นที่กังขา ไม่กล้าคิด
 
ก็ขอทิ้งท้ายด้วยข้อความที่มีคนไปเม้นท์ใน Times Online ซึ่งมีพวกพันธมิตรเยอะเชียว ที่เรียนสูงๆ เก่งภาษาอังกฤษ ขนาดเขียนได้ยาวๆ ประจานความคิดวิจารณญาณของตัวเองให้ฝรั่งอ่าน
 
แต่มีรายหนึ่งที่ผมชอบใจ เขาใช้ชื่อ Mike Boon บอกว่า “ยิ่งผมอ่านความเห็นในบล็อกนี้มากเท่าไหร่ ผมยิ่งคิดว่าสงครามกลางเมืองหลีกเลี่ยงไม่ได้ คำถามมีเพียงจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ ธุรกิจของผมทำให้ต้องเดินทางไปเวียดนามบ่อย ผู้คนที่นั่นบอกผมว่า ‘พวกคุณคนไทยต้องได้รับบทเรียนเกี่ยวกับสงครามกลางเมือง’ ซึ่งพวกเขามีแล้ว ผมเป็นแค่คนผ่านทางที่อยากรู้อยากเห็น และผมงงงวยกับความสุดขั้วของทั้งฝ่ายนิยมและต่อต้านทักษิณ ซึ่งแสดงออกยิ่งกว่าเด็กๆ ขอให้โชคดี ประเทศไทย คุณอาจต้องการโชคในเร็วๆ นี้”
 

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท