Skip to main content
sharethis

            และแล้ว งานคืนสู่เหย้าชาวพันธมิตรก็ผ่านพ้นไป แบบที่ถ้าไม่มีเอ็ม 79 ก็ไม่มีอะไรให้พาดหัวข่าว สุดท้ายก็ต้องช่วยกันประณามคนร้าย แบบจับมือใครดมไม่ได้ตามเคย ผบช.น.ด่าตำรวจไปอาบอบนวดอยู่แหม็บๆ เช้าวันรุ่งขึ้นเลื่อนเป็นว่าที่ผู้ช่วย ผบ.ตร.ซะแล้ว ทั้งตำรวจทั้งรัฐบาลลอยตัว ทั้งที่มีผู้บาดเจ็บสิบกว่าคน

          นี่ถ้าเป็นรัฐบาลสมัคร สมชาย โหย ดูไม่จืด คงได้ยึดอะไรอีกซักอย่าง
 
          ข่าวพันธมิตร (เขาเรียกว่ารวมพลังคนหลากสี) วันเดียวหายเงียบกริบ ทั้งที่อุตส่าห์ตีตัวเลขเป็นแสน เพราะถูกขโมยซีนโดยข่าวเขมรจับวิศวกรไทย อ่านข่าวแล้วตื่นเต้นดี เคลิ้มไปว่าตัวเองเป็นอเมริกันชน สมัยซัก 30-40 ปีก่อน แบบคนอเมริกันโดนประเทศป่าเถื่อนผิวดำจับไป ยอมไม่ได้ เราต้องช่วยคนของเรากลับมา
 
          อ้าว แต่อ่านไปอ่านมา มีหักมุม พอทักษิณจะช่วย จิ๋วจะช่วย คุณแม่วิศวกรออกมาขอบคุณล่วงหน้า ก็มีข่าวสะพัดว่าคุณแม่เป็นเสื้อแดงโคราช พวกเดียวกันนี่หว่า ทีนี้ก็พลิกข่าวไปอีกว่าทักษิณกับฮุนเซนเล่นเกมจับแล้วปล่อยเพื่อสร้างภาพ มีอดีตสายลับออกมาวิเคราะห์เป็นตุเป็นตะ มีนักวิชาการผมยาวออกมาด่าว่าชั่วเกินจินตนาการ แถมมีอดีตนายทหารออกมา ‘ตบ’ ว่า สามารถ เป็นพวกเดียวกับทักษิณ
 
          จากที่เรียกร้องให้เขมรปล่อยตัวคนไทยอยู่ดีๆ สื่อบางรายก็พลิกกลับมาว่า ทักษิณไม่ควรแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมของเขมร !
 
ทำไปด๊าย ตกลงจะช่วยคนหรือจะเอาชนะคะคานกัน นี่ถ้าทักษิณช่วยออกมาได้ วิศวกรไทยก็จะเปลี่ยนจากพระเอกเป็นผู้ต้องหา ถูกตั้งข้อสงกาว่าสมคบสร้างภาพ ต้องให้มาร์ค-กษิตช่วยออกมา ถึงจะเป็นฮีโร่ของแท้ (ขนาดเตียบันโต้จตุพร ก็ยังกลายเป็นพระเอกได้ ‘จารย์โต้งเลยขอออกแขกมั่ง หลุมศพภาคใต้ยังหาไม่เจอ จะไปขุดสนามแมนฯซิตี้หาลูกแก้ว)
 
พวกได้คืบเอาศอก ได้ทีขี่แพะไล่ ระวังจะได้ขี้แพะ แบบเทพเทือกออกมาเรียกร้องให้ทักษิณลาออกจากที่ปรึกษาเขมร ความสัมพันธ์ 2 ประเทศจะกลับมาดีเหมือนเดิม คิดว่าฮุนเซนโง่จนยอมเป็นศัตรูกับไทยเพราะคนคนเดียวหรือ สมมติเขมรโต้กลับมาบ้างว่าให้กษิตลาออกจากรัฐมนตรี ความสัมพันธ์ 2 ประเทศจะกลับมาดีเหมือนเดิม จะว่าไง
 
          วกกลับมาที่ม็อบพี่น้องเอ๊ยคืนสู่เหย้าดีกว่า พธม.193 วันพันธุ์แท้รายหนึ่งบอกกับผมว่า งานกร่อยค่ะ เพราะบนเวทีไม่มีประเด็นอะไรน่าสนใจ ก็เป็นอย่างที่ตั้งข้อสังเกตคือหัวข่าว นสพ.นอกจากเอ็ม 79 กับ ‘คนเป็นแสน’ (สูตรมาตรฐานคือคนเต็มสนามหลวง 8 หมื่น แต่ทั้งเหลืองทั้งแดงชอบตีโป่ง) แล้วก็ไม่มีอะไรให้พาดหัวข่าว บนเวทีพยายามจะพูดถึง ‘ระบอบฮุนเซน’ พูดถึงเลข 10 แต่ไม่แน่จริงนี่หว่า ฮิฮิ
 
          ก็อย่างว่า คุณไล่ทักษิณไล่ ‘นอมินี’ ไปหมดแล้ว จะเอาอะไรมากไปกว่างานคืนสู่เหย้า อารมณ์ร่วมอารมณ์โกรธอารมณ์ชาตินิยม ผ่านมาปีนึง มันก็เริ่มลดลงแล้ว
 
          ฉะนั้นที่แกนนำพันธมิตรพยายามจะปลุก ‘คลั่งชาติดีกว่าขายชาติ’ ก็ปลุกไม่ค่อยขึ้น (มีแต่สื่อที่ปลุกเองคลั่งเอง) พยายามจะอ้างเรื่องสถาบันก็อ้างไม่ขึ้น (คนเขาอ่านบทสัมภาษณ์ Times ละเอียดหมดแล้ว) เรื่องที่กลัวว่าทักษิณจะสถาปนาระบอบฮุนเซน ก็ไม่กล้าพูดมาก ทั้งหมดจึงไม่มีอะไรมากไปกว่าพยายามระดมคนมาประชันกับเสื้อแดงโบนันซ่า แต่ปรากฏว่าฝนฟ้าไม่ 2 มาตรฐาน โดนฝนเข้ามั่ง งานกร่อย
 
          ที่พูดเช่นนี้ไม่ได้ดูแคลนพันธมิตร ตรงข้าม ผมเชื่อว่ามวลชนพันธมิตรมีสติขึ้น มีอารมณ์น้อยลง ยกเว้นพวกฮาร์ดคอร์ หรือพวกจารีตนิยมสุดขั้ว พี่น้องเอ๊ยจำนวนไม่น้อยเริ่มตั้งตัวได้ ลำดับความคิดเห็นของตัวเอง ใช้เหตุผล และยอมรับความเห็นต่างมากขึ้น
 
          ที่กล้าพูดก็เพราะผมสัมผัสกับมวลชนพันธมิตรมาตลอด 3-4 ปี ที่วิพากษ์วิจารณ์พันธมิตร คนที่คุยกับผมในคอลัมน์ส่วนใหญ่ก็ไม่ใช่เสื้อแดง เป็นเสื้อเหลืองนี่แหละ ที่เป็นเพื่อน เป็นมิตร เป็นผู้อ่านที่มีน้ำใจ มีความผูกพัน แม้จะเห็นต่างและถกเหตุผลกัน
 
          มวลชนพันธมิตรก็มีสองด้าน ขณะที่มีพวกกินหญ้าแจกกล้วยใส่ซองมาให้ผม อีกหลายๆ รายก็เริ่มคิดใคร่ครวญว่า ‘ชัยชนะ’ ที่ไชโยโห่ร้องกันตอนนั้นมันเป็นชัยชนะจริงหรือเปล่า ‘การเมืองใหม่’ เป็นจริงหรือเปล่า หรือเป็นแค่ตราผงซักฟอก
 
          เป็นธรรมดา เมื่อกระแสความเกลียดชังถูกโหมกระพือถึงขีดสุดแล้วเริ่มลดลง เมื่อความรู้สึก in (& Reality show) ที่เกิดและสร้างขึ้นในม็อบเจือจางลง มวลชนพันธมิตรจำนวนไม่น้อย ก็ไม่ซ้ายหันขวาหันตามเสียงนกหวีดปี๊ดๆ อีกต่อไป เพียงแต่พวกเขายังเป็น ‘พลังเงียบ’ ที่ไม่มีที่ทางให้แสดงออก ยังเกลียดทักษิณ ยังเกลียดนักการเมือง แต่ก็รู้สึกว่าไอ้ที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ไม่ถูกต้อง แล้วจะเอาไงดี
 
          จึงไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมปลุกกระแสคลั่งชาติไม่ได้ผล ได้แค่เรียกคนไปงานชุมนุมศิษย์เก่า รำลึกความหลัง โหยหาความผูกพัน
 
          แล้วก็ไม่ใช่เฉพาะพันธมิตร แต่ทั้งสังคม รัฐบาลอาจฉวยกระแสชาตินิยมตีกินได้ 4-5 วัน แต่ถ้าจะตอบโต้เขมรเกินไปกว่านี้ ใช่ว่าคนยอมรับ ถ้าปิดชายแดนเดี๋ยวนักพนันโวย (ขาใหญ่) ก็ได้แต่ทำสงครามน้ำลายสาดกันไปสาดกันมา มีแต่พวกบ้าที่จะเชื่อว่าเกิดสงครามจริง (เหลือเชื่อที่ยังมีพวกงี่เง่าคิดว่าเขมรหวาดผวาแสนยานุภาพกองทัพไทย)
 
          ที่จริงสังคมไทยได้บทเรียนแล้ว กับพวกคลั่งชาติทวงปราสาทพระวิหารแล้วไปอวสานที่บางปู ถ้าไม่ใช่สื่อที่ตกขอบอยู่ ก็คงสร้างกระแสต่อเนื่องไม่ได้ขนาดนี้ ทั้งที่รัฐบาลขึ้นเงินให้คน 2 ส่วนที่ชาวบ้านเกลียด คือ ส.ส. กับคุณพ่อรัฐวิสาหกิจ (ฮา) ยังถูกกลบด้วยความเกลียดทักษิณ ฮุนเซน
 
          ก็ปล่อยให้คลั่งกันไป แล้วจะได้เห็นว่าสังคมไม่เอาด้วย ตีปี๊บกันเข้าไป จะได้เห็นว่าเลอะเทอะแค่ไหน ที่จริงถ้าฝ่ายรัฐบาลคุมเกมดี เล่นแค่พอเหมาะ ทักษิณก็มีแต่เสียกับเสีย แต่สันดาน ปชป. ชอบได้ทีขี่แพะไล่ ได้คืบเอาศอก เดี๋ยวก็เลอะไปด้วยกัน
 
          อารมณ์สังคมวันนี้ ผมไม่เชื่อว่าจะสามารถจุดให้คลั่ง ฮาร์ดคอร์ รุนแรง ไม่ว่าเสื้อสีไหน แม้เสื้อแดงอาจมีอารมณ์คุกรุ่นกว่าเพราะฝ่ายตรงข้ามเป็นรัฐบาล แต่ก็ไม่มีวันดุเดือดเลือดพล่านเหมือนเดือนเมษายนอีกแล้ว มวลชนจำนวนไม่น้อยเติบโตขึ้น มีเหตุผลมากขึ้น ต่อสู้อย่างมีสติขึ้น และพร้อมจะสู้ยืดเยื้อ
 
          ตรงกันข้าม ผู้นำของทั้งสองฝ่ายต่างหากที่ร้อนรน ต้องการแตกหัก ต้องการเผด็จศึก ด้วยเงื่อนไขหลายประการ รวมทั้งปัจจัยบางอย่างที่ ‘รู้ๆ กันอยู่’ เป็นตัวเร่งจนมีกระแสข่าวต่างๆ นานา เช่นว่าทุกอย่างจะต้องจบภายในสิ้นปี หรือบางกระแสก็ว่าจะมีรัฐประหารอีกรอบ จนแกนนำเสื้อแดงเอามาอ้างในพวกกันเองว่าที่จะม็อบวันที่ 28 ก็เพิ่อป้องกันรัฐประหารที่อาจเกิดก่อนวันที่ 4 ธันวา
 
          โม้ไหมก็ไม่รู้ แต่ผมมองว่าเกมที่เล่นกันอยู่ขณะนี้คือเกมของ elite ทั้งสองขั้ว ไม่ใช่เกมของมวลชน คือเกมของอำมาตย์ ขุนทหาร มาร์ค เนวิน กับเกมของทักษิณ จิ๋ว ที่ลุ้นกัน ‘วงใน’
 
          มวลชนไม่จำเป็นต้องร้อนรน ไม่ว่าสีไหน เสื้อเหลืองก็ตั้งพรรคกันไป ขายกะปิน้ำปลาไป (ขายข่าว SMS ได้กี่รายแล้ว ไหนว่าคนเป็นแสน) เสื้อแดงก็เปิดโรงเรียน จัดตั้งคน วางพื้นฐานประชาธิปไตยให้กว้างขวาง รอความสุกงอมระหว่างที่รัฐบาลโอบามาร์คปากห้อยเสื่อมสามานย์ลงไปเรื่อยๆ
 
          ฉะนั้น วกกลับมาดูการนัดชุมนุมเสื้อแดงบ้าง ผมก็คิดว่าปลุกไม่ขึ้นเหมือนกันนั่นแหละ คือจำนวนคนจะมากน้อยก็ตาม แต่ที่หวังผลไล่รัฐบาล มันยังไม่ถึงสถานการณ์สุกงอม ส่วนจะหวังผลอะไรลึกๆ ไม่ทราบได้ แต่ขออย่าให้หวังผลยั่วยุ เพราะมันไม่เป็นผลดีกับเสื้อแดงฝ่ายประชาธิปไตย
 
          ที่พูดนี่ไม่ใช่ห้ามชุมนุมหรือจะล่ารายชื่อคัดค้านการชุมนุม แต่ควรถือเป็นการชุมนุมแสดงพลัง สงบ สันติ โชว์พาว แล้วก็เลิก รอบหน้ามาใหม่ ฝึกซ้อมมวลชน เปิดโรงเรียนในสนามจริง อย่าหวังผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอะไร หรือหวังจะให้เกิดเหตุอะไรจนเกิดการแตกหัก
 
          การแตกหัก ชนะ แพ้ ไม่สามารถนำไปสู่ความสงบในสังคม หรือนำไปสู่ประชาธิปไตยที่แท้จริง มีแต่ทำให้มวลชนเข้มแข็ง ใช้เหตุผล รู้จักแยกแยะ จึงจะเอาชนะความเลอะเทอะไร้สติที่ดำรงอยู่วันนี้ได้
 
          แล้วก็อย่าไปฝากความหวังกับ ‘วงใน’ เหมือนชนชั้นนำทั้งสองข้าง เพราะเป็นแค่การเปลี่ยนจากปัญหาหนึ่งไปเป็นอีกปัญหาหนึ่ง
 
                                                         

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net