Skip to main content
sharethis

พรรคประชาธิปัตย์เสนอใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงคุมพื้นที่ “เชียงใหม่ –กรุงเทพ” เพื่อควบคุมการชุมนุมคนเสื้อแดงด้านนายกรัฐมนตรีระบุไม่ได้กังวลเรื่องการรักษาความปลอดภัยในการลงพื้นที่จังหวัดสุโขทัย พิษณุโลก และพิจิตร เพื่อตรวจเยี่ยมโครงการไทยเข้มแข็งและโครงการการประกันรายได้เกษตรกรวันนี้

วอร์รูม ปชป. ห่วงสถานการณ์ชุมนุม แนะประกาศพรบ.ความมั่นคง กรุงเทพ,เชียงใหม่
เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 21 พฤศจิกายน นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษก พรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่า คณะปฏิบัติการทางการเมืองของพรรคประชาธิปัตย์ (วอร์รูม) ได้ประเมินความเคลื่อนไหวของ กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) หรือ กลุ่มคนเสื้อแดงในขณะนี้ จนถึงปลายเดือนพ.ย.และต้นเดือนธ.ค. โดยเป็นห่วงถึงการส่งสัญญาณที่ชัดเจนว่า จะเกิดความรุนแรงใน 4 รูปแบบคือ 1.การวางแผนเตรียมการชุมนุมที่จังหวัดเชียงใหม่ และต้องการทำร้ายนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นครั้งที่ 3 หากความพยายามดังกล่าวสำเร็จ ก็จะมีการสร้างสถานการณ์ให้มีการทำร้ายนายกฯ เหมือนที่เคยทำมาแล้วที่เมืองพัทยา และที่กระทรวงมหาดไทย โดยในเรื่องนี้พรรคฯ ได้ดำเนินการแจ้งความและรัฐบาลได้ขยายผลผู้ที่ปลุกระดม และมีการเตรียมการสร้างเหตุการณ์ทำร้ายและความรุนแรงที่เกิดขึ้นไปเรียบร้อยแล้วเมื่อวานนี้ (20 พ.ย.)
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า 2. การเตรียมการเพื่อสร้างเหตุเผชิญหน้าเจ้าหน้าที่ดูแลรักษาความสงบเรียบร้อย โดยการยั่วยุและใช้ความรุนแรงเพื่อให้เกิดการตอบโต้และอาจนำไปสู่การใช้กำลัง และสิ้นสุดลงที่การก่อการจราจล เช่นเดียวกับเหตุการณ์เมื่อเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา แต่ลักษณะที่แตกต่างกันคือ คาดว่าจะมีการเตรียมการในหลายพื้นที่ และในหลายจังหวัด โดยจะขยายผลกว้างกว่าเหตุการณ์เมื่อเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา
3.มีการเตรียมการโดยใช้วิธีปลุกระดมด้วยสื่อแขนงต่างๆ เพื่อให้เกิดปฏิกิริยาจากมวลชนที่ไม่เห็นด้วย กับแนวทางของกลุ่มคนเสื้อแดง ในลักษณะทำให้เกิดการรวมตัวเพื่อปกป้องชุมชนของตัวเอง และการปลุกระดมเพื่อให้เกิดการเผชิญหน้าต่างๆ นั้น หวังว่าจะนำไปสู่การปะทะกันระหว่างคนไทยด้วยกันเอง
4.การใช้วิธีการสร้างความหวาดกลัว ใช้ความรุนแรงเป็นจุดในการสร้างสถานการณ์ เช่น ลอบวางระเบิดแบบเดียวกับเมื่อวันที่ 15 พ.ย. ที่ผ่านมา ในระหว่างที่มีการชุมนุมเกิดขึ้นในพื้นที่ต่างๆ โดยจะมีการอ้างว่าเป็นมือที่สาม โดยได้มีการทำนายว่าจะมีเหตุการณ์ความรุนแรงเกิดขึ้นจากนปช. พรรคเพื่อไทย และพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จากนั้นก็จะมีเหตุการณ์เกิดขึ้นจริงตามคำทำนายดังกล่าว
น.พ.บุรณัชย์ กล่าวว่า ที่ประชุมวอร์รูมยังได้ประเมินว่า การเตรียมการที่จ.เชียงใหม่ของกลุ่มคนเสื้อแดง ซึ่งนายกฯ จะเดินทางไปในวันที่ 29 พ.ย. และประกาศเตรียมการชุมนุมที่กทม. มีการเชื่อมโยงกันอย่างชัดเจน และ 2 วันที่ผ่านมาก็มีการปฏิเสธความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่จะใช้ยุทธวิธีดาวกระจาย โดยแกนนำนปช.ที่กทม.อ้างว่า อาจจะไม่รับประกันว่าจะมีเหตุการณ์เกิดขึ้นที่ใด หรือกรณีของผู้จัดรายการที่จ.เชียงใหม่ ได้กล่าวไว้แล้วว่าหากมีเหตุการณ์เกิดขึ้นจริงก็ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง
สิ่งเหล่านี้พรรคประเมินว่าเกิดจากความจำเป็น ที่จะต้องยกระดับการต่อต้านเพื่อล้มรัฐบาลด้วยกำลัง โดยมีสาเหตุจากการที่กรณีของคดียึดทรัพย์ 76,000 ล้านบาท ที่กำลังจะสิ้นสุดในเร็วๆ นี้ และการดำเนินคดีที่อยู่ในขั้นสอบสวนของคดีการให้สัมภาษณ์ไทมส์ออนไลน์ ซึ่ง 2 เรื่องนี้จะสร้างความเสียหายอย่างมาก ให้ กับพ.ต.ท.ทักษิณหากไม่เร่งปฏิบัติการในช่วงนี้ ด้วยเหตุผลดังกล่าววอร์รูมของพรรคเห็นว่ารัฐบาลควรประกาศใช้พ.ร.บ.ความมั่นคงในราชอาณาจักรที่ จ.เชียงใหม่อย่างเร่งด่วน และพิจารณาถึงความจำเป็นที่จะประกาศใช้พ.ร.บ.ความมั่นคงในกทม.ด้วย เพื่อป้องกันเหตุก่อนที่จะเกิดการกระทำการของกลุ่มคนเสื้อแดง
ผู้สื่อข่าวถามว่า วอร์รูมได้ประเมินหรือไม่ว่า การชุมนุมครั้งนี้จะแรงมากน้อยแค่ไหน โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เราไม่มีสิทธิ์ประมาท เพราะมีการปฏิบัติการบนเงื่อนไขของเงื่อนเวลา พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 2 มีการปราศรัยที่ จ.สมุทรปราการพาดพิงถึงพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษและตัวนายกฯ อย่างรุนแรง ซึ่งเป็นการเปิดเผยตัวตนที่ชัดเจนว่าเป็นอย่างไร นอก จากนี้ พรรคมองว่าเป็นการปลุกระดมเพื่อสร้างความเกลียดชัง แต่ในเรื่องของการดำเนินการนั้นคาดว่า คงเป็นกลุ่มในระดับรองลงมาที่เคยมีส่วนในการก่อเหตุและมีคดีติดตัวอยู่หลายคน ซึ่งเรื่องนี้เป็นสัญญาณให้เห็นว่ามีการเชื่อมโยงกันระหว่างพรรคเพื่อไทยและ นปช.อย่างชัดเจน และสอดรับกันด้วย
ผู้สื่อข่าวถามว่า พรรคได้ประเมินหรือไม่ว่าในเดือนธ.ค. พ.ต.ท.ทักษิณจะบินเข้ามาในประเทศไทย เพื่อมาบัญชาการเองหรือไม่ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณพูดเองว่า ถ้าจำเป็นจะบินไปที่ชายแดน
ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า หากพ.ต.ท.ทักษิณเข้ามาประเทศไทยในระหว่างที่เกิดเหตุการณ์วุ่นวายขึ้น คิดว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างไร นพ.บุรณัชย์ กล่าวว่า ความจริงแล้วรัฐบาลอยากให้ พ.ต.ท.ทักษิณเข้ามาต่อสู้คดี แต่ไม่อยากให้ทำอะไรที่เกิดความรุนแรง ยุยงให้เกิดความวุ่นวาย
ผู้สื่อข่าวถามว่า รัฐบาลได้ประเมินหรือไม่ว่า จะมีความน่ากลัวในระดับไหน ถ้าพ.ต.ท.ทักษิณเข้ามาประเทศไทย เพราะขนาดอยู่ที่ประเทศกัมพูชา ยังป่วนได้มากขนาดนี้ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ตนคิดว่าคงไม่แตกต่างกันว่าเขาจะอยู่ที่ไหน เพราะปัจจัยสำคัญคือเงื่อนเวลามากกว่า โดยเฉพาะในเรื่องคดีต่างๆ
ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า วอร์รูมพรรคมีการวิเคราะห์เจาะจงหรือไม่ ว่าจะเกิดเหตุการณ์ใน 3 จังหวัดทางภาคเหนือในจังหวัดใดบ้าง นพ.บุรณัชย์ กล่าวว่า เป็นข้อมูลที่สืบค้นในเชิงลึกแต่ไม่มีการเจาะลงว่าจะเป็นจังหวัดใด ในส่วนของจังหวัดเชียงใหม่ก็มีการเปิดเผยข้อมูลเทป ในรายการที่ประกาศออกมาแล้วว่ามีเจตนาที่จะประทุษร้ายต่อนายกฯ ในส่วนของจังหวัดอื่นๆก็เป็นการเคลื่อนไหว ใช้สื่อใต้ดินเพื่อให้เกิดความเกลียดชัง และปฏิปักษ์ขยายวงเพิ่มขึ้นต่อรัฐบาลและตัวนายกรัฐมนตรีโดยตรง ซึ่งฝ่ายข่าวกำลังดำเนินการอยู่ เพราะเคยมีตัวอย่างในช่วงสงกรานต์เลือดที่นายจตุพรและนายณัฐวุฒิ แกนนำ นปช.พูดปลุกระดมบนเวทีและสอดรับกับที่พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ได้ยุยงให้เกิดการก่อจลาจลขึ้นมาแล้ว โดยพรรคได้ให้ส.ส.ในพื้นที่เฝ้าติดตาม ระวังอย่างใกล้ชิด โดยคณะทำงานวอร์รูมก็ได้เฝ้าระวังติดตามสถานการณ์ตั้งแต่วันที่ 20 พ.ย.จนถึงสิ้นเดือนนี้เพื่อประเมินสถานการณ์การเมืองอย่างใกล้ชิดต่อไป
นายกรัฐมนตรีไม่กังวลในการลงพื้นที่ภาคเหนือตอนล่าง 3 จังหวัดวันนี้
วันนี้ (21 พ.ย.) เวลา 07.45 น. ที่ท่าอากาศยานทหาร กองบิน 6 (บน.6) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยนายไพฑูรย์ แก้วทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน นายอลงกรณ์ พลบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายชัยวุฒิ บรรณวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ออกเดินทางลงพื้นที่ 3 จังหวัดภาคเหนือตอนล่าง ได้แก่ สุโขทัย พิษณุโลก และพิจิตร เพื่อตรวจเยี่ยมโครงการไทยเข้มแข็งและโครงการการประกันรายได้เกษตรกรนายกรัฐมนตรีให้สัมภาษณ์ก่อนออกเดินทางถึงกรณีการเดินทางลงพื้นที่ครั้งนี้ว่ามีความกังวลเรื่องการรักษาความปลอดภัยหรือไม่ ว่า “ไม่ครับ”
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีนายบุญยอด สุขถิ่นไทย ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยคลิปเสียงรายการวิทยุชุมชน จังหวัดเชียงใหม่ ระบุว่าจะมีการลอบทำร้ายนายกรัฐมนตรีในการลงพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ให้ถึงขั้นบาดเจ็บหรือเสียชีวิต โดยใช้คาร์บอมด้วย นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ยังเหลือเวลาอีกหนึ่งสัปดาห์
เสื้อแดงพิษณุโลกรวมตัวไล่นายกฯ
กลุ่มคนรักทักษิณ หรือ กลุ่มเสื้อแดงพิษณุโลก หลายร้อยคน ได้รวมตัว ที่บริเวณหลัก กม .4-5 ถนนสายพิษณุโลก-สากเหล็ก ต.ดินทอง อ.วังทอง จ.พิษณุโลก เพื่อขับไล่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ที่จะเดินทางมาปฏิบัติหน้าที่ที่ไร่ดินทอง ต.ดินทองกลุ่มเสื้อแดงนำรถขยายเสียง พร้อมป้ายโจมตีรัฐบาลและนายกรัฐมนตรี ประกาศขับไล่รัฐบาล นำโดยนายบุญเลิศ เรืองทิม แกนนำกลุ่มเสื้อแดงพิษณุโลก ขณะที่พล.ต.ต.ธรรมนูญ เพชรบุรีกุล ผบก.ภ.จว.พิษณุโลก นำกำลังตำรวจปราบจลาจล เรียงแถวหน้ากระดาน ปิดกั้นไม่ให้กลุ่มเสื้อแดงฝ่าเข้ามาในงานได้ มีเหล็กแหลมเครื่องสกัดยางรถยนต์กางขวางกั้นถนนสายพิษณุโลก-สากเหล็กหลังแนวตำรวจควบคุมฝูงชนด้วย และเกือบปะทะกัน เมื่อกลุ่มเสื้อแดงเดินเข้าใส่แนวกั้นของตำรวจ เรียกร้องให้ตำรวจนำรถกรงขังออกจากพื้นที่ ขณะที่ตำรวจได้ยอมถอย ทำให้สถานการณ์ไม่รุนแรง
สำหรับการรวมตัวของกลุ่มคนเสื้อแดงครั้งนี้ เป้าหมายต้องการขับไล่นายกรัฐมนตรี ที่เดินทางไปปฏิบัติหน้าที่ในทุกจังหวัด ซึ่งทางตำรวจ ยอมให้กลุ่มเสื้อแดงปักหลักอยู่บริเวณบนถนน ไม่ให้เข้ามาใกล้บริเวณไร่ดินทอง สถานที่ที่นายกรัฐมนตรีมีภาระกิจมาปฏิบัติหน้าที่ตรวจเยี่ยมการทำประกันสัญญาประกันและรับเงินโครงการประกันรายได้เกษตรกร โดยจุดที่กลุ่มเสื้อแดงปักหลัก อยู่ห่างจากสถานที่จัดงานประมาณ 1 กิโลเมตร
"รักเชียงใหม่ 51" แจงแผนลอบ "ฆ่านายกฯ" เรื่องไม่จริง แค่พูดเล่นยั่วยุ
นางกัญญาภัค มณีจักร หรือ "ดีเจอ้อม" แกนนำกลุ่มรักเชียงใหม่ 51 ประกาศผ่านวิทยุชุมชน คลื่น 92.5 เมกะเฮิรตซ์ว่า รัฐบาลอย่าพยายามสร้างกระแสใส่ร้ายคนเสื้อแดงเชียงใหม่ เกี่ยวกับการลอบสังหารนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ที่จะเดินทางมาร่วมประชุมหอการค้าทั่วประเทศ ที่ จ.เชียงใหม่ และจะระดมตำรวจร่วมหมื่นคนมาทำร้ายคนเสื้อแดง ในวันที่ 29 พฤศจิกายนนี้ เนื่องจากคำกล่าวของ นายเพชรวรรต วัฒนพงศ์ศิริกุล แกนนำกลุ่มรักเชียงใหม่ 51 ที่กล่าวถึงการลอบสังหารนั้น เป็นเพียงการพูดยั่วยุและป่วนเล่นเท่านั้น ไม่ได้มีการวางแผนแต่อย่างใด แต่ทางรัฐบาลกลับทำให้เป็นเรื่องใหญ่โต
นางกัญญาภัค กล่าวต่อว่า ขอยืนยันว่า กลุ่มเสื้อแดงเชียงใหม่ไม่สบายใจและไม่ต้อนรับนายอภิสิทธิ์ พร้อมฝากไปถึงสมาคมหอการค้า ขอให้คิดให้ดีหากดึงดันจะเชิญนายอภิสิทธิ์มาอีก เพราะกลุ่มเสื้อแดงไม่มีเพียงกลุ่มเดียว นอกจากนี้ยังมีมือที่สามที่ต้องการสร้างสถานการณ์ด้วย ดังนั้นหากมีเหตุรุนแรงขึ้นจะโทษกลุ่มรักเชียงใหม่ 51 ไม่ได้
เสื้อแดงเชียงใหม่ลั่นระดมอย่างต่ำ 4 หมื่นไล่มาร์คเตรียมมัดตราสังข์ให้
นางกัญญาภัคยังเปิดเผยอีกว่ากลุ่มรักเชียงใหม่ 51 และกลุ่มคนเสื้อแดงใน 8 จังหวัดภาคเหนือ ยืนยันตามเดิมว่าจะไม่ยอมให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เดินทางมาสัมมนาหอการค้าทั่วประเทศในวันที่ 29 พ.ย.ที่ จ.เชียงใหม่ อย่างแน่นอน พวกเรายอมไม่ได้ และจะไม่ให้การต้อนรับใดๆ ทั้งสิ้น เนื่องจากรัฐบาลชุดนี้เข้ามาแบบไม่โปร่งใส และไม่ว่าใครเดินทางมาเชียงใหม่ก็จะขับไล่
โดยจะมีการระดมคนเสื้อแดงจาก 8 จังหวัดภาคเหนือมาร่วมชุมนุมกันบริเวณโรงแรมวโรรสแกรนด์ พลาเลซ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ฐานปฏิบัติการของกลุ่มรักเชียงใหม่ 51 และสถานีวิทยุชุมชนคลื่น 92.5 เมกกะเฮิรตซ์ ตั้งแต่วันที่ 25 พ.ย.เป็นต้นไป หลังจากนั้นในวันที่นายอภิสิทธิ์ เดินทางมาก็จะมีการเคลื่อนพลที่คาดว่าจะมีไม่ต่ำกว่า 40,000 คน ไปยังโรงแรมเลอ เมอริเดียน ย่านไนท์บาซ่า อ.เมือง จ.เชียงใหม่ เพื่อขับไล่นายอภิสิทธิ์ ออกไปจาก จ.เชียงใหม่
นอกจากนั้น จะมีการต้อนรับในรูปแบบของคนเสื้อแดงด้วยการย้อนรอยประเพณีลอยกระทง ด้วยการจุดประทัดขับไล่หมื่นลูกแสนลูกให้ดังสนั่นทั่วเมืองเชียงใหม่ และจะมีการปล่อยโคมลอยให้ทั่วท้องฟ้า อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้มีสื่อมวลชนเข้าใจผิดว่าตนเองจะมีการจัดพิธีต้อนรับทำบายศรีสู่ ขวัญนั้นเป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนเป็นอย่างมาก ที่ตนเองหมายถึงนั้นเป็นการมัดตราสังข์ให้กับนายอภิสิทธิ์
แกนนำแดงเชียงใหม่ ยันไม่มีเอี่ยวแผนฆ่า "นายกรัฐมนตรี"
นายเพชรวรรต วัฒนพงศ์ศิริกุล แกนนำกลุ่มรักเชียงใหม่ 51 หรือกลุ่มเสื้อแดง กล่าวผ่านรายการสภากาแฟ สถานีวิทยุชุมชนคนรักเชียงใหม่ คลื่น 92.5 ซึ่งออกอากาศที่จังหวัดเชียงใหม่ ถึงการเดินทางมาปฏิบัติภารกิจของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ที่จังหวัดเชียงใหม่ในวันที่ 29 พฤศจิกายนนี้ว่า ขณะนี้ได้ประชุมร่วมกับแกนนำกลุ่มเสื้อแดงในจังหวัดภาคเหนือถึงการแสดงจุด ยืนแลการเคลื่อนไหว แต่ยังไม่ได้ข้อสรุป อย่างไรก็ตาม มีข่าวว่าบุคคล 3 คน ประกาศทำคาร์บอมไว้และพร้อมกดรีโมท ซึ่งเรื่องดังกล่าวตนยืนยันว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง และจะไม่อยู่ในพื้นที่และจะเดินทางไปต่างประเทศ เพราะไม่อยากเกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าว
ผู้สื่อข่าว รายงานว่า พล.ต.ต.สมหมาย กองวิสัยสุข ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ ได้เข้าพบนายอมรพันธุ์ นิมานันท์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งคาดว่าจะเข้าหารือเรื่องมาตรการรักษาความปลอดภัยนายกรัฐมนตรี
เพื่อไทยเตือนนายกฯ อย่าดันทุรังไปเชียงใหม่
ช่วงเช้าวันนี้ (21 พ.ย.) นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ในกรณี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี มีกำหนดการลงพื้นที่ จ.เชียงใหม่ วันที่ 29 พ.ย. โดยจะมีชาวเชียงใหม่จำนวนมากไม่ต้องการต้อนรับนายกฯ นั้น คาดไม่ถึงว่าการบริหารราชการแผ่นดินของนายกฯ จะเป็นคนชอบท้าทายประชาชน ชอบให้ชีวิตแบบมีลุ้น ยังดันทุรังที่จะไป คล้ายเด็กดื้อที่จะทำอะไรต้องทำให้ได้ ขอฝากถามนายกฯ ว่าเป็นอะไรมากหรือไม่ มั่นใจได้อย่างไรว่าทีมรักษาความปลอดภัยจะดูแลนายกฯได้ ขอเตือนไปยังนายกฯว่าหากไม่ชัวร์ เรื่องความปลอดภัยขอให้ยกเลิกไป จ.เชียงใหม่ เพราะเมื่อคืนหลังกลับจากเชียงใหม่ นอนฝันว่ามีประชาชนนับแสนวางแผนเตรียมต้อนรับนายกฯ ชนิดที่หน่วยข่าวกรอง ชุดรักษาความปลอดภัยของนายกฯคาดไม่ถึง แม้ทราบว่ามีการวางแผนที่จะใช้เครื่องบินเฮลิคอปเตอร์ไว้รองรับเหตุฉุกเฉิน หากนายกฯ ยังดันทุรังจะไปเชียงใหม่ โดยขนเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยนับพันคน ปิดถนนสร้างความเดือดร้อนให้ประชาชน คงต้องใช้งบประมาณอีกหลายล้านบาท ยิ่งวันนี้รัฐบาลอยู่ในสภาพบักโกรก กลับจะใช้เงินโดยไม่จำเป็นอีก ดังนั้นหากรัฐบาลบริหารประเทศไปไม่ไหวควรยุบสภา และกำหนดกติการ่วมกันให้ยอมรับผลการเลือกตั้งดีกว่า
นายจิรายุ กล่าวอีกว่า ส่วนกรณีสถานีโทรทัศน์ช่อง 11 ที่เปิดให้นักจัดรายการบางคน จีบปากจีบคอด่าฝ่ายตรงข้าม โดยด่าข้ามประเทศไปถึงกัมพูชานั้น ขอเรียกร้องให้ นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รมต.ประจำสำนักนายกฯ ควรยุบสถานีโทรทัศน์ดังกล่าวทิ้งได้แล้ว มีไว้สร้างความแตกแยกให้สังคม ขัดต่อพันธกิจของสถานีโทรทัศน์ช่องนี้ ที่เขียนไว้ชัดเจนว่า ต้องสร้างความสามัคคี ขอเรียกร้องให้ตั้ง กบว.สถานีโทรทัศน์ฟรีทีวี เพื่อตรวจสอบ กลั่นกรองนักจัดรายการว่าใช้สื่อของรัฐเอื้อประโยชน์ สร้างความแตกแยกในสังคมหรือไม่
นายจิรายุ กล่าวต่อว่า ขณะนี้รัฐบาลพยายามปลุกกระแสคลั่งชาติ โดยมีทีมสร้างภาพของรัฐบาลรับลูกกันเป็นทอดๆ เพื่อกลบเกลื่อนปัญหาทุจริต คอรัปชั่น เห็นได้จากข้อมูลขององค์กร เพื่อความโปร่งใส สำนักตรวจสอบ และจัดอันดับคอรัปชั่นของโลกพบว่ารัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ มีการคอรัปชั่นเพิ่มมากขึ้นกว่าในสมัยรัฐบาล นายสมัคร สุนทรเวช และรัฐบาล ของนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ดังนั้นขอเรียกร้องให้นักวิชาการ ผู้ที่เคยทำหน้าที่ตรวจสอบการทำงานของทุกรัฐบาล โดยเฉพาะนายธีรยุทธ บุญมี อาจารย์ประจำคณะสังคมและมนุษยวิทยา มหาวิทลัยธรรมศาสตร์ วันนี้ไปอยู่ที่ไหน ออกมาช่วยตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลชุดนี้บ้าง
หอการค้าเชียงใหม่ห่วงข่าวเหตุรุนแรงกระทบการท่องเที่ยว
นายณรงค์ คองประเสริฐ ประธานหอการค้าจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยถึงกรณีมีข่าวกลุ่มบุคคลเตรียมการก่อกวนด้วยเหตุรุนแรงขณะนายกรัฐมนตรีจะเดินทางมาเป็นประธานในการประชุมหอการค้าไทยในวันที่ 29 พ.ย.นี้ว่า เป็นเรื่องที่ไม่ควรกระทำ เพราะจะส่งผลต่อภาพลักษณ์ของประเทศ
และขณะนี้ จ.เชียงใหม่ อยู่ในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว ซึ่งเป็นโอกาสดีที่จะได้ใช้เวทีการประชุมครั้งนี้สร้างภาพลักษณ์ให้ชาวโลกได้รู้ว่าเชียงใหม่เป็นเมืองที่สุขสงบ อีกทั้งการประชุมครั้งนี้ได้เตรียมการมานานกว่า 2 ปี กว่าที่เชียงใหม่จะได้รับเลือกเป็นเจ้าภาพในการจัดประชุม ซึ่งเป็นเรื่องทางด้านเศรษฐกิจไม่ใช่เรื่องการเมือง
หากมีเหตุความรุนแรงจะกระทบต่อการท่องเที่ยวของเชียงใหม่ในระยะยาว เพราะมีแต่จะสร้างความเสียหาย และเสียโอกาสที่จะเสนอแนวทางพัฒนาที่เป็นประโยชน์กับชาวเชียงใหม่จะลดลงไป
"ทักษิณ"โฟนอินกำแพงเพชรให้เลือกเสื้อแดงเป็นสส.จะกลับมาช่วยชาวบ้านได้
เมื่อคืนที่ผ่านมา (20 พ.ย. 52) ที่บริเวณลานอนุรักษ์วัฒนธรรมไทย สิริจิตอุทยานริมแม่น้ำปิง ต.ในเมือง อ.เมือง จ.กำแพงเพชร นายบุญช่วย ศิริสาร ประธานคนเสื้อแดงกำแพงเพชร ได้จัดงานเลี้ยงโต๊ะจีน จำนวน 500 นัดรวมพลังคนเสื้อแดงกำแพงเพชร เรียกร้องประชาธิปไตย ขับไล่อำมาตยา โดยมีแกนนำคนเสื้อแดงคนสำคัญ เช่น นายอดิศร เพียงเกษ ประธานสถานีโทรทัศน์พีเพิ่ลแชลแนล นายณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ นายวราเทพ รัตนากร อดีต รมช.กระทรวงการคลัง พ.ต.ท.ไวพจน์ อาภรณ์รัตน์ อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย นายอนันต์ ผลอำนวย นายปริญญา ฤกษ์หร่าย และนายสุรสิทธิ์ วงศ์วิทยานันท์ ส.ส.กำแพงเพชร พร้อมทั้งผู้นำท้องถิ่น และชาวเสื้อแดงทั้งในจังหวัดกำแพงเพชร และใกล้เคียง เข้าร่วมงานในครั้งนี้นับหมื่นคน โดยมีวัตถุประสงค์ในการจัดงานเพื่อจัดหาทุนตั้งสถานีวิทยุชุมชนคนเสื้อแดงของจังหวัดกำแพงเพชร และจัดหาสมาชิกคนเสื้อแดงซึ่งมีผู้สนใจลงสมัครเป็นสมาชิกเพิ่มขึ้นจากการจัดงานในครั้งนี้กว่า 2, 000 คน
โดยจัดตั้งเวทีขนาดใหญ่ มีรูปของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พร้อมข้อความ ตามหาประชาธิปไตย “เต็มใบ”อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข รัฐไทยใหม่ ประชาชนต้องเป็นใหญ่ในแผ่นดิน หลังจากนั้นก็มีการกล่าวปราศรัยจากแกนนำต่างๆ เนื้อหาส่วนใหญ่โจมตีการทำงานของรัฐบาลในชุดปัจจุบัน และการปฏิวัติที่ผ่านมาที่ทำให้ประเทศชาติถอยหลังไปกว่า 50 ปี และนายวราเทพ รัตนากร อดีต รมช.กระทรวงการคลัง ได้กล่าวปราศรัยถึงเหตุผลการไม่ได้ออกมาร่วมต่อสู้กับคนเสื้อแดง โดยหายไปกว่า 2 ปี ไม่ได้มีบทบาทอะไรและพร้อมแล้วที่จะกลับมา หลังเสร็จคดีเรื่องหวยบนดิน
จนกระทั่งเวลา 22.00 น. พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้โฟนอินมายังสถานที่จัดงานผ่านโทรศัพท์มือถือของ นายวราเทพ รัตนากร ทักทายประชาชนว่า “หนาวไหมครับพี่น้อง” ทราบว่าชาวกำแพงเพชรในเวลานี้มีหนี้สินเพิ่มขึ้นมาเยอะมาก ราคาสินค้าเกษตรไม่ดี ลูกหลานไม่มีงานทำ และรู้ว่าคนกำแพงเพชรคิดถึงนายกทักษิณมากเช่นกัน ขณะที่กำลังพูคุยอยู่นี้ อยู่กับ นายวีระ มุสิกพงษ์ ที่แอบมาร่วมงานคนเสื้อแดงที่ดูไบ ซึ่งกำลังจัดงานรวมพลคนเสื้อแดงอยู่เหมือนที่กำแพงเพชร ขณะนี้เรามีคนเสื้อแดงเกือบทั่วโลกแล้ว ความสามัคคี จุดยืนที่ถูกต้อง กำลังจะนำมาสู่ความสำเร็จ ประชาชนกำลังได้รับความทุกข์ยาก ถ้าคนที่เป็นผู้ปกครองอยู่ในเวลานี้รักประเทศและรักประชาชนจริง ต้องสร้างความปรองดองให้เกิดขึ้น และที่ลืมไม่ได้สำหรับชาวกำแพงเพชร งวดหน้าถ้ามีการเลือกตั้งขอให้เลือก ส.ส.ให้ครบทั้งจังหวัดให้เข้ามามากๆเหมือนครั้งที่ยังเป็นพรรคไทยรักไทย เพื่อจะได้เอาผมกลับบ้าน ไปช่วยกันทำงานเพื่อบ้านเพื่อเมือง
ที่มาข่าวเรียบเรียงจาก: มติชนออนไลน์, เว็บไซต์พรรคประชาธิปัตย์, www.thaigov.go.th, เว็บไซต์สยามรัฐ, เว็บไซต์ฐานเศรษฐกิจ

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net