Skip to main content
sharethis

“เจ้าหน้าที่ทหารคงคิดว่าหมู่บ้านสวนนอกนี้ คงจะมีแนวร่วมในหมู่บ้าน แต่ทางชาวบ้านอย่างเราๆ เองที่อยู่ในพื้นที่ ไม่เคยรับรู้และไม่เคยเห็นว่ามันมี”

เสียงของนางมามีเนาะห์ (นามสมมติ) ชาวบ้าน กัมปงกือบน ลูวา บ้านสวนนอก อำเภอโคกโพธิ์ จังหวัดปัตตานี กล่าวให้สัมภาษณ์ไว้เมื่อคณะของศูนย์ทนายความมุสลิมจังหวัดปัตตานีมาอบรม กฎหมายให้กับชาวบ้านเมื่อวันเสาร์ 19 ธ.ค.ที่ผ่าน เนื่องจากกรณีที่ทางเจ้าหน้าที่ทำการปิดล้อมตรวจค้นหมู่บ้านนี้เป็นจำนวน 28 ครั้ง นับตั้งแต่มีเหตุการณ์ความรุนแรง แต่กลับไม่เคยมีการจับตัวผู้กระทำความผิดได้ แม้แต่คนเดียว

เหตุการณ์การปิดล้อมหมู่บ้านในจำนวนที่มากจนเกินเหตุ ทำให้ชาวบ้านเกิดความหวาดระแวงในตัวของเจ้าหน้าที่มากขึ้น ชาวบ้านจึงรวมตัวกันร้องเรียนต่อศูนย์ทนายความมุสลิมจังหวัดปัตตานี เพื่อให้มาสร้างความเข้าใจในกฎหมายพิเศษที่มีการบังคับใช้ในพื้นที่ เพื่อให้รับรู้ในเรื่องของสิทธิขั้นพื้นฐานที่ประชาชนควรจะได้รับเมื่อมีการ ข้อตรวจค้น หรือจับกุมจากเจ้าหน้าที่

“โครงการนำกระบวนการยุติธรรมสู่ชุมชน” คือชื่อโครงการที่ทางศูนย์ทนายความมุสลิม ได้ใช้ในทุกครั้งที่ได้ลงพื้นที่อบรมกฎหมายให้กับชาวบ้าน และทุกๆ พื้นที่ที่ได้ลงไปล้วนเคยเกิดปัญหาเกี่ยวกับความยุติธรรมทั้งสิ้น ผู้ที่ให้ความเข้าใจใน “กระบวนการยุติธรรมภายใต้กฎหมายพิเศษที่ใช้ในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้” คือทนายอนุกูล อาแวปูเตะ ประธานศูนย์ทนายความมุสลิมประจำจังหวัดปัตตานี ได้บรรยายด้วยภาษามลายูท้องถิ่นที่คนในพื้นที่เข้าใจง่าย

ก่อนที่จะมีการลงพื้นที่อบรมกฎหมายในหมู่บ้านดังกล่าว ทางศูนย์ทนายความมุสลิมปัตตานีได้รับเรื่องร้องเรียนจากชาวบ้านในพื้นที่ว่า ทางเจ้าหน้าที่ได้ทำการปิดล้อมตรวจค้น หมู่บ้านสวนนอก เป็นจำนวน 27 ครั้งแล้ว ทำให้ชาวบ้านเกิดความวิตกกังวล และหวาดระแวงต่อการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่เป็นอย่างมาก เนื่องจากการตรวจค้นในแต่ละครั้งก็ไม่เคยจับหรือควบคุมตัวผู้กระทำความผิดได้เลยแม้แต่รายเดียว

โดยเมื่อวันที่ 31 ต.ค.52 เวลาประมาณ 09.30 น. มีเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบ เจ้าหน้าที่ทหาร และ อส. เข้ามาปิดล้อมและตรวจค้น ที่บ้านเลขที่ 2 หมู่ 1 บ้านสวนนอก ตำบลช้างให้ตก อำเภอโคกโพธิ์ โดยไม่ได้แสดงเอกสารใดๆ เพียงอ้างว่าปฏิบัติหน้าที่ตามกฎอัยการศึก เพราะทางเจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งมาว่าในหมู่บ้านนี้มีคนร้ายอยู่จำนวน 10 กว่าคน

เจ้าหน้าที่เข้าไปค้นในบ้านแต่ไม่พบสิ่งใด จึงค้นไปถึงหลังบ้าน เข้าไปถึงในสวน ต่อมาทางเจ้าหน้าที่ได้ทำการล้อมด้วยเชือกจำกัดบริเวณไม่ให้ผู้ใดเข้าไปในสวนหลังบ้าน ทางผู้ใหญ่บ้านรับทราบจึงขออนุญาตเข้าไปในเขตดังกล่าวแต่ก็ถูกห้าม และจากการตรวจค้นภายในสวน เจ้าหน้าที่อ้างว่าได้พบเครื่องแบบทหารชุดใหม่ 5 ชุด หัวตะปูในขวดโค๊ก 1 ขวด ซึ่งทางเจ้าหน้าที่อ้างว่าเป็นหัวตะปูที่มาจากตะปูเรือใบ และกระสุนปืนอาก้า จำนวน 13 นัด บนใบมะพร้าว สภาพกระสุนเก่ามากมีสนิกเกาะลูกกระสุนปืนดังกล่าว เจ้าหน้าที่จึงได้ควบคุมตัวนายมะยากี กูโน นายบาเห กูโน น้องชาย ซึ่งเพิ่งกลับมาจากกรีดยาง และญาติอีกหนึ่งคนไม่ทราบชื่อ จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงนำตัวผู้เสียหายและญาติรวม 3 คนมาที่ลานหน้าบ้าน แล้วล้อมด้วยเชือกฟาง

เวลาประมาณ 12.00 น. เจ้าหน้าที่จะนำตัวทั้งสามไปที่ ฉก.วัดช้างไห้ (ฉก. 24) แต่ชาวบ้านขอให้ทั้งสามได้ทานข้าว อาบน้ำ และละหมาดก่อน ขั้นต้นเจ้าหน้าที่ไม่ยอม ชาวบ้านก็เจรจากับเจ้าหน้าที่ สุดท้ายก็ยอมทำตามชาวบ้านและญาติร้องขอ หลังจากนั้นทางเจ้าหน้าที่จะนำตัวทั้งสามไปที่ ฉก. ดังกล่าวเพื่อทำการสอบสวน ทางญาติจึงขอตามไปด้วย เจ้าหน้าที่ไม่ยอมให้ไป และเปลี่ยนใจไม่นำตัวทั้งสามไปสอบสวนที่ ฉก. แล้ว แต่กลับสอบสวนที่ลานหน้าบ้านดังกล่าวแทน ชาวบ้านเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดและทราบว่าเจ้าหน้าที่สอบสวนเพียงเรื่องชุดทหาร ดังกล่าว และประวัติส่วนตัวเท่านั้นเองส่วนเรื่องอื่นไม่ได้ถาม จากนั้นก็ปล่อยตัวไป

วันต่อมา ได้มีเจ้าหน้าที่ทางนิติวิทยาศาสตร์ได้เข้ามาตรวจพิสูจน์หลักฐานสถานที่ แต่ไม่พบสิ่งผิดปรกติแต่อย่างใด ทางเจ้าหน้าที่ทหารสังกัดวัดบู นำโดยร้อยโทสมร เตี้ยวงศ์ ติดต่อกับกำนันให้นายมะยากี กูโน เข้ามอบตัวแต่ทางญาติและชาวบ้านไม่ไว้ใจในตัวของเจ้าหน้าที่ เนื่องจากเหตุการณ์และการกระทำที่ผ่านมาของเจ้าหน้าที่ได้กระทำแก่ชุมชนบ้านสวนนอกให้เกิดความด่างพร้อย และกับคำกล่าวหาจากเจ้าหน้าที่ว่าชาวบ้านทั้งหมู่บ้านบ้านสวนนอกเป็นกลุ่มก่อการร้าย จึงขอหลักประกันว่าถ้าให้ตัวนายมะยากีแล้วจะปลอดภัยกลับมาหรือเปล่า เหตุการณ์ครั้งนี้เป็นการรุกรานจากเจ้าหน้าที่เป็นครั้งที่ 27

แต่ก่อนหน้านี้ ในการตรวจค้นครั้งที่ 26 เมื่อเดือนมิถุนายน ทำให้ชาวบ้านสวนนอกจดจำเหตุการณ์นี้ไม่ลืม ชาวบ้านได้เห็นการแสดงละครจัดฉากอย่างไม่น่าเชื่อจากเจ้าหน้าที่

เมื่อเวลาประมาณ 14.00 น ของวันพฤหัสที่18 มิถุนายน 2552 ชาวบ้านบ้านสวนนอก นัดพากันไปร่วมงานวาลีมะห์ (งานมงคลสมรส) ของเพื่อนบ้านที่บ้านสามยอด ตำบลโคกโพธิ์ ซึ่งเป็นตำบลใกล้เคียง ต่อมาเวลาประมาณ 17.00 น. ชาวบ้านที่ไปร่วมงานดังกล่าวก็พากันกลับมายังหมู่บ้านสวนนอก ได้เห็นรถกระบะ รถหุ้มเกราะ รถถัง รถกวาดตะปูเรือใบ รวมทั้งหมดประมาณ 40-50 คัน และเฮลิคอปเตอร์จำนวน 2 ลำ เจ้าหน้าที่ทหารทหารพราน ตำรวจ ตำรวจนอกเครื่องแบบ เจ้าหน้าที่นิติวิทยาศาสตร์ รวมทั้งหมดประมาณ 400 นาย พร้อมสุนัขทหารจำนวนหลายสิบตัว ตรึงกำลังกระจายเต็มพื้นที่ในหมู่บ้านสวนนอก ในครั้งนี้ทางเจ้าหน้าทหารได้เรียกนักข่าวเพื่อจัดทำการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน จากการแถลงข่าวดังกล่าว โทรทัศน์ทุกช่องและสื่อสิ่งพิมพ์หลายฉบับได้รายงานข่าวว่าได้เกิดเหตุปะทะกัน โดยผู้นำศาสนาได้เข้าเจรจากับหัวหน้ากลุ่มผู้ก่อเหตุ ซึ่งภาพของหัวหน้ากลุ่มก่อการที่ปรากฏตามที่สื่อรายงานเป็นผู้ใหญ่บ้านของหมู่บ้านดังกล่าวและผู้ที่เป็นผู้นำศาสนาตามข่าวนั้นเป็นคนในหมู่บ้านบ้านสวนนอกที่กลับจากการร่วมงานมงคล ชื่อนายวันจิ แลมอ ทางชาวบ้านได้เล่าถึงเหตุการณ์ดังกล่าวว่าเป็นการสร้างภาพและทำให้เกิดความสับสนแก่ชาวบ้านอย่างมาก ทั้งที่ไม่ได้มีเหตุการณ์ใดๆ เกิดขึ้นเลย

ทาง จ.ส.อ.ไสว พึ่งพา รองผู้บังคับหมวดปืนเล็ก ร้อย ร.15333 ฉก.24 เจ้าหน้าที่ที่ได้เข้ามาร่วมในการอบรมกฎหมายครั้งนี้ด้วย ได้อธิบายให้กับ “ทีมบูหงารายานิวส์” ว่าการตรวจค้นของ เจ้าหน้าที่ทั้ง 28 ครั้ง รวมครั้งล่าสุดเมื่อวันศุกร์ที่ 18 ธ.ค.ที่ผ่าน การปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ได้ปฏิบัติตามหน้าที่แล้ว จุดที่ว่าเหมาะสมหรือไม่อย่างไร คงตอบตรงจุดนี้ไม่ได้ เจ้าหน้าที่น่าจะมีเหตุมีผลของการปฏิบัติ ส่วนความร่วมมือระหว่างชาวบ้านกับเจ้าหน้าที่เท่าที่ได้พูดคุย ทางผู้นำก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ไม่มีอะไรที่จะบ่งชี้ว่าจะมีการต่อต้านเจ้าหน้าที่ ส่วนการสร้างความไว้วางใจทางเราใช้คุณความดี และการปฏิบัติตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชาที่สั่งการมาด้วยความนิ่มนวล

ที่มา: BungarayaNews

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net