Skip to main content
sharethis

 

มติชนออนไลน์ รายงานว่า เมื่อวันที่ 30 ธันวาคม พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ได้ให้สัมภาษณ์พิเศษเพื่อบันทึกเทปรายการ “สนามข่าว 101” สถานีวิทยุเอฟเอ็ม 101 สำหรับออกอากาศในวันที่ 4 มกราคม 2553

พล.อ.เปรมได้กล่าวตอนหนึ่งว่า ให้อ่านพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว คือทุกคนต้องมีสติรู้ตัว มีปัญญารู้คิด ซึ่งชัดเจนอยู่แล้วที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระราชดำรัสว่าให้ทุกคนเห็นแก่ส่วนร่วมมากกว่าส่วนอื่น ขณะเดียวกันก็ขอให้ยึดมั่นในความดี ซึ่งเป็นเรื่องที่ยากมาก อย่างไรก็ตามตนเห็นว่าทุกคนต้องสร้างความรักชาติให้เกิดขึ้น รวมถึงสร้างความรักต่อองค์กรที่ตนทำงาน

“ถ้ารักแล้ว แน่นอนที่สุดว่าคุณจะไม่ทำร้ายคนอื่น ผมเคยพูดกับข้าราชการไว้ว่าถ้าคุณเป็นครู แล้วคุณไม่รักนักเรียน ผมเคยบอกไว้ว่าให้ลาออกไป ถ้าไม่รักอาชีพที่ทำก็สมควรลาออก เพราะไม่มีวันเจริญ เช่นเดียวกันถ้าคุณเป็นทหารไม่รักในอาชีพทหาร คุณจะเป็นทหารทำไม” พล.อ.เปรมกล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า เหมือนที่ พล.อ.เปรมรักความเป็นทหารใช่หรือไม่ พล.อ.เปรมกล่าวว่า “รัก มากๆ ด้วยชีวิตจิตใจของผม ผมไม่เคยลืมว่าผมเป็นทหาร ถึงเคยพูดว่าทหารแก่ไม่เคยมีวันตาย ซึ่งไปลอกฝรั่งเขามา ความจริงแล้วในใจก็ยืดถือเช่นนั้น”

เมื่อถามว่า ด้วยเหตุนี้ใช่หรือไม่ที่ทำให้สวมเครื่องแบบทหารในวันที่ผู้บัญชาการเหล่า ทัพมาอวยพรปีใหม่ พล.อ.เปรมกล่าวว่า โปรดอย่าถามคำถามนี้ คนก็เดากันไปต่างๆ นานา ตนคิดว่าสิ่งที่เราควรบอกคนอื่นคือการสร้างความรักให้เกิดขึ้นในตัวเรา จะทำอะไรก็ทำจากความรัก ซึ่งมันไม่ยาก โดยสร้างตั้งแต่ครอบครัว ภรรยา ถ้าสนใจฟุตบอล ก็เคยมีคำพูดจากผู้จัดการทีมอาเซนอลที่พูดไว้ว่า “คุณ จะอยู่ทีมไหนก็ได้ ถ้าคุณรักฟุตบอลซะอย่าง คุณจะเป็นนักฟุตบอลที่ดี ไม่ว่าจะอยู่ทีมแมนยูฯ หรืออะไรพวกนั้น ก็เป็นนักฟุตบอลที่ดีได้”

เมื่อถามว่า รู้สึกอย่างไรที่มักถูกบุคคลอื่นพูดถึงบ่อยครั้ง พล.อ.เปรมกล่าวว่า “ผมไม่ตอบคำถามนี้ ผมไม่แถมให้”

พล.อ.เปรมกล่าวต่อว่า บ้านเมืองยังมีทาง ในการแก้ไข เพียงแต่เรานำมาใช้หรือไม่นำมาใช้เท่านั้น ตนได้ไหว้ขอพระสยามเทวาธิราชทุกวัน โดยสิ่งที่ขอจากท่านคือขอดลบันดาลให้คนไม่ดี รู้สึกตัวว่าเป็นคนไม่ดี และพยายามทำตัวเป็นคนดี ซึ่งถือเป็นสิ่งที่สำคัญมากในชาติบ้านเมืองปัจจุบัน โดยเฉพาะสถานการณ์ปัจจุบันที่มีความเห็นแตกต่างกัน ซึ่งไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไร

“คุณเห็นอย่าง ผมเห็นอย่าง ไม่ตรงกันก็ไม่จำเป็นต้องโกรธกัน ไม่จำเป็นต้องเป็นศัตรูกัน หรือไม่จำเป็นต้องเกลียดกัน คือไม่จำเป็นที่คุณต้องเกลียดผม ผมต้องเกลียดคุณ ไม่ใช่เช่นนั้น เพียงแต่คุณเห็นอย่างหนึ่ง ผมเห็นอย่างหนึ่งก็โอเค เป็นความเห็นส่วนบุคคลที่เราต้องแยกออกจากกันให้ชัดเจนว่าเมื่อคุณเห็นเช่น นั้น ก็ไม่ใช่ว่าคุณไม่ดีคุณจะว่าผมไม่ดี ก็ไม่ได้เพราะเป็นความเห็นของผม ถ้าเป็นเช่นนี้จะทำให้คนไม่ดีเป็นคนดีได้ง่ายขึ้น เหมือนกับความปรารถนาดีที่ผมมีต่อคนไม่ดี สมมติเพื่อนผมไม่ได้ประพฤติเสียหาย ผมก็จะไปช่วย ผมอยากให้ทุกคนที่มีความเห็นแตกต่างกัน อย่าเอาความแตกต่างมาเป็นเรื่องหมองใจ ต่อสู้กัน เป็นเรื่องที่ไม่ควรทำ ถ้าคุณบอกว่าความเห็นของผมไม่ดี คุณก็ต้องชี้แจงว่าไม่ดีอย่างไร จนผมเข้าใจและยอมรับว่าที่คุณแนะนำถูก ผมก็จะกลายเป็นคนดี” พล.อ.เปรมกล่าว

ผู้ดำเนินรายการถามว่า ถ้าคนไม่ดีไม่สามารถสำนึกได้จะมีอะไรดลใจได้หรือไม่ พล.อ.เปรมกล่าวว่า เรื่องนี้หวังไม่ได้ที่จะให้คนไทยเป็นคนดีทั้งหมด แต่อย่างน้อยจะให้คนไม่ดีมีน้อยที่สุด และขออย่าให้เขามายุ่งกับเรื่องของชาติบ้านเมือง เขาจะไปไม่ดีที่ไหนก็แล้วแต่เขา แต่อย่าให้มาดูแลชาติบ้านเมืองอะไรทำนองนั้น มันหวังไม่ได้ที่คนไทยทั้ง 66 ล้านคนจะเป็นคนดีทั้งหมด ไม่มีทางเป็นไปได้ ประเทศที่เจริญอย่างสหรัฐฯ ก็มีคนไม่ดีเป็นล้าน

“ดังนั้นจะมาบอกว่าทำอย่างไร ผมก็บอกว่าก็พยายามอย่าให้เขาเข้ามายุ่งกับสังคมกับส่วนรวม ให้เขาอยู่ของเขา ถ้าเราหมดหนทางที่จะทำให้เขาเป็นคนดีแล้ว เราก็เห็นจะต้องทำอย่างที่คุณเรียก ก็อยู่ส่วนของคุณไป อย่างมายุ่งกับผม” ประธานองคมนตรีกล่าว
 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net