กลับมาเป็นประเด็นอีกครั้งสำหรับความพยายามที่จะนำมหาวิทยาลัยเปลี่ยนแปลงไปเป็นมหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐหรือที่นิยมเรียก “ม.นอกระบบ” ภายหลังจากมีการขับเคี่ยวกันมาอย่างเข้มข้น ในช่วงรัฐบาลคมช. สุรยุทธ์ จุลานนท์โดยมีศ.ดร.วิจิตรศรีสะอ้าน รัฐมนตรีศึกษาธิการเป็นผู้ผลักดันคนสำคัญ ผ่านสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.)
โดยสรุป ณ ปัจจุบันในประเทศไทยมีสถาบันอุดมศึกษาในกำกับ 13 แห่งที่ไม่ได้ขึ้นอยู่กับระบบราชการหรือไม่อยู่ในสายการบังคับบัญชาของสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา โดยในจำนวนนี้มี 3 แห่งที่เป็นสถาบันในกำกับของรัฐบาลตั้งแต่ก่อตั้งส่วนที่เหลือนั้นเป็นสถาบันในกำกับของรัฐบาลโดยการแปรสภาพด้วยผลของกฎหมาย ดูรายชื่อมหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐ(ที่นี่)
สำหรับประเด็นที่ทำให้เกิดกระแสการคัดค้านจากนักศึกษาจากทุกสถาบันที่ผ่านมามื่เหตุจากความไม่มั่นใจในคุณภาพทางการศึกษาที่อาจจะมีความตกต่ำลงหรือมีความคลาดเคลื่อนไปจากเดิมรวมถึงประเด็นเรื่องภาระค่าใช้จ่ายในการศึกษาของผู้เรียนที่เพิ่มสูงขึ้นทำให้เป็นการจำกัดโอกาสในการเข้าถึงการศึกษาในระดับปริญญา
กล่าวสำหรับมหาวิทยาลัยขอนแก่น ในสมัยรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ประชุมครม. มีมติไม่ผ่านความเห็นชอบตั้งแต่เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายนพ.ศ. 2549 ดังนั้น ร่างพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยขอนแก่นพ.ศ. ... จึงยังอยู่ในขั้นตอน “อยู่ระหว่างการพิจารณาของมหาวิทยาลัย” ต่อไปนี้เป็นรายงานความเคลื่อนไหวผลักดันมหาวิทยาลัยขอนแก่นเป็นมหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐ
ลำดับการจัดทำ พ.ร.บ.
14 พ.ย. 2552 จัดตั้งคณะกรรมการพิจารณาร่างฯ
คณะกรรมการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยขอนแก่น พ.ศ. …. เพื่อไปเป็นมหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐ ในคราวประชุมครั้งที่ 1/2552 เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2552 ที่ ห้องประชุม 1 สำนักงานอธิการบดี อาคาร 1 ที่ประชุมมีมติเลือก นายชูเกียรติ รัตนชัยชาญ กรรมการสภามหาวิทยาลัยผู้ทรงคุณวุฒิเป็นประธานคณะกรรมการฯ และมีมติเลือกรองประธานกรรมการอีก 2 คน คือ ศาสตราจารย์ศาสตรี เสาวคนธ์ กรรมการสภามหาวิทยาลัยผู้ทรงคุณวุฒิ เป็นรองประธานกรรมการคนที่ 1 และ ผู้ช่วยศาสตราจารย์พรรณวดี ตันติศิรินทร์ ประธานสภาคณาจารย์ เป็นรองประธานกรรมการคนที่ 2 พร้อมทั้งมีมติให้แต่งตั้งคณะทำงานเพื่อสนับสนุนการพิจาณาร่างพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยขอนแก่น พ.ศ. …. เพื่อไปเป็นมหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐโดยให้ รองศาสตราจารย์รังสรรค์ เนียมสนิท รองอธิการบดีฝ่ายแผนและสารสนเทศเป็นประธานคณะทำงาน โดยกำหนดให้คณะทำงานชุดดังกล่าวมีหน้าที่ในการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยขอนแก่น พ.ศ. .... เพื่อไปเป็นมหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐ เสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยขอนแก่น พ.ศ. .... เพื่อไปเป็นมหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐ ต่อไป
21 ธ.ค. 2552 พ.ร.บ. เสร็จสิ้น
จากการเปิดเผย ของ รศ. รังสรรค์ เนียมสนิม รองอธิการบดีฝ่ายแผนและสารสนเทศ หัวเรือใหญ่ในการขับเคลื่อนการทำงานในครั้งนี้ กล่าว่า คณะทำงานฯ ได้มีการระดมความคิดเห็นกันอย่างเข้มข้นในการประชุม ทั้ง 5 ครั้ง ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2552 เพื่อดำเนินการปรับแก้ ร่าง พ.ร.บ. ม. ในกำกับฯ ทั้ง 89 มาตรา และได้นำเสนอ ต่อคณะกรรมการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยขอนแก่นฯ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว มีการปรับแก้บ้างเล็กน้อย ในความสมบูรณ์และครอบคลุมของเนื้อหา ในบางมาตรา เท่านั้น
ในส่วนของสาระสำคัญที่น่าสนใจ ในร่าง พ.ร.บ. ฉบับนี้ รศ. รังสรรค์ ได้เผยต่อว่า ได้มีการเพิ่มองค์คณะของผู้ทรงคุณวุฒิของมหาวิทยาลัยขอนแก่น มากขึ้น คือทั้งจากภายในและภายนอก เพิ่มการมีส่วนร่วม การได้มาใช้วิธีการที่หลากหลายทั้งการสรรหา เลือก และเลือกตั้ง เน้นเรื่องสิทธิของพนักงานมหาวิทยาลัย โดยได้เปรียบเทียบจากมหาวิทยาลัยที่ได้ออกนอกระบบแล้ว เช่น จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มหาวิทยาลัยมหิดล มีการเพิ่มหลักประกันให้แก่นักศึกษาที่ขาดแคลน “คนจนสามารถเข้าเรียนได้ ที่ มข.” ยื่นเวลาให้ข้าราชการในการแสดงเจตจำนงเป็นพนักงานมหาวิทยาลัย มีการมอบตำแหน่ง “ศาสตราจารย์เกียรติคุณ” ให้กับคณาจารย์ที่เกษียณอายุราชการไปแล้ว แต่ยังอุทิศตนเพื่อมหาวิทยาลัย และ หากมหาวิทยาลัยขอนแก่น สามารถออกนอกระบบ “เป็นมหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐ” การนับวาระของผู้บริหารในขณะนั้น ให้นับต่อเนื่องจากระบบการบริหารเดิม
นักศึกษาฮือต้าน/เผาหุ่นหน้าตึกอธิการฯ
ต่อมาเมื่อวันที่ 12 ก.พ. ที่ผ่านมา กลุ่มกิจกรรมนักศึกษา มหาวิทยาลัยขอนแก่น ในนาม “เครือข่ายนักศึกษาคัดค้าน ม.นอกระบบ” กว่า 100 คน ได้รวมตัวกันชุมนุมประท้วงหน้าตึกอธิการบดี เพื่อยื่นแถลงการณ์ แสดงการคัดค้านการจัดทำร่างพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยขอนแก่น พ.ศ. ..... เพื่อเป็นมหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐ แต่เมื่อไม่พบอธิการบดี กลุ่มผู้ชุมนุมจึงได้เคลื่อนมายังบริเวณหน้าอาคารศูนย์อาหารคอมเพล็กซ์ และมีตัวแทนนักศึกษาแต่ละองค์กรในเครือข่ายขึ้นกล่าวปราศรัยเพื่อแสดงเจตนารมณ์ต่อเพื่อนนักศึกษาที่ผ่านไปมา โดยมี ผศ.พรรณวดี ตันติศิรินทร์ ประธานสภาคณาจารย์ ผศ.วิชัย ณีรัตนพันธุ์ รองอธิการบดีฝ่ายศิลปวัฒนธรรมและศิษย์เก่าสัมพันธ์ รศ.ดร. รังสรรค์ เนียมสนิท รองอธิการบดีฝ่ายวางแผนและสารสนเทศ รศ.ดร.วินัย ใจขาน รองอธิการบดีฝ่ายสังคมและชุมชนสัมพันธ์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ลงมารับฟัง
โดย ผศ.พรรณวดี พร้อมด้วยคณะผู้บริหารก็ได้ชี้แจงกลุ่มนักศึกษาเช่นเดียวกันว่า “หากบอกโดยไม่เกรงใจเรื่องมหาวิทยาลัยนอกระบบนั้นเป็นนโยบายของรัฐบาลซึ่งอาจารย์ถูกบังคับเยอะกว่าพวกคุณอีก วันนี้ไม่อยากให้ไปมองว่าออกหรือไม่ออกแต่จะต้องมาร่วมพูดคุยกันเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมนักศึกษาอยู่อย่างมีคุณภาพและค่าใช้จ่ายต้องไม่แพงจนเกินไปใจจริงอาจารย์อยากจะเสนอให้รัฐบาลมีนโยบายเรียนฟรีไปจนถึงระดับอุดมศึกษาด้วยซ้ำ” โดยช่วงท้ายของการชุมนุมทางกลุ่มนักศึกษาดังกล่าวได้ทำการเผาหุ่น ม.นอกระบบ ก่อนสลายตัว
น.ศ.วิจารณ์ กระบวนการไม่โปร่งใส /ไล่ผู้บริหารกลับไปดู”ครูบ้านนอก”
"จะสังเกตเห็นได้ว่านับจากวันที่ พ.ร.บ. เสร็จสิ้นคือวันที่ 21 ธ.ค. 52 จนถึงวันทำการแสดงความคิดเห็น คือวันที่ 21 ม.ค. 53 นับเวลาได้ 30 วัน สำหรับการเผยแพร่สู่สาธารณะซึ่งนับว่าน้อยมากซ้ำยังไม่มีการเผยแพร่ข้อมูลให้กว้างขวางอย่างที่ควรจะทำ" ยุทธพร ภักดีหาญ หนึ่งในแกนนำของเครือข่ายนักศึกษา ได้ออกความเห็นส่วนตัว ต่อประเด็นนี้ไว้ว่า “ในความเป็นจริงทางคณะผู้บริหารไม่เคยมีแนวทางที่จะเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับร่าง พ.ร.บ. มหาลัยในกำกับของรัฐ แก่นักศึกษา อย่างทั่วถึงและรอบด้าน ถึงเหตุผลในการผลักดันให้มหาวิทยาลัยออกนอกระบบรวมถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อ นักศึกษาและบุคลากรต่างๆ ในมหาวิทยาลัยอย่างไรบ้าง มีเพียงแต่การแอบขึ้นค่าเทอมนักศึกษา แม้จะมีการจัดแสดงความคิดเห็นในวันที่ 21 ม.ค. ที่ผ่านมา แต่นั่นยังไม่เพียงพอ โดย ร่าง พ.ร.บ. ตัวนี้ถ้าควรจะให้มีการจัดทำประชาพิจารณ์จากนักศึกษาในมหาวิทยาลัยเลย ไม่ใช่เพียงการแสดงความคิดเห็น ถ้าทางคณะผู้บริหารอยากจะช่วยเหลือนักศึกษาจริงๆควรชะลอการยกร่าง พ.ร.บ. ที่ไม่ได้ผ่านกระบวนการมีส่วนร่วมของนักศึกษาไปซะก่อน แล้วนำข้อมูลมาเผยแพร่แก่นักศึกษาอย่างรอบด้าน แล้วค่อยมาทำประชาพิจารณ์กันอย่างโปร่งใส ไม่ใช่แอบทำ”
ต่อคำกล่าวชี้แจง ของ ผศ.พรรณวดี ที่ว่าทางอาจารย์ถูกบังคับเยอะกว่าและอยากให้มีการจัดการศึกษาฟรีไปจนถึงระดับอุดมศึกษา นั้น อนิวัฒิ บัวผาย แกนนำอีกคน จากกลุ่มอิสระซุ้มยอป่าได้โต้ว่า “การพูดอย่างนั้น ถือว่าผิดจรรยาของอาชีพครู เมื่อเห็นความไม่เป็นธรรมเกิดขึ้นคุณก็ต้องคัดค้าน ไม่ใช่กลัวเดือดร้อน กลัวโดนปลด อย่านี้เห็นแก่ตัวไม่ได้มองประโยชน์ของนักศึกษาที่อยู่ในมหาวิทยาลัย ที่คุณดูแลอยู่ซึ่งเป็นคนส่วนมากในมหาวิทยาลัย น่าจะต้องไล่คนพวกนี้กลับไปดูหนังเรื่องครูบ้านนอก”
ส่วนยุทธพร กล่าวว่า “ในประเด็นที่ทางผู้บริหารอยากให้โครงการเรียนฟรีถึงระดับอุดมศึกษาจริงๆ ผู้บริหารควรผลักดัน วาระนี้ให้เป็นประเด็นสาธารณะแก่ประชาชนทั่วไปได้รับทราบ แล้วร่วมกันผลักดันให้เป็นนโยบาลของรัฐบาลมิใช่การกล่าวอ้างเพียงเท่านั้น”
ทั้งนี้จากการเปิดเผยของแกนนำนักศึกษา การต่อสู้จะยังดำเนินต่อไปโดยจะมีการจัดเวทีสาธารณะและวงเสวนาเพื่อชำแหละ กระบวนการจัดทำร่าง พ.ร.บ. และรวมถึงระดมข้อเสนออื่นๆ ต่อทางออกจากปัญหานี้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
จับกระแสเกาะประเด็นพ.ร.บ. ม.ในกำกับฯhttp://www.news.kku.ac.th/kkunews/content/view/3358/5/
จับกระแสเกาะประเด็นพ.ร.บ. ม.ในกำกับฯ : ทั้ง89 มาตราปรับแก้เสร็จพร้อมเปิดรับฟังความคิดเห็นhttp://www.news.kku.ac.th/kkunews/content/view/3616/5/
ดาวน์โหลดร่าง พ.ร.บ. http://kkufuture.kku.ac.th/2552/2553/01/03_rule.pdf
สรุปบทเรียนของการต่อสู้คัดค้านมหาวิทยาลัยออกนอกระบบที่ผ่านมา http://socialist.exteen.com/20071130/entry
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)