Skip to main content
sharethis

นายกฯ ให้"สุเทพ"คุมระหว่างเยือนออสซี่ สั่งอีแต๋นเข้ากรุงผิดกฎหมาย ขณะที่พล.อ.อนุพงษ์โยนสุเทพประเมิน ประกาศใช้พ.ร.บ.ความมั่นคงหรือไม่

5 มี.ค.53 เว็บไซต์มติชนรายงานว่า พล.อ.อนุพงษ์  เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก ให้สัมภาษณ์ถึงการชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดงระหว่างวันที่ 12-14 มี.ค.นี้ว่า ตนไม่ได้สั่งให้กองทัพเตรียมพร้อมอะไร แต่สื่อเขียนไปเอง นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง เพียงให้ติดตามสถานการณ์ ขณะนี้เรายังอยู่ในภาวะปกติ คือ เป็นผู้ช่วยเจ้าพนักงาน เมื่อได้รับการร้องขอมาและตั้งจุดตรวจร่วม ยังไม่มีอะไรพิเศษกว่านั้น ทั้งนี้ เชื่อว่าสังคมต้องมีทางออก เราต้องอยู่ร่วมกันได้ด้วยความสามัคคี เพราะผลกระทบเรื่องนี้มีมาก ทุกฝ่ายห่วงใยตน สื่อก็เป็นห่วง อยากให้เหตุการณ์ปกติ ตนเชื่อว่าคงไม่เกิดเหตุรุนแรงอะไร เพราะคนไทยด้วยกันคงรู้ว่า เรื่องนี้ส่งผลกระทบต่อทุกคน ดังนั้น ทุกคนหวังว่าจะไม่เกิดเหตุรุนแรง

เมื่อถามถึงการประชุมคณะกรรมการติดตามสถานการณ์ความมั่นคง (คตม.) ในวันที่ 8 มี.ค.นี้จะมีการประเมินเพื่อประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงหรือไม่ พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า หาก คตม.เห็นอย่างไร ผู้ที่ตัดสินใจคือ นายสุเทพ จะประเมินว่าสมควรประกาศหรือไม่ ซึ่งดูจากหลายมิติทั้งผลกระทบต่อประชาชน เศรษฐกิจ และทุกเรื่อง หากตัดสินใจใช้ก็จะให้กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ดำเนินการตั้งเรื่องขึ้นไปขออนุมัติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ส่วนจะประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงหรือไม่ ขึ้นอยู่ที่วิวัฒนาการของสถานการณ์ที่จะเปลี่ยนไป หากไม่จำเป็นก็ไม่ต้องประกาศ หากจำเป็นขึ้นอยู่กับดุลพินิจของนายสุเทพ

"มาร์ค" ขออย่าให้คนทำวุ่นชี้ทางประเทศ
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวกรณีนายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ เปิดแผนกลุ่มคนเสื้อแดงจะให้ ส.ส.ขนคนมาร่วมชุมนุมจำนวน 1 ต่อ 10,000 คน โดยใช้รถปิคอัพ 100 คัน ว่า ตอนนี้มีการประเมินตลอด รัฐบาลจะพยายามบริหารให้เกิดความเรียบร้อย เพราะการชุมนุมโดยสงบถือเป็นสิทธิ แต่การนำรถยนต์และยานพาหนะต่างๆ เข้ามา ต้องให้ความร่วมมือกับรัฐบาล ที่นายสุเทพพูดไปในเรื่องการบริหารจัดการ เพราะถ้าคนนำยานพาหนะเข้ามามาก จะทำให้เกิดความไม่สะดวกกับทุกฝ่าย ดังนั้น รัฐบาลจะหาทางสื่อสารให้ทราบว่าจะบริหารอย่างไรต่อไป

นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า หากประกาศทำให้สิ่งที่ผิดกฎหมายคงทำไม่ได้ เชื่อว่าผู้ชุมนุมส่วนใหญ่ไม่มีวัตถุประสงค์ทำสิ่งผิดกฎหมาย ขออย่าให้ตกเป็นเหยื่อของคนที่ต้องการทำผิดกฎหมาย อย่าให้คนที่อยากให้เกิดความวุ่นวายโกลาหลมาเป็นผู้กำหนดทิศทางการชุมนุม หรือบ้านเมือง และหากประกาศทำให้สิ่งที่ผิดกฎหมายคงทำไม่ได้ ส่วนเรื่องที่อาจมีพระสงฆ์ร่วมชุมนุมกับคนเสื้อแดงด้วยนั้น นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เรื่องที่จะทำให้เกิดความขัดแย้งไม่ควรย้ำ ก่อนหน้านี้ก็พยายามบอกว่ามีแบล๊คลิสต์ ซึ่งมีชื่อพระสงฆ์รวมอยู่ด้วย ทั้งที่จริงๆ แล้วไม่มี ความจริงทุกฝ่ายมีสิทธิหน้าที่ชัดเจนตามกฎหมาย จึงขอให้ยึดตามนั้น

ให้"สุเทพ"คุมระหว่างเยือนออสซี่
นายกฯกล่าวถึง การดูแลคนจำนวนมากไม่ให้กลุ่มมือที่สามเข้าป่วนว่า จะบริหารให้มีการจัดระบบการเคลื่อนไหวต่างๆ ดังนั้น เวลานี้ถ้าเจ้าหน้าที่เช่นตำรวจทหารเข้ามาลาดตระเวนหรือสอดส่องดูแล ขอให้เข้าใจว่ามาช่วยดูแลผู้ชุมนุมเองด้วย อย่าไปหลงคิดว่าเจ้าหน้าที่จะเข้ามาปราบปรามประชาชน เพราะรัฐบาลนี้ไม่มีนโยบายปราบปรามประชาชน มีแต่ต้องรักษากฎหมาย ใครทำผิดกฎหมายต้องถูกดำเนินการ เมื่อถามว่า ระหว่างเดินทางเยือนประเทศออสเตรเลีย 13-17 มีนาคม จะให้ใครรักษาการนายกฯแทน นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เป็นไปตามระบบราชการคือนายสุเทพจะเป็นผู้รักษาการ จะไม่มีช่วงเวลาสุญญากาศแน่ ยืนยันว่ากำหนดการเยือนประเทศออสเตรเลียกำหนดไว้ล่วงหน้า เพราะว่าจะมีอภิปรายไม่ไว้วางใจจึงไม่อยากเลื่อน ส่วนกรณีที่นายสุเทพจะลงพื้นที่ จ.สุราษฎร์ธานี ระหว่างวันที่ 13-14 มีนาคมด้วย จะสอบถามเพื่อขอให้ปรับ คิดว่าคงไม่ยาก

ส่วนเหตุการณ์จะรุนแรงถึงขั้น ต้องประกาศใช้กฎหมายพิเศษหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ตอนนี้ยังไม่จำเป็น แต่คณะกรรมการติดตามสถานการณ์ความมั่นคง (คตม.) ได้ประเมินตลอด ถ้าจำเป็นก็ประกาศ แต่การใช้ต้องเพื่อความสะดวกในการบริหาร ไม่ได้หวังไปปราบปรามใคร โดยจะประกาศไล่ไปตามลำดับ เริ่มจาก พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงในราชอาณาจักร ซึ่ง 4-5 ครั้งที่เคยใช้ ก็ไม่มีปัญหาอะไร
 
"สุเทพ"กร้าวสั่งห้าม"อีแต๋น"เคลื่อน
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ได้ฟังข่าวว่าในบรรดาที่มาชุมนุมตามการชักชวนของบริวารของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะอาศัยรถปิคอัพเข้ามาในกรุงเทพฯจำนวนมาก เข้าใจว่าคนที่วางแผนการชุมนุมตั้งใจที่จะใช้รถปิคอัพจำนวนมากๆ อาจจะมีวัตถุประสงค์ที่จะสร้างความเดือดร้อนให้ประชาชนคนกรุงเทพฯ ในเรื่องการปิดกั้นการจราจร จึงอยากขอส่งความไปถึงประชาชนที่จะเข้ามาร่วมชุมนุมว่า รัฐบาลไม่ได้ขัดขวางการแสดงออกถึงสิทธิเสรีภาพ แต่อยากจะขอความกรุณาว่า การจราจรในกรุงเทพฯตามปกติก็หนักอยู่แล้ว หากผู้ชุมนุมนำรถยนต์หรือรถปิคอัพของตัวเองมาจำนวนมาก จะมีผลกระทบต่อระบบการจราจรของคนกรุงเทพฯ คนกรุงเทพฯก็จะเดือดร้อน ฉะนั้นผู้ชุมนุมต้องคำนึงถึงความเดือดร้อนของคนกรุงเทพฯด้วย

นายสุเทพย้ำว่า สั่งการให้ทางศาลาว่าการกรุงเทพฯและกองบัญชาการตำรวจนครบาล ได้จัดหาสถานที่สำหรับจอดรถให้บริเวณชานเมืองกรุงเทพฯ หากผู้ชุมนุมนำรถส่วนบุคคลเข้ามาจำนวนมาก และจะประสานกับกระทรวงคมนาคมให้จัดหารถบริการให้กับผู้ชุมนุมได้จอดรถไว้ใน สถานที่ที่กำหนดเข้ามาชุมนุมในบริเวณที่ชุมนุมได้ เช่น หากมาจากภาคเหนือและอีสานจะให้จอดรถไว้ที่ดอนเมือง ซึ่งจะประกาศให้ผู้ชุมนุมรับทราบอีกครั้งหนึ่ง

"หากยังมีการนำรถเข้ามาจอดขวางการจราจรหรือตามท้องถนนต่างๆ ผมได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายระดมจัดเตรียมรถยกมา เพื่อยกรถที่กีดขวางออกจากผิวจราจร ซึ่งกรณีนี้ผมได้ตรวจสอบแล้วว่า หากเกิดความเสียหายต่อรถยนต์ ปัญหาก็คือบริษัทประกันภัยทั้งหลายอาจจะไม่จ่ายค่าซ่อมเจ้าของรถก็จะเดือดร้อน ผมจึงประชาสัมพันธ์ไว้ก่อนว่าอาจจะเกิดเหตุดังกล่าวขึ้น ขอให้ได้ไตร่ตรองได้พิจารณาให้ดี ขอบอกว่ารถอีแต๋นเข้ามาไม่ได้แน่นอนอยู่แล้ว อีแต๋นวิ่งบนถนนหลวงไม่ได้ เที่ยวนี้ออกจากจังหวัด ก็ไม่ให้ออกแล้ว เพราะยอมให้ทำผิดกฎหมายไม่ได้" นายสุเทพกล่าว

ตรวจค้นรถ-เช็คบัตรปชช.ทั่วปท.
นายสุเทพกล่าวว่า ต้องขออภัยประชาชนด้วย เพราะในระยะนี้ทุกจังหวัดทุกพื้นที่จะขอความร่วมมือจากกระทรวงมหาดไทยดูแล ตรวจค้น ยานพาหนะที่สัญจรไปมา เพื่อป้องกันไม่ให้มีการนำอาวุธเข้ามาในพื้นที่ชุมนุมที่กรุงเทพฯ ซึ่งจะต้องตรวจค้นดูว่ารถที่เข้ามามีทะเบียนรถถูกต้องหรือไม่ ไม่ใช่ไปขโมยรถคนอื่นเข้ามา เพราะคิดว่าหากเกิดความเสียหายขึ้นมาจะได้ไม่ต้องรับผิดชอบ การตรวจบัตรประชาชน เพราะไม่ต้องการคนที่เข้ามาอยู่ในกลุ่มผู้ชุมนุมเป็นคนต่างด้าว หากพูดจากันไม่รู้เรื่องจะทำให้เกิดปัญหาเยอะ รวมถึงการตรวจค้นอาวุธ ผู้ชุมนุมต้องไม่พกอาวุธเด็ดขาด กำหนดใช้มาตรการดังกล่าวคาดว่าจะพร้อมในอีก 1-2 วัน

"บรรดาแกนนำทั้งหลายถ้าไปปลุกระดมชักชวนธรรมดา ตามวิถีทางประชาธิปไตยก็ไม่ว่าอะไร แต่ถ้าผมเห็นว่าคนเหล่านั้นไม่ได้มาแสดงออกเพื่อต่อสู้ให้มีระบบประชาธิปไตย แต่ต่อสู้เพื่อผลประโยชน์ของคนบางคนบางกลุ่มแล้วใช้วิธีการที่ประเทศเสียหาย ผมจะประมวลพยานแล้วขอหมายศาลดำเนินคดี เมื่อศาลออกหมายแล้วปรากฏว่าคนเหล่านั้นเคยได้รับการประกันตัวมาแล้ว เราก็จะถอนประกันตัว" นายสุเทพกล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า นายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง ระบุว่า ในการชุมนุมจะมีพระสงฆ์จำนวน 2 หมื่นรูปเข้าร่วมการชุมนุม จะเป็นการเหมาะสมหรือไม่ นายสุเทพกล่าวว่า "กรณีที่จะเข้ามาร่วมชุมนุม ผมขอกราบขอความกรุณาพระคุณเจ้าว่าเรื่องการชุมนุมทางการเมืองคงไม่ใช่กิจของ สงฆ์ ไม่ใช่เรื่องของพระคุณเจ้า ถ้าใครไปนิมนต์มาด้วยเหตุผลอะไร ขอความกรุณาพระคุณเจ้าอย่าได้มาร่วมในกระบวนการนี้เลย" นายสุเทพกล่าว

มท.1ขานรับสกัด-อีแต๋นไม่งามกรุง
นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า เห็นด้วยที่นายสุเทพสั่งให้มีการสกัดกันรถอีแต๋นที่กลุ่มเสื้อแดงจะนำมา ซึ่งจะต้องมีการกำชับให้ทางผู้ว่าราชการจังหวัดดูแล และในเมื่อเป็นคำสั่งห้าม ผู้ว่าฯก็จะต้องทำให้น้อยลง โดยให้ผู้ว่าฯใช้มาตรการขอร้อง ทำความเข้าใจกับกลุ่มผู้ชุมนุม หากไม่ได้ผลก็ให้ใช้ข้อบังคับตามกฎหมายดำเนินการ "คงจะต้องดูที่กฎหมายว่ารถอีแต๋นสามารถนำมาวิ่งบนทางหลวงได้หรือไม่ เพราะรถอีแต๋นไม่ควรอย่างยิ่งที่จะนำมาวิ่งในเมือง เพราะเป็นรถที่มีป้ายทะเบียนและมีไว้ใช้ตามต่างจังหวัด ซึ่งหากเดินทางเข้ามาใน กทม.และจะทำให้เกิดปัญหาการจราจรติดขัดอย่างหนัก อีกทั้งยังสร้างความไม่สง่างามให้กับเมืองหลวง" นายชวรัตน์กล่าว

ตร.มีแผนแก้ลำใช้รถก๊าซ-โล่มนุษย์
พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รรท.ผบ.ตร.) กล่าวถึงมาตรการรับมือการระดมรถของกลุ่มเสื้อแดง 35,000 คันเข้ากรุงว่า ตำรวจได้เตรียมรถยกเพื่อเคลียร์เส้นทาง กรณีมีกีดขวางเส้นทาง ทำให้การจราจรติดขัด ทั้งนี้ เตรียมแผนว่าหากผู้ชุมนุมนำรถบรรทุกก๊าซมาปิดกั้นเส้นทาง เหมือนตอนเดือนเมษายน 2552 ตำรวจอาจต้องใช้รถยกออกไปให้ได้เพราะอันตราย กรณีปิดถนนโดยใช้มวลชนเป็นโล่มนุษย์ นั้นก็มีแผนกรกกฎ 52 ตามหลักสากลในการรับมือตามขั้นตอนอยู่แล้ว

เมื่อถามถึงกรณีที่นายสุเทพกล่าวในลักษณะไม่พอใจที่ตำรวจปล่อยเกียร์ ว่าง และสั่งการทางวาจาไม่ได้ ต้องใช้เป็นลายลักษณ์อักษรเท่านั้น รรท.ผบ.ตร.กล่าวว่า ตำรวจไม่มีเกียร์ว่างและจะทำตามแผนที่ กอ.รมน.กำหนดไว้
 
วอร์รูมประชาธิปัตย์วิเคราะห์เสื้อแดงรุนแรง
น.พ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่า พรรคฯ ได้มีการหารือของคณะกรรมการและปฏิบัติการทางเมือง (วอร์รูม) โดยที่ประชุมมีการติดตามสถานการณ์ และเห็นว่าแนวทางของรัฐบาลต่อการเตรียมการชุมนุมนั้นถือว่าดำเนินมาอย่างถูกต้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง รัฐบาลไม่ปิดกั้นการเคลื่อนไหวใดๆ ที่เป็นไปตามครรลองประชาธิปไตย และเป็นการใช้สิทธิ เสรีภาพของประชาชนในการแสดงออกในเรื่องความคิดเห็นทางการเมือง หากทั้งหมดนั้นจะมีการไปตามบทบัญญัติของกฎหมาย
 
น.พ.บุรณัชย์กล่าวว่า ทางพรรคฯ มีความกังลวว่า ยุทธวิธีที่ได้มีการเปิดเผยในเรื่องการก่อความวุ่นวายและทำลายความเชื่อมั่น มีรูปธรรมที่เป็นสัญญาณว่าอาจเกิดความวุ่นวายได้ 5 สัญญาณด้วยกัน คือ
   
          1.การเผยแพร่โดยใช้เครือข่ายสื่อ ทั้ง ดีสเตชั่น วิทยุชุมชน มีใบปลิว จัดทำคู่มือ สิ่งพิมพ์ เผยแพร่ผ่านเว็ปทั้งในและนอกประเทศ ในลักษณะที่เปลี่ยนแนวทางจากการให้ความรู้โดยการปฏิบัติทางทางจิตวิทยามาเป็นการบิดเบือนความจริงที่ปลุกระดมและเรียกร้องให้มีการลุกชึ้นสู้และอาจจะถูกตีความและอาจนำไปสู่ความวุ่นวายได้
   
         2. แนวร่วมทางด้านความมั่นคงที่มีการส่งสัญญาณว่าจะเกิดสงครามทางการเมือง สงครามประชาชน การก่อวินาศกรรมชัดเจน เช่น นายเคทอง และอาจมีกลุ่มอื่นๆ อีก ซึ่งขณะนี้กำลังดำเนินการตามกฎหมายและออกหมายจับ
  
          3. ความเคลื่อนไหวของกลุ่มแดงสยาม วันนี้ได้ระบุชัดว่าจะดำเนินการสร้างความเปลี่ยนแปลงในลักษณะที่เปิดรับระบอบประชาธิไตยที่แตกต่างจากที่เป็นอยู่ในปัจจุบันนี้ มีการกล่าวเปรียบเทียบประเทศเนปาล ในลักษณะที่ไม่บังควรอย่างยิ่ง และมีการเปิดเผยว่าจะให้นายจักรภพ เพ็ญแข มาเป็นประธานกลุ่มแดงสยาม และจะมีการเคลื่อนไหวเวทีในต่างประเทศ ในการขับเคลื่อน และระบุชัดว่าจะนำไปสู่การขับเคลื่อนใต้ดินได้ซึ่งเป็นสิ่งเดียวกับที่คุณจักรภพเคยกล่าวไว้ก่อนหน้านี้
  
          4. การเคลื่อนไหวของ ร.ร.นปช. ตลอดเวลา 3-4 เดือนที่ผ่านมา ที่มีการฝึกการก่อวินาศกรรม เช่น มีการเตรียมถังแก๊ส ขวดน้ำมัน ผ้าขี้ริ้ว ในลักษณะที่จะก่อเหตุความวุ่นวายนำไปสู่การจลาจล
  
          5. สัญญาณจากประธานที่ปรึกษาพรรคเพื่อไทยเอง
          “ที่เมื่อถูกถามว่า จะมีเหตุการณ์นองเลือดขึ้นหรือไม่ ท่านตอบว่าเรื่องนี้เป็นความลับ ซึ่งถ้าท่านล่วงรู้ วันนี้สังคมรอคอยคำตอบอยู่นะครับ ว่าสิ่งที่ท่านล่วงรู้นั้นคืออะไร ถ้าหากท่านไม่ตอบแต่ท่านรู้ท่านก็คือผู้เกี่ยวข้องกับการก่อความวุ่นวายทั้งก่อนและหลังการชุมนุม ในช่วงเดือนมีนาคมที่จะถึงนี้” นพ.บุรณัชย์กล่าวและว่า
  
ส่วนยุทธวิธีที่ทำลายความเชื่อมั่น ขณะนี้มี 3 แนวทางที่เป็นรูปธรรม 1. การเคลื่อนไหวของพ.ต.ท.ทักษิณเองที่จะร่างหนังสือไปถึงผู้นำประเทศต่างๆ ในลักษณะที่พาดพิงกระบวนการยุติธรรม และทำลายความน่าเชื่อถือของสถาบันศาล อย่างที่เคยเคลื่อนไหวมาก่อนหน้านี้ 2.การเคลื่อนไหวเพื่อถอดถอนตุลาการกับศาลฎีกาแผนกคดีอาญาเพื่อหวังตำแหน่งทางการเมือง เข้าข่ายลักษณะของการกดดันหลังจากที่มีการคุกคาม ส่งสัญญาณมาจากหลายคนว่าอาจจะมีอันตรายเกิดขึ้นต่อองค์คณะตุลาการ 3.การที่จะปลุกระดมโดยอ้างกระบวนการถวายฎีกาโดยอ้างว่าถูกขัดขวาง เพื่อที่จะนำไปสู่การกระทบต่อความเชื่อมั่นต่อสถาบันที่เกี่ยวข้อง นั่นคือ สถาบันองคมนตรีราชสำนักราชเลขา ในขณะเดียวกันในขณะนี้ก็เห็นชัดว่า การปะทุ 3 ยุทธศาสตร์ที่ได้มีการวิเคราะห์ไว้ คือการ ไม่ให้คดีการยึดทรัพย์ถูกบังคับได้ ไม่ให้ความผิดจากคดีอาญาที่ตามมาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม และล้มรัฐบาลโดยใช้การปฏิวัติประชาชนผ่านการชุมนุมนั้น เป็นเป้าหมายที่ไม่สามารถบรรลุได้ด้วยวิถีทางที่เป็นประชาธิปไตย หรือวิถีทางกฎหมาย จึงมีการสุ่มเสี่ยงที่จะเกิดการสร้างเงื่อนไขให้นำไปสู่ความวุ่นวาย และมีแกนนำหลายคนก็ได้อ้างว่ามี 3 ประการที่นำไปสู่การปราบปรามประชาชนโดยรัฐบาล
  
 
 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net