Skip to main content
sharethis

ศอ.รส.มีมติย้าย ครม.ไปประชุมที่กระทรวงสาธารณสุข เลี่ยงปะทะม็อบ ส่ง ตร.- ทหาร 2 กองพันคุ้มกัน ขู่ใครบุกจับทันที สุเทพอนุญาตเจ้าหน้าที่พกอาวุธรป้องกันสถานที่ราชการได้ เตรียมเสนอ ครม.ให้ขยายใช้พ.ร.บ.ความมั่นคงไปอีก 7 วัน

 
22 มี.ค.53 เว็บไซต์มติชนรายงานว่า เมื่อเวลา 09.00 น. ที่ศูนย์อำนวยการรักษาความสงบ (ศอ.รส.) ภายในกรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ (ร.11 รอ.) นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการ ศอ.รส. เป็นประธานในการประชุม ศอ.รส. โดยมีนายสาทิตย์ วงษ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รองผู้บัญชาการทหารบก พล.อ.พิรุณ แผ้วพลสง เสนาธิการทหารบก พล.ท.คณิต สาพิทักษ์ แม่ทัพภาคที่ 1 เข้าร่วมประชุม โดยใช้เวลาในการหารือ 1 ชั่วโมง
           
จากนั้น พ.อ.สรรเสริญ แถลงผลการประชุม ศอ.รส.ว่า สำหรับการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)ในวันที่ 23 มีนาคมนี้ ศอ.รส.เห็นว่าจะให้ไปประชุมที่กระทรวงสาธารณสุขเพื่อหลบเลี่ยงการชุมนุม และหลบเลี่ยงการปะทะกัน ซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารไปดูแลรักษาความปลอดภัยมีจำนวนมาก และโยกกำลังจากจุดอื่นๆ มาช่วยในการรักษาความปลอดภัย โดยจะมีการวางแผนกันว่า จะทำอย่างไรให้การประชุมเป็นไปด้วยดี และลดโอกาสในการเผชิญหน้าระหว่างเจ้าหน้าที่ของรัฐกับผู้ชุมนุมให้มากที่สุด โดยต้องมีวงรอบเพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ชุมนุมเข้าใกล้บริเวณที่ประชุม ซึ่งคงต้องมีการพูดคุยกัน ทั้งนี้ ศาลได้พิจารณาแล้วว่าการชุมนุมไปปิดล้อมสถานที่ไม่ให้เจ้าหน้าที่เข้าไปปฏิบัติงานได้ ไม่ใช่วิธีการชุมนุมโดยสงบ หากมีการฝ่าฝืนหรือฝ่าวงล้อมเข้าไปในพื้นที่คงต้องจับกุมดำเนินคดีอย่างเฉียบขาด ทั้งนี้ มั่นใจว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจะดูแลการประชุมได้ 

ส่วนกรณีที่กลุ่มผู้ชุมนุมพยายามเคลื่อนไปกดดันในทุกสถานที่ที่นายกรัฐมนตรีเดินทางไปนั้น พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า สามารถทำได้ตามอัธยาศัยที่คิดว่า อยากทำ แต่เจ้าหน้าที่มีหน้าที่ในการดูแลสถานที่ราชการ และการปฏิบัติของรัฐเพื่ออำนวยประโยชน์ให้กับประชาชน ซึ่งทุกคนต้องเคารพสิทธิ์ซึ่งกันและกันว่า ทำได้แค่ไหน สังคมจะเป็นคนตัดสิน 

"ณัฐวุฒิ"ลั่นกลอง!! นำทัพ"เสื้อแดง"บุกปิดล้อม ครม.
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ โฆษกกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวบนเวทีใหญ่การชุมนุมคนเสื้อแดงว่า ในวันที่ 23 มีนาคมจะเคลื่อนพลไปพบนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) และจะถือโอกาสยื่นข้อเรียกร้องเพราะการประชุม ครม. จะมีหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลมาร่วมประชุมด้วย โดยจะนำขบวนไปด้วยตัวเอง

"ไม่ว่าจะประชุม ครม.ที่ไหน ถ้าหากรู้เราจะตามไปดู ผมจะไปเองเพราะเป็นงานใหญ่ จะเคลื่อนทัพใหญ่ไปแสดงตัว ยื่นข้อเรียกร้องพร้อมทั้งหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลในคราวเดียวกัน "

สำหรับสถานการณ์ในขณะนี้เป็นไปตามคาดที่นายกฯ ไม่สามารถปฏิบัติภารกิจได้ แต่พยายามจะทำให้เหมือนทำงานได้ตามปกติ เช่น การเชิญผู้สื่อข่าวเข้าไปสัมภาษณ์วันละ 3-4 ช่อง หรือการขึ้นเครื่องไปตรวจพื้นที่ภัยแล้ง ก็จะไม่สกัดขัดขวาง แต่ในส่วนของ นปช.ภาคอีสานจะรวมตัวเพื่อติดตามนายกฯ และยื่นข้อเรียกร้อง
 
‘สุเทพ’ เตรียมเสนอครม.ขยายการใช้พ.ร.บ.ความมั่นคงอีก 7 วัน .
เว็บไซต์คมชัดลึกรายงานว่า ที่กรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงและประธาน ศอ.รส. แถลงว่า ขอเรียนสามประเด็นคือ 1. ได้ตัดสินใจเลือกกระทรวงสาธารณสุขเป็นสถานที่ประชุม ครม.ในวันที่ 23 มี.ค.เพราะพิจารณาแล้วเห็นว่าอยู่ไกลจากศูนย์กลางการชุมนุมของคนเสื้อแดงและจะได้ไม่ต้องมีสภาพของการเคลื่อนไหวที่จะเป็นการเผชิญหน้ากัน ตนพยายามหลีกเลี่ยงไม่ให้มีการกระทบกระทั่งกันและระมัดระวังไม่ให้ผู้ชุมนุมกับเจ้าหน้าที่เผชิญหน้ากัน ขอร้องผู้ชุมนุมว่า ขอให้ชุมนุมไปโดยสงบและจะได้รับการคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญ ส่วนเรื่องการทำหน้าที่ของรัฐบาลก็ปล่อยให้รัฐบาลดำเนินการไป หากมาขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของรัฐบาลนั้น จะเข้าลักษณะการชุมนุมที่ไม่สงบและไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ ตนหวังว่าการประชุม ครม.จะเป็นไปด้วยความเรียบร้อย
 
2. ในการประชุม ครม.นั้นตนจะเสนอเป็นวาระแรกเพื่อขอความเห็นชอบขยายระยะเวลาการประกาศใช้ พ.ร.บ.รักษาความมั่นคงภายราชอาณาจักรและการประกาศพื้นที่มั่นคงในกทม.และบางจังหวัดโดยขยายระยะเวลาออกไปอีก 7 วัน คือตั้งแต่วันที่ 23-30 มี.ค.เพราะเห็นว่าผู้ชุมนุมจะนัดชุมนุมใหญ่ในวันที่ 24-25 มี.ค. โดยการระดมคนเข้ามามากๆอาจเกิดเหตุที่เป็นปัญหาได้ ตนจึงต้องหาทางป้องกันและระวังไว้ มาตรการที่กำหนดไว้สามารถลดความวิตกกังวลของประชาชนไปได้ระดับหนึ่ง
 
3. ในการประชุม ศอ.รส.นั้น ได้กำชับเจ้าหน้าที่ ที่รักษาการณ์ได้ตื่นตัวเตรียมรับสถานการณ์ทุกอย่างที่อาจเกิดขึ้น เพราะตนเห็นว่า ขณะนี้มีคนที่พยายามสร้างสถานการณ์ให้รุนแรงโดยการทำลายทรัพย์สินและสถานที่ราชการ หรืออาจถึงขั้นบุกรุกเข้าไปทำให้เสียหาย และตนยังขอให้ทหาร - ตำรวจจัดชุดลาดตระเวณรอบนอกที่ตั้งหน่วยด้วย เพราะเห็นว่ามีความพยายามใช้จรวดอาร์พีจียิงเข้าไปที่กระทรวงกลาโหมตามที่เป็นข่าว และ ศอ.รส.ยังอนุญาตให้เจ้าหน้าที่ชุดลาดตระเวนและสายตรวจที่ตระเวณเส้นทางต่างๆแต่งเครื่องเเบบให้เรียบร้อย รวมทั้งให้มีอาวุธปืนพกติดตัว เพราะเกรงว่ากลุ่มคนร้ายอาจใช้อาวุธทำร้ายเจ้าหน้าที่และประชาชนได้ เหตุผลที่ต้องทำแบบนี้ เพราะรถกระบะที่คนร้ายทิ้งไว้นั้นคนร้ายมีปืนกลมือ และกระสุนจำนวนมาก
 
นายสุเทพ แถลงว่า กรณีนี้เกรงว่าหากคนร้ายเผชิญหน้ากับด่านตรวจของเจ้าหน้าที่หรือชุดลาดตระเวณก็อาจใช้อาวุธปืนทำร้ายได้และขอให้เจ้าหน้าที่ระวังตัวด้วย แต่ตนกำชับชัดเจนว่าเจ้าหน้าที่ที่พกอาวุธต้องแต่งเครื่องแบบตำรวจหรือทหารชัดเจน ส่วนเจ้าหน้าที่ที่ดูแลผู้ชุมนุมและดูแลความสงบเรียบร้อยในจุดอื่นๆของบ้านเมืองยังเหมือนเดิม คือ ไม่พกพาอาวุธ มีเพียงแต่โล่และกระบองเท่านั้น การเรียนแบบนี้เตือนเพื่อให้ประชาชนทราบว่ารัฐบาลพยายามดูแลสถานการณ์ให้ดีที่สุด ปกป้องชีวิตผู้บริสุทธิ์ทั้งประชาชนและเจ้าหน้าที่รัฐ รวมทั้งรักษาสถานที่ราชการให้ปลอดภัย ยืนยันว่าเจ้าหน้าที่รัฐทุกฝ่ายไม่มีเจตนาที่จะไปรบพุ่งกับใคร มีเจตนาเดียว คือ รักษาความสงบเรียบร้อยของบ้านเมืองและปกป้องประเทศชาติรวมทั้งประชาชนเท่านั้น
 
เมื่อถามว่า การต่ออายุ พ.ร.บ.นั้นลดพื้นที่ใดในการบังคับใช้ นายสุเทพ กล่าวว่า ตนจะขอปรับพื้นที่ลดลงเหลือเพียง กทม. จ.นนทบุรี เพราะมีที่ตั้งกระทรวงสำคัญๆ และจ.สมุทรปราการซึ่งเป็นที่ตั้งสนามบินสุวรรณภูมิ เมื่อถามว่าการประชุมครม.ที่กระทรวงสาธารณสุขนั้น หากคนเสื้อแดงเดินทางไปชุมนุมจะทำอย่างไร นายสุเทพกล่าวว่า ตนมีหน้าที่รับผิดชอบให้การประชุมครม.เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ขอเรียนว่าหากคนเสื้อแดงบุกไปปิดล้อมจะเข้าข่ายการชุมนุมที่ไม่เป็นไปตามรัฐธรรามนูญ
 
เมื่อถามว่าทำไมไม่ประชุมที่ ร. 11 รอ. เพราะดูแลง่ายกว่า นายสุเทพ กล่าวว่า เรียนไปแล้วว่าพยายามหลีกเลี่ยงไม่ให้ผู้ชุมนุมรู้สึกว่าอาจเป็นการท้าทายและเผชิญหน้า ตนพยายามประชุมให้ไกลจากการชุมนุมมากที่สุด ส่วนที่ไม่ใช้กองบัญชาการกองทัพไทยเป็นสถานที่ประชุมนั้นเพราะว่ากระทรวงสาธารณสุขดูจะมีความพร้อมมากกว่า
 
เมื่อถามว่าหากมีการล้อมกระทรวงสาธารณสุขแบบที่ปิดล้อมรัฐสภานั้นจะทำอย่างไร นายสุเทพ กล่าวว่า หากผู้ชุมนุมคิดจะต่อสู้ด้วยวิธีอหิงสา ก็ควรทำโดยการเคารพกฎหมายการระดมคนนับแสนนับล้านนั้น รัฐบาลไม่ปิดกั้นและควรทำด้วยวิธีนั้น หากทำผิกกฎหมายรัฐบาลจำเป็นที่ต้องดำเนินการตามกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลประเทศใดในระบอบประชาธิปไตยก็มีหน้าที่รักษาดูแลกฎหมายด้วยกันทั้งนั้น
 
เมื่อถามว่าหากคนเสื้อแดงไปล้อมกระทรวงสาธารณสุขจริง จะดำเนินการตามกฎหมาย คือ จับแกนนำหรือผู้ชุมนุมหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ตนจะไม่พยายามพูดจาอะไรไปก่อน เดี๋ยวจะกลายเป็นว่าตนท้าทาย ข่มขู่หรืออะไรต่างๆ ขอให้ทราบว่าตนและเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายที่ดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยของบ้านเมืองจะพยายามอดทนอดกลั้น และพยายามให้ทุกอย่างเป็นไปด้วยความนิ่มนวลที่สุด ขณะเดียวกันต้องดูเเลรักษากฎหมายบ้านเมืองไม่ให้มีการฝ่าฝืน
 
เมื่อถามว่า เจ้าหน้าที่จะพกอาวุธในพื้นที่กระทรวงสาธารณสุขได้หรือไม่ในการป้องกันเหตุร้าย นายสุเทพ กล่าวว่า ในการป้องกันสถานที่ราชการ หรือที่ตั้งต่างๆ ตนอนุญาตให้เจ้าหน้าที่มีอาวุธได้ และมีกฎกำหนดว่าใครบ้างที่จะถือาวุธและการใช้อาวุธนั้นเพื่อปกป้องประชาชน สถานที่ราชการและเจ้าหน้าที่ที่ถืออาวุธ หากผู้ชุมนุมไม่บุกรุกคุกคามไปทำร้ายเจ้าหน้าที่หรือทำลายสถานที่ราชการก็ไม่ต้องกังวล จะชุมนุมข้างนอกก็ไม่เป็นไร
 
เมื่อถามว่า มั่นใจหรือไม่ว่าการประชุม ครม.จะเรียบร้อยและไม่ล่มกลางครัน นายสุเทพ กล่าวว่า ตนจะดูแลให้การประชุมเป็นไปโดยตลอดรอดฝั่งด้วยความตั้งใจ
 
เมื่อถามว่าจำเป็นต้องสลายการชุมนุมหรือไม่หากเกิดเหตุรุนแรงขึ้น นายสุเทพ กล่าวว่า ขอไม่ตอบดีกว่า เดี๋ยวจะกลายเป็นยั่วยุท้าทายกันไป เอาเป็นว่าจะเห็นว่าตนพยายามทุกอย่างที่จะหลีกเลี่ยงป้องกันไม่ให้เกิดปัญหา และใช้กำลังมากพอที่จะรักษาสถานการณ์ได้และดูแลให้เพียงพอดีกว่า
 
เมื่อถามว่า จะกำหนดวงรอบพื้นที่การประชุม ครม.ให้ห่างจากผู้ชุมนุมเท่าใด นายสุเทพ กล่าวว่า จะใช้กำลังเจ้าหน้าที่อาสาสมัครพลเรือน ตำรวจ ทหารในการดูแลรักษาพื้นที่ ขอให้ประชาชนมีโอกาสสัญจรโดยรอบและไม่ติดขัด ฉะนั้นผู้ชุมนุมไม่ควรเคลื่อนไหวบนถนนรอบกระทรวง
 
เมื่อถามว่ากระทรวงสาธารณสุขจะแตกต่างกับกระทรวงมหาดไทยอย่างไรในช่วงเหตุการณ์เดือนเม.ย. 2552 นายสุเทพ กล่าวว่า ปีที่แล้วที่กระทรวงมหาดไทยนั้นเป็นเรื่องเฉพาะหน้ากระทันหันและไม่ได้เตรียมการและไม่ได้คิดว่าผู้ชุมนุมจะมีพฤติกรรมอย่างที่เห็น แต่ตอนนี้ผู้ชุมนุมน่าจะเข้าใจดีว่าการชุมนุมกันมานั้นมันดีอยู่แล้ว และประชาชนก็มาร่วมชุมนุมได้โดยไม่มีอะไรเป็นอุปสรรค รัฐบาลไม่ได้สกัดกั้นและตรงข้ามกลับดูแลผู้ชุมนุมเป็นอย่างดีมีเจ้าหน้าที่ดูแลตรวจตราอาวุธโดยรอบ ไม่ให้คนไปทำร้ายผู้ชุมุนมเพราะเราได้ข่าวมาตลอด และวันใดได้ข่าวว่าจะมีคนไปวางระเบิดเวทีก็ยังเอาผู้เชี่ยวชาญด้านระเบิดไปตรวจสอบ ได้ข่าวว่าจะเป็นหวัดก็ส่งหมอไปดูแล ตรงนี้เรียกว่าทำอย่างดีแล้ว ฉะนั้นเมื่อรัฐบาลจะทำงาน ผู้ชุมนุมอย่ามาก่อกวนข่มขู่คุกคามแล้วกัน จะชุมนุมก็ชุมนุมไป วันที่ 24-25 มี.ค.จะมาอีกเท่าใดก็ได้ไม่เป็นไร
 
เมื่อถามว่ามาตรการนี้สอดรับกับสิ่งที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ระบุว่าจะมีการจะจับกุมแกนนำ ในช่วงนี้ นายสุเทพ ถอนหายใจและกล่าวว่า จะจับเฉพาะคนที่ทำผิดกฎหมาย การที่จะจับได้ต้องทำตามกฎหมายและขอหมายศาล กรณีนายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง แกนนำคนเสื้อแดงนั้นได้ขอหมายศาลแล้วและศาลอนุญาต เพราะนายอริสมันต์พูดจาปลุกปั่นยุยงให้คนทำผิดกฎหมายและมีผลต่อความมั่นคงของบ้านเมือง อย่างนี้ต้องทำ หากแกนนำคนอื่นปลุกปั่นยุงยงให้คนเป็นกบฏต่อแผ่นดินและลุกขึ้นทำร้ายประชาชนและเจ้าหน้าที่ด้วยกัน รวมทั้งทำลายทรัพย์สินของทางราชการและมีพยานหลักฐานชัดเจนนั้น เราต้องดำเนินคดีตามกฎหมาย รัฐบาลไหนๆก็ต้องทำแบบนี้
 
เมื่อถามว่า การเจรจากับผู้ชุมนุมที่ต้องการให้เกิดข้อยุตินั้นคงเกิดขึ้นไม่ได้แล้วเพราะการเจรจาในวันนี้ถือว่าล้มเหลว นายสุเทพ กล่าวว่า มันยังเป็นไปได้อยู่ เมื่อฝ่ายผู้ชุมนุมส่งสัญญาณประสงค์ที่จะเจรจาและมีคนกลางเข้ามาติดต่อ รัฐบาลให้ความร่วมมือมาโดยตลอดตั้งแต่คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ,ส.ว.แต่ว่าผู้ชุมนุมไม่ประสงค์ที่จะเจรจาด้วยก็ไม่เป็นไร เพราะตอนแรกแกนนำบอกว่จะเจรจา เราก็ไปเจรจาหากแกนนำเปลี่ยนใจก็ไม่เป็นไร เพราะวันข้างหน้าหากนึกคิดได้ว่าจะเจรากันใหม่ก็ไม่เสียหายอะไรเพียงแต่ว่าหากไม่เจรจากันก็ไม่ต้องโกรธกันและชุมนุมกันไปอย่างที่ทำมาก็ดีแล้ว
เมื่อถามว่าห่วงอารมณ์ของผู้ชุมนุมจำนวนมากหรือไม่เพราะแกนนำอาจดูแลไม่ได้ นายสุเทพ กล่าวว่า แกนนำมีหน้าที่รับผิดชอบและดูแลควบคุมผู้ชุมนุมให้อยู่ในความสงบตามกฎหมายเหมือนที่ตนกำกับดูแลเจ้าหน้าที่รัฐและฝ่ายให้อยู่ในแนวทางที่รัฐกำหนดไว้
 
เมื่อถามว่ารัฐบาลไม่ต้องการภาพลักษณ์ที่รุนแรงแต่การชุมนุมกลับทำให้ภาพลักษณ์บ้านเมืองเสียหาย นายสุเทพ กล่าวว่า ประเทศใดๆก็มีการชุมนุมกันได้ตราบใดที่ไม่มีการทำผิดกฎหมาย ชุมนุมไปเถอะและรัฐบาลได้สดับรับฟัง อะไรที่รัฐบาลดูแลอำนวยความสะดวกได้ก็ทำให้
 
เมื่อถามว่าการยิงไปยังกระทรวงกลาโหมนั้น แกนนำคนเสื้อแดงระบุว่าเป็นฝีมือของรัฐ แต่ ศอ.รส.ระบุว่าเป็นเพราะแกนนำแตกแยกเรื่องนี้ทำให้สังคมสับสน และจะทำให้สังคมรู้ข้อเท็จจริงอย่างไร นายสุเทพ กล่าวว่า ประชาชนเป็นเจ้าของประเทศที่แท้จริง ทุกคนติดตามสถานการณ์และมีดุลพินิจวิจารณญาณ ลองไตร่ตรองดูก็เข้าใจได้ว่าพวกตนเป็นรัฐบาล มีหน้าที่ดูแลความสงบของบ้านเมืองให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อยราบรื่น ฉะนั้นไม่มีเหตุผลใดเลยที่รัฐบาลจะไปสร้างสถานการณ์และใครมาเป็นรัฐบาลก็ลองไตร่ตรองดูแล้วจะเข้าใจ เรื่องนี้จะมีความจริงที่จะปรากฏชัดขึ้น ตนจะไม่พูดหรอกว่าวันนี้กลุ่มใดและใครเป็นคนทำ แต่ตนจะทุ่มเทสรรพกำลังตามเอาคนผิดมาลงโทษให้ได้ทันทีที่จับกุมคนทำผิดได้ ก็จะได้เห็นว่าหน้าตาคล้ายตนหรือคล้ายใครและกำลังทำอยู่อย่างขมักเขม้นตลอดเวลา เช่นคนขว้างระเบิดธนาคารกรุงเทพก็จับกุมดำเนินคดีได้
 
เมื่อถามว่า นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย และหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ระบุว่ารัฐบาล และ นปช.ควรถอยคนละก้าวและลดทิษฐิลง จะรับฟังความเห็นนี้หรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า เราฟังทุกคน รัฐบาลนี้ฟังเสียงประชาชน และพรรคร่วมรัฐบาลอยู่แล้วการให้สัมภาษณ์ตอบคำถามสื่อมวลชนนั้นเป็นเรื่องหนึ่ง แต่ในที่ประชุม ครม.นั้นก็ว่ากันอีกเรื่องหนึ่ง อย่างไรก็ตามความสัมพันธ์ของพรรคร่วมรัฐบาลยังดีอยู่ทุกพรรคแต่ช่วงนี้ไม่ได้เดินสายไปทานข้าวร่วมกันเพราะตนทานอยู่ที่ ศอ.รส.เป็นส่วนใหญ่
 
เมื่อถามว่ามั่นใจว่ากุมสภาพได้โดยไม่ต้องประกาศใช้ พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน นายสุเทพ กล่าวว่า ยังไม่จำเป็นต้องประกาศ ตนมั่นใจว่าเจ้าหน้าที่รัฐซักซ้อมและเข้าใจสภาพการณ์เป็นอย่างดีและจะปฏิบัติตามแนวทางที่มอบไว้ หากผู้ชุมนุมไม่ทำผิดกฎหมาย ไม่ก้าวร้าวคุกคามเจ้าหน้าที่ ทุกอย่างจะเรียบร้อย ส่วนมาตรการดำเนินการจากเบาไปหาหนักนั้นจะดำเนินการโดยหลักสากลและประกาศให้ผู้ชุมนุมทราบ รวมทั้งแจ้งกับประชาชนผ่านสื่อมวลชนด้วย
 
เมื่อถามว่า การประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯนั้นยังเกิดเหตุร้ายอยู่เสมอใน กทม.งานความมั่นคงถือว่าอ่อนแอหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ไม่หรอก คิดว่าเท่าที่ได้วางกำลังและระบบ จัดจุดตรวจรวมทั้งสายตรวจลาดตระเวณนั้นช่วยป้องกันได้มาก เช่นวันที่จะก่อวินาศกรรม ทุกคนได้ทราบแล้วและได้วางกำลังจำนวนน้อยกว่าที่ทางนั้นตั้งใจไว้เยอะและพยายามที่จะแก้ไขทุกวันทุกคืน พวกตนทำงาน 24 ชั่วโมง และดูแลตลอดเพื่อลดโอกาสที่คนเหล่านี้จะเข้ามาก่อวินาศกรรมสร้างปัญหาหากจุดใดเป็นจุดอ่อนก็แก้ไขเพิ่มเติม
 
เมื่อถามว่ามั่นใจหรือไม่ว่า รัฐบาลจะผ่านเหตุการณ์นี้ไปได้โดยอำนาจไม่เปลี่ยนมือ นายสุเทพ กล่าวว่า ตนมั่นใจอย่างนั้นเพราะคิดว่าเรื่องทั้งหมดอยู่ที่ความชอบธรรม ประชาชนทั้งประเทศจะเห็นว่ารัฐบาลดำเนินการทุกอย่างตามครรลองระบอบประชาธิปไตย รักษากฎหมายและมีความชอบธรรมในการปฏิบัติทุกขั้นตอน
 
เมื่อถามว่า การเพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจในช่วงนี้เป็นการเสริมหรือสับเปลี่ยนกำลัง นายสุเทพ กล่าวว่า มีทั้งสองอย่าง คือกำลังพลที่เหนื่อยต้องเปลี่ยนให้สดชื่นบ้าง บางครั้งต้องใช้กำลังเจ้าหน้าที่เพิ่มขึ้นก็ต้องขอเพิ่ม ตนไม่ได้เตรียมการอย่างที่ พ.ต.ท.ทักษิณ หรือนายวีระ มุสิกพงศ์ แกนนำ นปช.กังวลใจทั้งสิ้น ตนไม่ได้มีเล่ห์เหลี่ยมขนาดนั้นและแก้สถานการณ์ตามความจำเป็น
 
เมื่อถามว่าประเมินปัญหาที่แท้จริงหรือไม่ว่าเป็นปัญหาความเหลื่อมล้ำในสังคมหรือปัญหาของ พ.ต.ท.ทักษิณ นายสุเทพ กล่าวว่า ตนคิดว่าคนไทยทุกคนตอบได้ เราอยู่กันมาหลายชั่วชีวิตคนและไม่เคยรังเกียจเดียดฉันท์คนชั้นนั้นชั้นนี้ประเทศไทยไม่ได้แบ่งชนชั้นวรรณะ คนมีเงินกับคนไม่มีเงินไม่ใช่คนละพวกคนละชั้นและไม่ใช่คนที่เป็นศัตรูกัน ทั้งหมดที่เกิดขึ้น เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณและบริวารต้องการที่จะหาเหตุผลมาใช้ในการปลุกระดมในลักษณะที่จะให้คนที่มีฐานะแตกต่างกันในสังคมลุกขึ้นมาเป็นศัตรูกันตนเคยเห็นมาก่อนแล้วในช่วงเป็นเด็กในตอนที่คอมมิวนิสต์นำมายุยงปลุกปั่นแต่ตอนนั้นพรรคคอมมิวนิสต์ฯต้องแอบทำเพราะมีกฎหมายคอมมิวนิสต์ห้ามเอาไว้ วันนี้ พ.ต.ท.ทักษิณและบริวารกระทำอย่างโจ่งแจ้งเพราะไม่มีกฎหมายจำกัดสิทธิเหล่านั้น แต่เชื่อว่าคนไทยทั้งประเทศยอมรับไม่ได้ที่จะให้ใครมาปลุกปั่นและทำให้คนไทยแบ่งแยกกันเอง ครอบครัวเดียวกันยังมีคนรวยและคนจนเป็นพี่น้องกัน เกิดจากพ่อแม่เดียวกันแต่ฐานะต่างกันแล้วจะแยกกันได้อย่างไรว่าใครเป็นไพร่ใครเป็นอำมาตย์ หากนำความรวยความจนมาแยกอย่างที่พ.ต.ท.ทักษิณพยายามนั้น ตนไม่เข้าใจว่าพ.ต.ท.ทักษิณเป็นไพร่หรืออำมาตย์ มันตอบไม่ถูก ประชาชนคนอื่นก็ยังงงเหมือนกัน นายวีระก็เช่นกันว่าเป็นไพร่หรือเป็นอำมาตย์ เมื่อก่อนก็จนอยู่ แต่ตอนนี้ฐานะดีขึ้น ตนรู้จักนายวีระดี 30 ปีมาแล้ว วันนี้นายวีระจะมาปลุกระดมให้คนรังเกียจเดียดฉันท์กันเองทำไม คิดว่าคนไทยทั้งประเทศคงไม่เห็นด้วยหรอก
เมื่อถามว่าประเมินว่าการชุมนุมจะยืดเยื้อเท่าใด นายสุเทพ กล่าวว่า คาดไม่ได้แต่รัฐบาลยินดีที่จะให้ชุมนุมเท่าใดก็ได้ตราบใดที่ไม่ทำให้ประชาชนเดือดร้อนและไม่ฝ่าฝืนกฎหมาย
 
ส่งทหาร2พันคุมสธ.ทีประชุมครม.พรุ่งนี้
ด้านนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รมว.สาธารณสุข กล่าวว่า ได้สั่งให้เตรียมความพร้อมในการจัดการประชุมครม.พรุ่งนี้ (23 มี.ค.) แล้ว ซึ่งก็มีความพร้อม ภายหลังจากที่ตนได้รับแจ้งผ่านทางหน่วยงานความมั่นคงเพื่อประสานขอใช้สถานที่กระทรวงสาธารณสุขในการจัด การประชุม ครม. นอกจากนี้ยังได้เตรียมแผนรับมือทางการแพทย์กรณีเกิดเหตุฉุกเฉิน โดยศูนย์ปฏิบัติการด้านการแพทย์และการสาธารณสุขแห่งชาติ ได้จัดทำแผนวงแหวน 2 ชั้นเพื่อดูแลซึ่งมีการเตรียมรถพยาบาล บุคลาการทางการแพทย์ ไว้ใน 4 ทิศทาง ทั้งภายในและรอบนอกกระทรวง ส่วนการสื่อสารนั้น ได้มีการเตรียงระบบสื่อสารสำรองในกรณีที่หากระบบสื่อสารเกิดปัญหาขึ้น
 
นายจุรินทร์ กล่าวว่า ส่วนการเตรียมความพร้อมกรณีที่มีกระแสข่าวว่า กลุ่มม็อบเสื้อแดงอาจเคลื่อนมาชุมนุมยังกระทรวงสาธารณสุข ในการประชุม ครม.พรุ่งนี้ เป็นเรื่องที่ทางฝ่ายความมั่นคงจะเป็นหน่วยงานที่ดูแล ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขทำหน้าที่เพียงแค่อำนวยความสะดวกการใช้สถานที่เท่านั้น สำหรับเหตุผลที่ทางฝ่ายความมั่นคงใช้สถานที่กระทรวงสาธารณสุขนั้น คงเป็นเรื่องความเหมาะสมที่จะจัดการะประชุมได้เมื่อเปรีบเทียบกับสถานที่อื่นๆ ในสถานการณ์ปัจจุบัน
“การดูแลความปลอดภัยเป็นหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง ซึ่งได้เข้าเตรียมความพร้อมแล้ว โดยกระทรวงสาธารณสุขเพียงแต่ดูแลด้านการแพทย์เท่านั้น” รมว.สาธารณสุข กล่าว และว่า สำหรับโรงพยาบาลที่อยู่ใกล้เคียงกระทรวงสาธารณสุข เช่น โรงพยาบาลบำราศนราดูรยังคงให้บริการตามปกติ เช่นเดียวกับข้าราชการกระทรวงสาธารณสุขก็ยังคงทำงานปกติเช่นกัน
 
นายจุรินทร์ กล่าวว่า ส่วนโอกาสที่อาจมีการย้ายสถานที่การประชุม ครม. จากกระทรวงสาธารณสุขไปยังสถานที่อื่นนั้น เรื่องนี้ตนไม่ทราบ ขึ้นอยู่กับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงจะเป็นผู้พิจารณา เพียงเราต้องเตรียงความพร้อมไว้เมื่อมีการประสานมา
 
ผู้สื่อข่าวถามว่า ในการประชุม ครม. ที่จะมีขึ้นพรุ่งนี้ กระทรวงจะนำเสนอวาระเรื่องใดเข้าพิจารณาหรือไม่ นายจุรินทร์ กล่าวว่า คงจะนำวาระการพิจารณางบประมาณการรักษาพยาบาลสำหรับผู้ไร้สถานะจำนวน 400,000 คน ที่เป็นปัญหาทำให้โรงพยาบาลถิ่นทุรกันดารโดยเฉพาะ จ.ชายแดนขาดทุนเข้าพิจารณา
 
สำหรับบรรยากาศกระทรวงสาธารณสุขตั้งแต่เมื่อวานนี้ (22 มี.ค.) ได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารเข้าดูแลสถานที่โดยรอบกระทรวงสาธารณสุขเพื่อคุมเข้มในเรื่องความปลอดภัย โดยมีทหาร ปตอ. กรมทหารราบ 11 จำนวน 10 กองร้อย หรือ 1,500 นาย ตำรวจมาจากกองบังคับการตำรวจภูธร จ.นนทบุรี 2 กองร้อย จำนวน 300 นาย ซึ่งได้แบ่งกำลังไปยังทุกอาคารภายในกระทรวง และได้มีจัดเตรียมรั้ว ลวดหนามเพื่อวางรอบกระทรวงแล้ว
 
นอกจากนี้เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รมว.สาธารณสุข พร้อมด้วย นพ.ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ยังได้ตรวจเยี่ยมความพร้อมของห้องประชุมชัยนาทนเรนทร ที่บริเวณชั้น 2 อาคารสำนักปลัดกระทรวงสาธารณสุขเพื่อใช้เป็นที่ประชุม ครม. โดยมีได้การจัดเตรียมคอมพิวเตอร์และจอโปรเจ็กส์เตอร์เพื่อใช้ในการประชุมไว้แล้ว นอกจากนี้ยังมีนายทหารและเจ้าหน้าที่ตำรวจระดับสูง อาทิ พล.ต.อำพล ชูประทุม ผบ.พล.ปตอ. พล.ต.ท.กฤษฎา พันธุ์คงชื่น ผบช.ภ.1ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 และ พ.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ร.11รอ. นายวิเชียร พุฒิวิญญู ผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี และฝายรักษาความปลอดภัยของกระทรวงสาธารณสุขเข้าประชุมเพื่อวางแผนในการักษาความปลอดภัยแล้ว
 
กระทรวงสาธารณสุขถือเป็นพื้นที่ซึ่งเหมาะสมในการประชุม ครม. ซึ่งนอกจากเป็นกระทรวงที่มีพื้นที่กว้างขวางแล้ว ยังมีทางเข้าออกหลายทาง โดยมีทั้งสิ้น 5 ประตู คือ 1.ประตูด้านโรงพยาบาลศรีธัญญา 2.ประตูด้านข้าง ถนนศิริชัย ซึ่งมี 2 ประตู 3.ประตูด้านโรงพยาบาลบำราศนราดูร และ 4. ประตูด้านถนนอัคนี อย่างไรก็ตามเมื่อวันที่ 21 มี.ค. ที่ผ่านมา นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯพร้อมด้วย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รอง ผบ.ทบ.ได้เดินทางมาที่กระทรวงสาธารณสุข เพื่อดูความพร้อมในการจัดประชุม อย่างไรก็ตามเหตุที่เลือกอาคารสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข เนื่องจากอยู่ไกลจากทางด่วน และรัศมีที่เครื่องเอ็ม 79 ยิ่งไม่ถึง นอกจากนี้ยังมีการเตรียมลานจอดเฮลิคอปเตอร์บริเวณสนามกีฬาสำหรับลงจอดเพื่อใช้ในกรณีฉุกเฉิน
 
นอกจากนี้ล่าสุดได้มีเสียงตามสายของกระทรวงสาธารณสุขประกาศให้ทราบว่า ในวันนี้ (22 มี.ค.) ตั้งแต่เวลา 16.00 น. เป็นต้นไปพื้นที่กระทรวงสาธารณสุข จะเป็นพื้นที่ตาม พ.ร.บ.ความมั่นคง ซึ่งในวันพรุ่งนี้ในการเข้าออกของกระทรวงสาธารณสุขจะเปิดเข้าออกเพียงแค่ประตูเดียวเท่านั้นคือประตูทางเข้าด้านโรงพยาบาลศรีธัญญา โดยขอให้ข้าราชการเข้ามายังกระทรวงก่อนเวลา 07.00 น. และหลังเวลา 08.00 น. จะปิดทางเข้าออกทุกประตู นอกจากนี้ขอให้เจ้าหน้าที่กรุณาติดบัตรประจำตัวทุกครั้ง ตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไป
 
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ประมาณเดือน เม.ย. ปี 2552 รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ ก็เคยมีแนวคิดที่จะใช้กรมสุขภาพจิตเป็นสถานที่จัดการประชุม ครม. แต่ท้ายที่สุดก็ยกเลิกไป
 
ล่าสุด เมื่อเวลา 13.15 น. นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีซึ่งดูแลฝ่ายความมั่นคง เดินทางมายังกระทรวงสาธารณสุขเพื่อตรวจดูความเรียบร้อยอีกครั้ง ในบ่ายวันนี้
 
 
 
ที่มา: เว็บไซต์มติชน เว็บไซต์คมชัดลึก

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net