22 มี.ค.53 พล.ต.ท.สัณฐาน ชยนนท์ ผบช.น. เรียกประชุมชุดพนักงานสืบสวนสอบสวนประกอบด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.บก.น.6 และสน.สำราญราษฎร์ เข้าร่วมประชุมที่ห้องปารุสกวัน2 เพื่อคลี่คลายคดีคนร้ายใช้เครื่องยิงระเบิดอาร์พีจี เข้าไปในกระทรวงกลาโหมหลังประชุมนาน 2 ชม. จึงเสร็จสิ้น
พล.ต.ท.สัณฐานกล่าวว่า มีการประชุมพนักงานสอบสวนเพื่อดูรายละเอียดของสำนวนการสอบสวนเบื้องต้น รวมทั้งการผลการตรวจสอบพยาน และหลักฐานที่พบจากรถกระบะที่คนร้ายทิ้งเอาไว้ส่วนจะได้รายละเอียดอะไรบ้างนั้นอยู่ระหว่างรอผลการตรวจสอบก่อน ส่วนจะมีการนำตัวผู้ต้องสงสัยมาสอบสวนหรือไม่ พล.ต.ท.สัณฐาน กล่าวว่ายัง และทาง บช.น.ยืนยันว่ายังไม่ได้จับกุมผู้ต้องสงสัยมาสอบสวน
ส่วนการที่ โฆษกประจำสำนักนายกฯ บอกว่าสามารถจับกุมผู้ต้องสงสัยในคดีดังกล่าวได้ นั้น ตนไม่ทราบเพราะกำลังดำเนินการอยู่ ส่วนเรื่องการตรวจสอบกล้องวงจรปิดยังขอไม่เปิดเผยรายละเอียด จะเป็นคนมีสีหรือไม่ก็ขอเวลาตรวจสอบก่อนคนร้ายที่ลงมือมากกว่าหนึ่งคน ผู้บาดเจ็บนั้นเป็นพยานที่อยู่บริเวณที่เกิดเหตุ ขณะที่จะมีคนร้ายได้รับบาดเจ็บหรือไม่ พล.ต.ท.สัณฐานกล่าวว่า ตรงนี้ขออุบไว้ก่อน
"สำหรับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ถือเป็นการต่อสู้ทางการเมืองที่ใช้แนวทางประชาธิปไตยต่อสู้แบบสันติ ปัญหาการเมืองต้องแก้ด้วยการเมือง ส่วนเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ อาสาสมัคร ถือว่าเป็นกลไกของรัฐบาลมีหน้าที่ดูแลความสงบเรียบร้อย เพื่อให้เกิดความปลอดภัยต่อประชาชน รวมทั้งกลุ่มผู้ชุมนุมในพื้นที่ต่างๆ ส่วนการดูแลความปลอดภัยของกระทรวงกลาโหม ที่ผ่านมามีมาตรการดูแลอย่างเข้มงวดทั้งภายในและพื้นที่โดยรอบตลอด 24 ชั่วโมง จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกระทรวงกลาโหมจะประสานงานร่วมกับหน่วยงานในพื้นที่ เช่น กทม. และกระทรวงมหาดไทย เพื่อขยายผลพื้นที่ในการดูแลรักษาความปลอดภัยให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น" โฆษกกระทรวงกลาโหมกล่าว
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า ข้อเท็จจริงเท่าที่ทราบเบื้องต้นพบว่ารถยนต์กระบะโตโยต้า วีโก้ ที่ใช้ก่อเหตุ ใช้แผ่นป้ายทะเบียนปลอม จากการตรวจสอบจากสายข่าว พบว่าเป็นรถที่เจ้าของเดิมเสียพนันในบ่อนที่กรุงเทพฯ จากนั้นมีการจำนำและซื้อขายกันมา 5 ทอดแล้ว โดยคนสุดท้ายที่ครอบครองชื่อเล่นว่า โก้ เป็นผู้ที่มีความสัมพันธ์กับนายตำรวจใหญ่ในนครบาล ซึ่งบางครั้งก็ไปนั่งอยู่หน้าห้องนายตำรวจใหญ่คนดังกล่าว
นายพร้อมพงศ์กล่าวว่า ตำรวจควรเร่งสืบสวนสอบสวนจับกุมผู้กระทำผิดให้ได้โดยเร็ว เพราะการสืบสาวถึงตัวผู้ก่อเหตุทำได้ไม่ยาก เพราะนอกจากพยานหลักฐานที่พบแล้วยังมีภาพจากกล้องวงจรปิด เห็นตัวผู้ก่อเหตุอีกด้วย จึงขอให้ ศอ.รส.และตำรวจทำงานอย่างตรงไปตรงมา เพื่อเปิดโปงผู้อยู่เบื้องหลังให้ได้ แต่อยู่ที่ว่าจะกล้าจับกุมผู้อยู่เบื้องหลังหรือไม่ อย่างไรก็ตาม ขอตั้งข้อสันนิษฐานว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นการจงใจสร้างสถานการณ์ของฝ่ายรัฐเอง เพื่อทำให้เห็นว่าเหตุการณ์รุนแรง เพื่อสร้างความชอบธรรมในการประกาศขยายระยะเวลาการประกาศใช้ พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร หรืออาจถึงขั้นประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน และต้องการกลบกระแสข่าวความสำเร็จของผู้ชุมนุมในการเคลื่อนพลครั้งใหญ่เมื่อวันที่ 20 มีนาคมที่ผ่านมา อีกทั้งมีข้อน่าสังเกตว่า เหตุการณ์ในลักษณะเดียวกันนี้ เกิดขึ้นถึง 7 ครั้งใน 1 สัปดาห์ แต่ไม่สามารถจับกุมผู้กระทำผิดได้ แต่ครั้งนี้มีพยานหลักฐานชัด จึงต้องรอดูว่าตำรวจจะสามารถจับกุมผู้ก่อเหตุได้หรือไม่
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)