Skip to main content
ประชาไททำหน้าที่เป็นเวที เนื้อหาและท่าที ความคิดเห็นของผู้เขียน อาจไม่จำเป็นต้องเหมือนกองบรรณาธิการ
sharethis

ท่ามกลางความไม่ลงรอยทางการเมืองในปัจจุบัน เป็นเหตุให้พื้นที่สื่อ ถูกจับจองแย่งชิงกันขนานใหญ่ทั้งจากฝ่ายรัฐบาล และฝ่ายผู้ชุมนุม จนกลายเป็นสนามรบด้านข้อมูลข้าวสารเพียงชั่วพริบตา ในฐานะที่ สื่อ มีพลังในการเข้ายึดกุมจิตใจมวลชน  

หากพิจารณาการแปรสภาพพื้นที่สื่อเป็นสนามรบนั้น พบว่า ตั้งแต่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมีคำพิพากษาตัดสินคดียึดทรัพย์ 46,000 ล้านบาท ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ต่อมาจนถึงการชุมนุมใหญ่ของกลุ่มคนเสื้อแดง หรือ กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ที่ใช้แผนดาวฤกษ์กระจายกดดันรัฐบาลให้เกิดการยุบสภาด้วยพลทัพศึกมหึมาจากทั่วทุกภาคที่ต้องการแสดงถึงความยิ่งใหญ่ไปพร้อมๆ กับกลวิธีการบุกแบบมุ่งเน้นด้วยความสงบเรียบร้อย ปลอดอาวุธนั้น ทำให้เรื่อง “ทักษิณ” และ “เสื้อแดง” สามารถครองพื้นที่สื่อแบบที่เรียกได้ว่า ‘‘แดงเถือกทั้งบาง (แดงทั้งแผ่นดิน)

ข่าวที่ว่าด้วยเรื่อง ทักษิณ และเสื้อแดง ปรากฏบนพื้นที่สื่อทุกช่องทางไม่เว้นแต่ละวัน อีกด้านหนึ่งเป็นการสะท้อนให้เห็นวิธีคิดเรื่อง “การกำหนดวาระข่าวสารของสื่อ” ที่มักจะรายงานสิ่งที่มันขายได้ และมักจะเกาะติดกับผู้มีอำนาจทางการเมือง เศรษฐกิจ สังคม จนบางครั้งทำให้เรารู้สึกว่า ข่าวสารข้อมูลนั้น อยู่ดีๆ ก็กลายเป็นความจำเป็นต่อการดำรงชีวิต และทัศนคติของคนในสังคม และประเทศชาติทวีคูณขึ้นทุกวัน

เมื่อรู้ จริตของสื่อ และรู้ว่า สื่อทั้ง โทรทัศน์ วิทยุ และหนังสือพิมพ์ เข้าถึงมวลชนจำนวนมาก แทบเคาะประตูบ้าน การผลัดกันตั้งรับ และออกสู้ตอบโต้ เช่น การใช้สื่อเพื่อสร้างความชอบธรรมให้ฝ่ายตนเอง ทั้งของรัฐบาล และผู้ชุมนุม จึงตามมาเป็นระลอก

แน่นอนว่า ฝ่ายรัฐมักจะกุมพื้นที่นี้ เพราะคลื่นความถี่วิทยุโทรทัศน์ ล้วนแล้วเป็นเจ้าของโดยรัฐ ส่วนหนังสือพิมพ์ ด้วยข้อจำกัดทางเศรษฐกิจ ก็เล่นกันง่ายแค่ปลายนิ้ว ทำให้ฝ่ายผู้ประท้วงจึงมีแนวต้านรับสื่อตามวิถีตน เช่น การมีเคเบิ้ลทีวีของตนเอง วิทยุชุมชน

สำหรับข่าวการชุมนุม สื่อส่วนใหญ่โดยรวมมักจะเล่นกับความนิยมสนใจของสังคม แต่ขาดการขัดเกลาผลงานในฐานะสื่อมวลชนที่ควรจะนำเสนอการรายงานข่าวอย่างเชิงลึก 5W1H ว่าใคร ทำอะไร ที่ไหน อย่างไร และเมื่อไร แต่ที่เราพบกันคือ การเสนอแค่ความเคลื่อนไหวทั่วๆ ไป เท่านั้น

ในฐานะที่พื้นที่สื่อจัดเป็นพื้นที่สาธารณะนี้ พลเมืองทุกคนต่างมีสิทธิ เสรีภาพ ตามระบอบประชาธิปไตย ในการโต้แย้งแสดงเหตุผล ความคิดเห็นหลากลายแนวจากคนหลายๆ ฝ่ายมีสิทธิ์ที่จะปรากฏ ฉะนั้น จึงไม่ผิดที่บางครั้งอาจจะแสดงถึงผลงานและความคิดเห็นของฝ่ายรัฐบาลเป็นระยะๆ สลับกับฝ่ายผู้ประท้วงที่อาจมีเนื้อหาเป็นหน้าๆ เช่นกัน

อย่างไรก็ดี จำเป็นจะต้องมีการเจาะลึก ตีแผ่อย่างรอบด้าน จะทำให้สังคมเห็นถึงปัญหา สามารถที่จะชวนสังคมมาคุยกัน หรือเรียกว่า ทำประเด็นนั้นให้กลายเป็นประเด็นสาธารณะ เพื่อถกเถียงกันอย่างมีเหตุมีผลและหาข้อยุติร่วมกันได้ 

ในทางจรรยาบรรณ สื่อมวลชนก็มีบัญญัติถึงหลักการดังกล่าว นั่นคือ การนำเสนอข้อเท็จจริงรอบด้านแก่สังคม เพื่อให้เกิดการถ่วงดุลความคิด และสังเคราะห์ด้วยตัวผู้รับสื่อเอง ที่มิใช่การชี้นำความคิดโดยสื่อแต่อย่างใด เนื่องจาก การชี้นำความคิดบุคคลในสังคมเป็นสิ่งที่รู้กันอยู่ว่า อาจเป็นตัวบ่อนทำลายความสามัคคี ก่อความขัดแย้งในสังคมชาติได้ (ดังนั้นจึงควรพึงระวังไว้เสมอ) โดยเฉพาะตามที่ๆ เราเห็นทางสถานีโทรทัศน์ ที่มักจะนิยมทำรายการนำเสนอข่าวแบบรายงายแค่ตัวเหตุการณ์ แต่ละเลยการวิเคราะห์เจาะลึกถึงสาเหตุแห่งปัญหาอย่างแท้จริง เพราะว่าอะไร? มันขายได้ ทำง่าย คนก็ชอบ และเรตติ้งดีนั่นเอง

กลวิธีการนำเสนอข่าวในรูปแบบที่ว่านี้ของทีวี ส่งผลให้เกิดการปิดบังเนื้อหาสาระเกินกว่าความเป็นจริงที่ควรจะเปิดเผย ทำให้ผู้บริโภคสื่อได้รับข้อมูล ความถูกต้องไม่รอบด้าน เป็นสาเหตุทำให้สังคมไม่เกิดปัญญา แม้จะเกิดทางเลือกใหม่ที่สังคมอาจมองว่าเป็นทางออกที่ดี นั่นคือ ความร้อนระอุของเครือข่ายตามจานดาวเทียมสีต่างๆ ที่ติดตั้งกันยกใหญ่ เพราะเมื่อสื่อฟรีทีวีที่มีกลับแบ่งข้างเลือกเสนอข่าวไม่รอบด้าน และไม่เจาะลึกถึงปัญหา จึงเป็นธรรมดาที่จะเกิดความรุนแรงโดยใช้สื่อของตนเป็นเครื่องมือ แต่กระนั้นก็อาจส่อให้เห็นถึงการใช้พื้นที่สื่อในทางที่เป็นเครื่องมือทางการเมืองเช่นกัน เพราะอาจกลายเป็นการปลุกปั่นและกรอกความคิดใส่มวลชนให้เกิดแรงกระตุ้นทางกายภาพที่ส่งผลต่อพฤตินัยและจิตใจในที่สุด

เห็นได้ว่า พื้นที่สื่อในสังคมไทยขณะนี้ มักถูกนำไปใช้ทางที่ผิดต่อหลักเจตนารมณ์ด้วยอิทธิพลของผู้มีอำนาจในสื่อ และผู้มีอำนาจในเงินตราเช่นกัน เนื่องจาก พวกเขาเหล่านี้สามารถซื้อพื้นที่สาธารณะมาประกอบเพื่อส่วนตนเป็นหน้าๆ เป็นชั่วโมงๆ ได้อย่างง่ายดาย เพียงคำว่า เครดิต เท่านั้น ที่ทุกคนต่างเข้าใจและให้การยอมรับทั้งในความเป็นรูปธรรมและนามธรรม

นอกจากการแย่งชิงพื้นที่สื่อในประเภทข่าวด้วยกันเองแล้ว ยังจะต้องเป็นสนามรบของสังคมข่าวที่ถูกแบ่งระดับความสำคัญตามกระแสความนิยมอีกเช่นกัน ทั้งที่จริงข่าวต่างๆ ทั้งหลายก็ล้วนเป็นปัญหาของบ้านเมืองเหมือนๆ กัน ทำให้มองดูแล้วรู้สึกถึงความโอนเอียง อยุติธรรม อะไรทำนองนั้น เฉกเช่นข่าวปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ระเบิดปะทุทุกวัน พลีชีพกันทุกคืน ซึ่งเป็นปัญหาระดับประเทศที่รุนแรงถึงขั้นนองเลือดเสียด้วยซ้ำ แต่กลับถูกมองข้ามเพียงเพราะไกลสายตาที่กลบความลำบากและความกล้าหาญบนพื้นที่เสี่ยงภยันตรายของเจ้าหน้าที่ และประชาชนผู้บริสุทธิ์ ที่ต้องประสบเคราะห์กรรม เสมือนคำกล่าวของท่านนายกอภิสิทธิ์ฯ ที่เคยกล่าวไว้ว่า โลกใบนี้ไม่ได้หมุนรอบ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ แต่กลับถูกรัดให้หมุนรอบตามเจตจำนงของกลุ่มคนกลุ่มหนึ่ง เพียงเพื่อความปลอดภัย และความเป็นสุขของชีวิตตน

หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งคือ สื่อแทบจะตามเกาะติดข่าวทุกเม็ดอณูการเคลื่อนขยับของบุคคลแนวหน้าตลอด 24 ชั่วโมง

ทั้งๆ ที่ประชาชนรากหญ้าต่างหากเป็นผู้รับผลกระทบโดยตรงจากการถูกซ้ำเติมโดยคนยอดหญ้า แต่พื้นที่เหล่านั้นกลับแทบไม่เหลือให้เห็น มีเพียงแต่ข่าวที่ถูกล้อมกรอบเล็กๆ ในหนังสือพิมพ์ มีเพียงแต่ข่าวสั้นที่ฟังได้ไม่ถึงเสี้ยวนาที

นี่หรือ! พื้นที่สื่อสาธารณะ มันเป็นสนามรบต่อสู้ของข่าวเสียมากกว่าที่ผู้ขึ้นชกต้องยอมจำนน พ่ายแพ้ต่อการตัดสินของกรรมการสนาม ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม ตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่มต้นด้วยซ้ำไป

ทั้งๆ ที่พื้นที่สื่อ คือเวทีกลางในการแสดงความคิดเห็น และเป็นตัวแทนความคิดของคนที่จนโอกาสและอำนาจได้มีปาก มีเสียง แต่ต้องพังทลายด้วยความเป็นสื่อกระแสสังคมภิวัฒน์ที่เปลี่ยนแปลงไปตามน้ำที่ไหลเชี่ยว พื้นที่สื่อที่เคยช่วยผดุง และเรียกร้องความใสสะอาด กลับกลายถูกจองจำในเงามืด พื้นที่สื่อซึ่งเคยสร้างบทสนทนาสาธารณะ แปรสภาพเป็นบทที่คอยปิดบัง และถูกคัดค้านสุดหน่วง

อย่าลืมว่า พื้นที่สื่อ ก็คือพื้นที่สาธารณะ เป็นกรรมสิทธิ์ของส่วนรวม หากแต่ตัวสื่อและผู้ใช้ประโยชน์เอง รู้จักความหมาย จรรยาบรรณ และวิธีการใช้อย่างถูกต้อง สังคมก็อาจจะไม่ต้องตกเป็นทาสอำนาจของสื่อที่ถูกยึดกุมจิตใจเช่นนี้ และไม่ต้องตกเป็นผู้แข่งทางสนามรบของใครอีกเช่นกัน

เพียงแต่คุณ ควรเป็นผู้ใช้บริการพื้นที่สื่อที่ดีในทุกๆ ฝ่ายหน้าที่ที่เกี่ยวข้องตามกฎ ระเบียบ และจริยธรรมเท่านั้น ก็เพียงพอต่อ... ความสันติสุขในสังคม

 

 

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net