Skip to main content
sharethis

เขียนถึงเอ็นจีโอ เขียนถึงอภิสิทธิ์ ว่าด้วยปัญหา ‘เชิงโครงสร้าง’ เกมความรุนแรงที่รัฐออกแบบขึ้น

แม้คนเสื้อแดงจะได้ชุมนุมมานานนับเดือน ผ่านบทพิสูจน์มาทุกมิติอย่างโปร่งใส ที่ใครๆ ก็ตรวจสอบและศึกษาได้ผ่านสื่อของคนเสื้อแดงที่มีอยู่ แต่ดูเหมือนอคติที่มีต่อคนเสื้อแดงของคนบางกลุ่มก็ยังคงมีอยู่อย่างหนาแน่น

เอ็นจีโอกลุ่มหนึ่ง ซึ่งแน่นอนจะมากจะน้อยมีส่วนได้รับการอุปถัมภ์จากกองทุนสนับสนุนในเครือข่ายเสื้อเหลือง ยังคงแสดงโอวาทในที่ประชุมวงปิดหลายต่อหลายวงทำนองว่า “ใครๆ ก็ดูออกว่า แกนนำพาคนไปตาย เพื่อใช้เป็นเงื่อนไขในการล้มรัฐบาล”

แม้เรื่องนี้จะเป็นเรื่องที่พอเข้าใจได้ เพราะขีดจำกัดของการรับรู้นั้นถูกควบคุมด้วยอคติในใจ เลือกที่จะเห็นการกระทำของแกนนำบางคนมากกว่าที่จะเห็นมวลชนคนเสื้อแดง และเลือกที่จะไม่รับรู้มนุษยภาพที่ถ่ายทอดออกมาจากแกนนำหลายคน กระทั่งละเลยที่จะพิจารณาวิจารณญาณของคนเสื้อแดงแต่ละคน ซึ่งไม่ได้โง่หรือฉลาดมากน้อยไปกว่าคุณ

ที่น่าเสียใจกว่านั้นก็คือ ขณะที่เอ็นจีโอเหล่านี้หากินกับปัญหาเชิงโครงสร้าง หากินกับประเด็นสิทธิมนุษยชน กลับไม่สามารถฝ่าข้ามอคติที่ถูกสร้างขึ้นอย่างเป็นระบบโดยสื่อกระแสหลัก ความเชื่อมั่นในตัวบุคคลในรัฐบาล และผลประโยชน์ที่ได้รับจากเครือข่ายอุปถัมภ์ที่มีอยู่

เอาล่ะ คุยกันในระดับเพื่อน และในระดับสามัญสำนึก หากกระสุนนัดแรกระเบิดเข้าใส่ผู้ชุมนุมเสื้อแดง ถามหน่อยเถิดว่า เขาตายเพราะอะไร

น่าสงสัยว่า เอ็นจีโอกลุ่มนี้จะร้องแรกแหกกระเฉอได้ในทันทีหรือไม่ว่า “แกนนำเสื้อแดงพาคนเสื้อแดงไปตาย” เช่นเดียวกับนักวิชาการ นักธุรกิจอีกหลายร้อยคน แต่ถามคนที่ไม่ต้องฉลาดมากนักก็ได้ เขาจะตอบแบบซื่อๆ ตรงไปตรงมาว่า “ตายด้วยกระสุนปืนสิครับ”

ตราบใดที่คนเสื้อแดงและผู้ชุมนุมทุกกลุ่ม ไม่ว่าจะเหลือง จะคนจน จะสมัชชาคนรวย พกแต่เพียงสองมือเปล่าขึ้นต่อสู้กับความไม่เป็นธรรมในทัศนะของเขา มันย่อมเป็นสิทธิของเขาอย่างสมบูรณ์แบบที่พวกเราควรจะต้องปกป้อง และหากท่านไม่เห็นด้วยกับการต่อสู้และเป้าหมายของเขาก็จงบอกเถิดว่า ท่านไม่เห็นด้วยกับเป้าหมาย แต่อย่าให้เห็นเหตุผลเพื่อลบล้างการต่อสู้เรียกร้องอันเป็นสิทธิของเขา แล้วมาช่วยกันเพื่อดำรงและเคารพการต่อสู้นั้นให้เป็นไปอย่างสันติโดยพยายามไม่ให้มีกระสุนปืนระเบิดขึ้น หรืออย่างน้อยก็ช่วยกันหาทางลงให้เขาโดยไม่พ่ายแพ้

หรือหากท่านไม่เห็นด้วยกับคนเสื้อแดงที่ประกาศการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยและอยากให้เขาพ่ายแพ้ ท่านจงบอกมาเถิดว่า ท่านไม่เห็นด้วยกับประชาธิปไตย และประเทศนี้อำนาจสูงสุดควรจะอยู่ในมือของคนฉลาดและดี (แบบเพื่อนพ้องของท่าน) เท่านั้น คนอื่นล้วนไม่ดีและไม่ฉลาดเท่าพวกท่าน ไม่เคารพสิทธิมนุษยชนเท่าท่าน ไม่รักษาสิ่งแวดล้อมเท่าท่าน ไม่พอเพียงไม่ยั่งยืนเท่าท่าน ซื้อไม่ได้เหมือนท่านๆ (ทั้งๆ ที่ส่วนใหญ่รับเงินอุปถัมภ์จากเครือข่ายนิยมเหลืองอยู่)

ท่านต้องกล้าที่จะออกมาบอกว่า ท่านไม่เอาการเลือกตั้ง และรัฐบาลไม่ควรยุบสภา ไม่ว่าจะในปีข้างหน้า หรือสองปีข้างหน้า ท่านจงบอกออกมาเถิดว่า คนเสื้อแดงจงหยุดต่อสู้ และท่านจงใช้มาตรฐานนี้กับการต่อสู้ของชาวบ้านในสังกัดของท่านต่อจากนี้ “อย่าค้านเขื่อน เพื่อสงบสันติ” “อย่าไปสู้เพื่อดิน น้ำ ป่า เพื่อความสงบสันติ” ไปบอกจอน อึ๊งภากรณ์ สารี อ๋องสมหวัง และไพโรจน์ พลเพชรว่า การปีนสภาเพื่อต่อต้านกฎหมายความมั่นคงฯเป็นสิ่งที่ผิด และสมน้ำหน้าซ้ำที่ต้องถูกดำเนินดดีอยู่ในเวลานี้

ท่านเอาแต่ดูถูกคนเสื้อแดง ขณะที่คนที่ลงสนามและไม่ห่างเหินมวลชนต่างทราบกันดีว่า งานนี้ไม่มีแกนนำพามวลชนไปตาย มีแต่มวลชนนั่นเองที่จะพาแกนนำไปตาย เพราะแรงคับแค้นที่สั่งสมมาเนิ่นนาน จากสองมาตรฐานและทัศนะที่ดูถูกผู้คนอย่างที่ท่านๆ ได้แสดงออกมาตลอดหลายปี

เพื่อนบางคนพูดถึง เอ็นจีโอรุ่นใหญ่คนหนึ่งที่กล่าวโต้ข้อหาที่ถาโถมเข้าใส่ จำลอง ศรีเมือง เมื่อครั้ง “พาคนไปตาย” ในเหตุการณ์พฤษภาคม 2535 ว่า แกนนำเหล่านี้อย่างมากก็เป็นแค่คนขับรถ ผู้ชุมนุมนั้นโดดขึ้นรถและใช้ไหว้วานให้คนขับรถพาตัวเองไปสู่เป้าหมาย จะอย่างไรการเสียชีวิตของผู้ชุมนุมก็เกิดขึ้นจากกระสุนปืนและความรุนแรงที่ออกแบบจากรัฐในขณะนั้น

เช่นเดียวกัน เป็นเรื่องปกติที่การต่อสู้ด้วยสองมือเปล่า จำเป็นต้องปิดถนนเพื่อกดดันรัฐ ซึ่งนั่นย่อมไม่อาจจะถือว่าเป็นอาวุธ ในทางกลับกัน มีการบ้านที่ท่านและเราต้องคิด เป็นการบ้านพื้นฐานว่าด้วยโครงสร้างความรุนแรงเฉพาะหน้าที่เผชิญอยู่ในสถานการณ์ขณะนี้ กล่าวคือ รัฐกำลังออกแบบโครงสร้างให้มันรุนแรงเพื่อใช้เป็นข้ออ้างในการปราบปราบได้อย่างชอบธรรมหรือไม่อย่างไร

การปิดกั้นสื่ออย่างชนิดที่ถอยหลังไปไกลยิ่งกว่าสมัยพฤษภา 2535 เกิดขึ้นจากรัฐบาลที่อ้างว่ามาจากการเลือกตั้ง โดยอาศัย พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ให้มีอำนาจเหนือรัฐธรรมนูญ ทั้งๆ ที่ ไม่เคยเกิดในสมัยรัฐบาลไหนๆ ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลทหาร หรือแม้กระทั่งรัฐบาลทักษิณที่ท่านๆ เกลียดนักเกลียดหนา

ไม่ต้องพูดถึงเว็บไซต์ประชาไทหรอก จะอย่างไร โลกนั้นเปลี่ยนไปมากแล้ว การปิดกั้นเว็บไซต์นั้นส่งผลให้เครือข่ายทางสังคมของประชาไทนั้นเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว และมีผลหยุดยั้งการนำเสนอข่าวสารผ่านเว็บไซต์ได้เพียงชั่วคราว ในระดับ ‘ชั่วโมง’ เท่านั้น

เช่นเดียวกับการปิดพีเพิลแชนแนลที่มีผลย้อนกลับไปลดความชอบธรรมของรัฐบาล ไปทุบตลาดของเครือข่ายธุรกิจสื่อสารขนาดกลางและเล็กอันกว้างขวางที่แผ่ซ่านไปทั่วประเทศ กระทั่งทำให้ผู้ชุมนุมที่แยกราชประสงค์เพิ่มจำนวนขึ้นมากอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนตลอดนับตั้งแต่การชุมนุมย้ายฐานมาปักหลักที่นี่

ที่สำคัญไปกว่านั้น มันได้ทำให้พีเพิลแชนแนลซึ่งเป็นทีวีของแกนนำเสื้อแดงไม่กี่คน สถาปนาตัวเองกลายเป็นทีวีของประชาชนไปโดยปริยาย ภายหลังการเคลื่อนขบวนเอาหยาดเหงื่อและชีวิตไปทวงคืน “ทีวีของเขา”

ไม่ต้องสงสัยเลยว่า การปิดกั้นการสื่อสารนี้คือการยั่วยุผู้ชุมนุมที่อดทนอดกลั้นตากลมร้อนที่รอวันระเบิดมานานนับเดือน คือการปั่นกวนและย้ำยืนยันว่า ความคับแค้นที่เขาถูกกดขี่มานานหลายปีนั้นเป็นเหตุเป็นผลและเป็นพลังให้เขาต้องต่อสู้ การเบี้ยวคำสัญญา การโกหกมวลชนที่ทวงคืนสัญญาญทีวีของเขา ด้วยการกลับไปปิดกั้นอีกครั้ง คือกองเพลิงที่เผาคนเสื้อแดงทั้งเป็นและอย่างสามานย์ที่นักรบชั้นดีเขาไม่ทำกัน

สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นจากอะไรในสถานการณ์เฉพาะหน้า หากไม่ใช่ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ที่รัฐบาลประกาศใช้

ความพยายามอย่างขลาดเขลาของรัฐบาลอภิสิทธิ์ ด้วยการประกาศใช้กฎหมายฉบับนี้ และออกหมายจับ 24 แกนนำ ทำให้การเจรจาเกิดขึ้นได้ยาก และทางออกอย่างสันติใกล้จะปิดลง

ความพยายามเพียงเพื่อจะโชว์ภาวะผู้นำของตัวเอง ความพยายามเพียงเพื่อจะรักษาความมั่นคงในอำนาจของตัวเอง ได้ผลักชะตากรรมของคนเสื้อแดงให้ต้องไปอยู่ในโครงสร้างความรุนแรงที่รัฐออกแบบขึ้น ทำให้เกิดสภาพการต้านคนเสื้อแดง และทำให้สังคมต้องอยู่ในสภาพร้าวลึกและสุ่มเสี่ยงขึ้นไปอีก

คนเสื้อแดงไม่ได้เรียกร้องให้อภิสิทธิ์ลาออก หรือเปลี่ยนขั้วรัฐบาล เขาเพียงแต่เรียกร้องให้ยุบสภา เพื่อให้ประชาชนซึ่งรวมถึงท่านได้ตัดสินกันใหม่ในทางที่แฟร์ๆ

จนบัดนี้ ผมยังไม่เข้าใจ ทำไมรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง จึงกลัวประชาชนของตัวเอง

ทำไมความดีความถูกต้องที่อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ย้ำยืนยันหนักหนา จึงเปราะบางกระทั่งไม่กล้าให้ประชาชนพิสูจน์อีกครั้ง

ไม่ต้องถามหรอกว่า ทำไมถึงต้องยุบสภา แต่ต้องถามต่างหากว่า “ทำไมไม่ยุบสภา” อภิสิทธิ์กำลังกลัวอะไร

สิ่งเหล่านี้เท่ากับการยอมรับใช่หรือไม่ว่า อภิสิทธิ์ไม่ได้เป็นนายกฯเพราะได้รับการเลือกตั้งจากประชาชน แต่เพราะเขารู้ว่า อำนาจที่อุ้มชูให้เขาเป็นนายกฯ นั้นไม่ใช่ประชาชน แต่เป็นอำนาจอื่น ซึ่งแน่นอนไม่ใช่ “ประชาธิปไตย” และเขาแคร์อำนาจนั้น

ไม่ขอฝากอะไรกับเพื่อนๆ เอ็นจีโอ หากแต่จะขอฝากถึงคุณอภิสิทธิ์ว่า หากัลยาณมิตรใหม่เถิดครับ อายุยังน้อย อย่าแสดงอำนาจเพื่อพบว่าตัวเองไร้อำนาจอีกต่อไปเลย ยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เดี๋ยวนี้

และท่านมีหน้าที่ที่เหลือที่จะต้องพิสูจน์เพียงประการเดียว นั่นคือการพิสูจน์ว่า ท่านเป็นนายกฯในระบอบที่อำนาจสูงสุดเป็นของปวงชนชาวไทย เพื่อพิสูจน์ว่า ท่านมีอำนาจจริงอยู่เหนือการบงการของผู้อื่น สิ่งนั้นคือ ‘ยุบสภา’

 

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net