บันทึก 10 เมษายน 2553/แยกอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย การปะทะระหว่างฝ่ายประชาธิปไตยกับทหารอำมาตย์?

วันนี้ผมขอส่งรายงานเกี่ยวกับการขอพื้นที่คืนของรัฐบาล (แท้จริง ก็คือการปราบหรือสลายม็อบนั้นเอง)

(ที่มาของภาพประกอบ: ประชาไท)

 

1.

เริ่มจากช่วงประมาณบ่ายโมง ข่าวแจ้งว่าทหารได้เริ่มนำรถถังออกมาวิ่งบนถนนสามเสนแล้ว และกำลังมุ่งหน้ามายังผ่านฟ้า ที่ชุมนุมผ่านฟ้าเริ่มประกาศให้มวลชนนำรถไปปิดตามช่องทางต่างๆ เพื่อสกัดกองกำลังทหารที่จะเข้ามาสลายการชุมนุม

ประมาณบ่ายสอง เฮลิคอปเตอร์บินเสียงดังอยู่เหนือพื้นที่ชุมนุมผ่านฟ้า วนไปมาหลายรอบ ผู้ชุมนุมตะโกนด่า ชูสัญลักษณ์ด่าทหารบนเครื่องบิน แต่เหตุการณ์ยังปกติ ประกาศจากเวที ซึ่งมี วิสา คัญทัพ คุมอยู่บอกให้ใช้สติ และให้ผู้ชุมนุมเตรียมพร้อมระดมคนมาบริเวณหน้าเวทีมากขึ้น อย่างไรก็ตาม เสียงบินของคอปเตอร์สร้างความรำคาญให้กับผู้ชุมนุมมากทีเดียว เริ่มมีการระดมนำลูกโป่งสีแดงมาปล่อย เพื่อรบกวนเครื่องบิน

ขณะเดียวกัน ทหารเริ่มเข้ามาทางบริเวณมัฆวาน และแยก จปร. ผู้ชุมนุมจึงเดินทางไปยังบริเวณที่เริ่มจะมีการปะทะเกิดขึ้น อากาศร้อนอ้าวแดดเปรี้ยง

ผมกับเพื่อนไปที่แยก จปร. ขณะนั้น ทหารได้ตรึงกำลังเข้ามาแล้วบริเวณตีนสะพาน แต่ผู้ชุมนุมได้นำรถกระบะ รถเก๋ง แท็กซี่ และรถเมล์หนึ่งคันมาจอดขวางทางแยกเอาไว้ พร้อมตั้งแผงเหล็กกั้น

ทหารยืนคุมเชิงทั้งด้านล่าง และบนรถฮัมวี่

ผู้ชุมนุมที่ดูเหมือนจะเป็นแกนนำท้องถิ่นบริเวณนั้น ใช้รถกระบะติดเครื่องเสียงปราศรัยกับทหารและกันไม่ให้ผู้ชุมนุมด่าทอ หรือปะทะกับทหาร และพูดกับทหารด้วยความใจเย็นว่าเข้าใจถึงปฏิบัติการตามหน้าที่ แต่ประชาชนก็ขอชุมนุมอย่างสันติ อหิงสา บริเวณนี้มีผู้ชุมนุมอยู่ราวประมาณพันกว่าคน แต่ด้านหลังบริเวณแยก จปร. คนเสื้อแดงยังชุมนุมอยู่ตามเต็นท์และตามพื้นที่ร่มอยู่จำนวนมาก ขณะที่บางส่วนไปอยู่บริเวณแยกมัฆวานติดกับทำเนียบ

 

2.

ขณะที่อยู่บริเวณแยก จปร. ประจันหน้านิ่งๆ กับทหาร ได้ยินเสียงปืนลั่นรัวมาแต่ไกลเป็นชุดๆ เข้าใจว่าเกิดการปะทะกันในบางจุดแล้ว  ผู้ชุมนุมบางคนบอกว่าเสียงปืนดังมาจากบริเวณนางเลิ้ง แต่ผมก็ไม่แน่ใจนักหรือบริเวณแยกมัฆวานจะมีการปะทะด้วยก็เป็นไปได้ เพื่อนผมบางส่วนที่เดินทางมาด้วยกัน แยกออกไปตามสังเกตการณ์ตามเสียงปืนบริเวณแยกมัฆวาน แต่เสียงปืนยังดังเป็นระยะแล้วก็หยุดลง

มีการระดม "ผู้หญิง" ไปยืนประจันกับทหารและให้พูดคุยเจรจากับทหารทางด้านหน้า ส่วนผู้ชุมนุมเริ่มยืนหลบแดดตามใต้ตึกบริเวณที่ทหารตั้งอยู่ สถานการณ์ปกตินิ่งเงียบ

ทหารประกาศว่า เกรงจะมีมือที่สามก่อกวน เพราะได้ยินว่าจะมีกลุ่มขี่มอเตอร์ไซด์เข้ามาป่วน ส่วนผู้ชุมนุมที่ปราศรัยเจรจากับทหาร ซึ่งเป็นผู้หญิงแจ้งว่าหากใครทำร้ายทหาร ก็ถือว่าไม่ใช่คนเสื้อแดง เป็นแดงเทียม

ผมยืนดูเหตุการณ์บริเวณนั้นสักครู่ใหญ่ รอกระทั่งเห็นว่าคงยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทหารไม่น่าจะเข้ามาปะทะในบริเวณนี้ จึงชวนเพื่อนผู้หญิงสองคนเดินกลับออกมา บริเวณแยก จปร.เข้าสู่ถนนราชดำเนินจะกลับไปบริเวณเวทีผ่านฟ้า

พี่ผู้ชายคนหนึ่ง ซึ่งพยายามอย่างหนักมาสักพักใหญ่ โดยการเอากระจกส่องหน้าสองบานขนาดพอมือ ยิง "แสงแดด" ใส่เฮลิคอปเตอร์ที่บินวนไปมา คนรอบข้างบ้างขบขันหัวเราะกับท่าทางของแกที่พยายามอย่างมากที่จะตามทิศทาง ของคอปเตอร์เพื่อยิงแสงแดดใส่ บางครั้งแกก็วิ่งออกไปขวางทางถนน แต่แกบอกว่า "พวกคุณไม่รู้อะไร ผมเป็นทหารเก่า" บางคนบอกแกไปว่า "ต้องใช้กระจกบางใหญ่กว่านี้" แกบอกว่า "พวกคุณก็ไปหามาสิ ผมหาซื้อแถวนี้ได้แค่นี้แหละ"

เราเดินหาน้ำกิน แล้วกลับไปยังผ่านฟ้า ดูเหมือนคนจะเดินทางมาหนาตามากขึ้น เฮลิคอปเตอร์ยังคงบินรบกวนเสียงดังเหนือบริเวณพื้นที่ชุมนุม  ขณะที่แกนนำบนเวทีผ่านฟ้ายังคงพูดคุยปราศรัยกับผู้ชุมนุม และด่าเฮลิคอปเตอร์เป็นระยะ บ้างกล่าวว่าส่องกล้องพบ "เทพเทือก" อยู่บนเฮลิคอปเตอร์ด้วย มีการปล่อยลูกโป่งแดงรบกวนคอปเตอร์ด้วยเช่นกัน

ไม่นานนักบริเวณหน้าเวทีผ่านฟ้า เฮลิคอปเตอร์ได้โปรยเอกสารกระดาษจำนวนมากลงมา บนเวทีแกนนำหยุดปราศรัยแล้วนำแผ่นใบปลิวจากฟ้ามาอ่าน เป็นประกาศแจ้งให้ผู้ชุมนุมออกจากพื้นที่ไม่เช่นนั้นจะถือเป็นความผิด และได้ประกาศว่าศาลอนุมัติหมายจับแกนนำ 17 คนแล้ว

 

3.

ประมาณสี่โมงเย็น (ลำดับเวลาผมใช้การกะประมาณไม่อาจระบุชัดเจนนัก) ผมกลับไปที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เพื่อรอดูสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นต่อไป ยังคงมีการระดมคนไปปิดตามแยกต่างๆ โดยเฉพาะทางแยกคอกวัว

เพื่อนผู้หญิงผมสองคนเดินไปกินข้าวริมฟุตบาตหน้าแมคโดนัลด์ ขณะที่ผมนอนกระดิกตีนอยู่บนผ้าพลาสติกผืนละยี่สิบบาท ที่ฐานอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยนั้น เฮลิคอปเตอร์ร่อนเข้ามาอีกครั้ง คราวนี้มองเห็นมีการปล่อยวัตถุชิ้นหนึ่งลงจากฟ้า

มองเห็นจากด้านล่างเป็นสายควันยาวตามการทิ้งตัวของวัตถุ ตกลงมาอย่างรวดเร็วไม่ห่างจากปีกอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยที่ผมนอนอยู่มากนัก ผมและคนบริเวณนั้น วิ่งแตกกระจายออกไป ด้านนอกด้วยความตระหนก

พบทีหลังว่าวัตถุที่โยนลงจาก ฮ. เป็น "ระเบิดแก๊สน้ำตา" นั่นเอง หลายคนเอาผ้าชุบน้ำปิดหน้า พอตั้งสติได้ก็หันไปด่าทอคอปเตอร์บนฟ้าต่ออีกที

ผมจึงได้รู้ว่าทีแท้การเอาคอปเตอร์บินวนหลายชั่วโมงก่อนหน้านี้ นอกจากจะเพื่อตรวจสอบจำนวนมวลชนบริเวณช่องทางแต่ละจุดเพื่อส่งสัญญาณให้ทหาร เข้าปะทะตามช่องทางที่คนน้อยแล้ว

ยังเป็นการระบุหาพิกัด ทิศทางลม เพื่อทิ้งระเบิดแก๊สน้ำตาจากอากาศด้วย

ทีแรกคิดว่า เฮลิคอปเตอร์คงแค่ลองปล่อยแก๊สน้ำมาเพื่อลองเชิง แต่ที่ไหนได้ ห่างจากลูกแรกไม่เกิด 5 นาที คอปเตอร์บินวนกลับมาครั้งนี้ปล่อยระเบิดแก๊สน้ำตาลงมาอีก 4 ลูก ติดกัน ฝูงชนที่เริ่มก่อตัวบริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยแตกกกระเจิงคนละทิศละทาง วิ่งไปอยู่เหนือลม

เพื่อนผมเพิ่งไปกินข้าวยังไม่ทันหมดจานวิ่งมาหา พร้อมหาน้ำชุบผ้าล้างหน้า มีคนนำผ้าปิดปากมาแจกให้ผู้ชุมนุม และเริ่มเตรียมน้ำกันแก๊สน้ำตาจากเฮลิคอปเตอร์

สักพัก หลังจากมวลชนแตกกระจาย หนีแก๊สน้ำตาก็กลับมารวมอีกที เพื่อนมผมกลับไปกินข้าวที่คาจานไว้ที่ร้านตามเดิม เพราะยังไม่ทันจ่ายเงินแก่เจ้าของร้าน

คอปเตอร์บินวนมาอีกรอบ พร้อมปล่อยอีกชุดใหญ่ประมาณ 4-5 ลูก เป็นสายยาวลงมาบริเวณถนนอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ผู้คนกระจายอีกหนีแก๊สน้ำตาอีกครั้ง

ฉับพลันอย่างไม่ทันตั้งตัว รถถังหุ้มเกราะของทหารไม่รู้ว่าเตรียมไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่โผล่มาบริเวณแยก โรงเรียนสตรีวิทย์ ปิดถนนพร้อมทหารติดอาวุธเต็ม มีการโยนแก๊สน้ำตาจากพื้นดินใส่ผู้ชุมนุม แต่หลังจากกระเจิงไม่นาน ผู้ชุมนุมเสื้อแดงก็เข้าไปรวมกลุ่มประจันหน้ากับรถถังบริเวณแยกนั้นมากขึ้นๆ ขณะที่เฮลิคอปเตอร์ยังคงบินวนไปมา พร้อมหาตำแหน่งปล่อยแก๊สน้ำตาต่อไป

 

4.

ทหารบนรถถังหุ้มเกราะบริเวณแยกสตรีวิทย์ เท่าที่ทราบจากผู้ชุมนุมบางคนบอกว่ามี 4 คัน แต่ผมมองจากอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยเข้าไปจะเห็นแต่สองคันหน้าที่ยึดพื้นที่ เต็มช่องทางถนนเท่านั้น

ช่วงเวลานี้ค่อนข้างชุลมุน เพราะเฮลิคอปเตอร์ยังคงระดมยิงระเบิดแก๊สน้ำตาลงมาจากฟ้าอย่างหนักเพื่อกดดันให้ผู้ชุมนุมสลายตัว

ผมไม่แน่ใจว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ ถนนริมอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยด้านหน้าแมคโดนัลด์ จึงถูกน้ำมันราดเทจนลื่นไปหมด รถมอเตอร์ไซด์ของกลุ่มเสื้อแดงขี่ผ่านมาจึงล้มกลิ้งไปหลายคัน ผู้ชุมนุมบางคนบอกทีหลังว่าในช่วงที่ชุลมุนอยู่นั้น ทหารได้แฝงเข้ามาเอาน้ำมันราดถนนให้ถนนลื่น เพื่อเป็นอุปสรรคแก่ผู้ชุมนุมเสื้อแดงโดยเฉพาะกลุ่มมอเตอร์ไซด์ที่จะตามมา สมทบ

อย่างไรก็ตาม ผู้ชุมนุมเริ่มแสดงความไม่พอใจทหาร เข้าไปจับกลุ่มปิดออกกั้นหน้ารถถังบริเวณแยกสตรีวิทย์หนาแน่นขึ้นอย่าง รวดเร็ว จนเริ่มเต็มถนน และบางส่วนก็รวมตัวยืนดูเหตุการณ์อยู่บนอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยอย่างหนาแน่น

ทหารเริ่มปฏิบัติการจิตวิทยา โดยการเปิดเพลงปลุกระดมตามแบบฝ่ายขวา ประมาณเพลงเราสู้ เพลงปลุกใจ ทหารสามัคคีอะไรประมาณนี้ (ผมจำชื่อเพลงไม่ได้) ...นอกจากนั้นก็ตัดเริ่มเปิดเพลง "พระราชนิพนธ์" ประกอบด้วย

ขณะที่ประจันหน้าอยู่ นายทหารบนรถถังได้ประกาศให้ผู้ชุมนุมที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกลับบ้าน รัฐบาลได้เตรียมรถเดินทางกลับบ้านให้แล้วที่สนามม้านางเลิ้ง แต่ยิ่งพูดผู้ชุมนุมก็ยิ่งโห่ไล่ บอกให้ทหาร "ออกไป" ด่าทอทหารต่างๆ

บนท้องฟ้า เฮลิคอปเตอร์บัดซบยังคงระดม โปรย "ฝนหลวง" ระเบิดแก๊สน้ำตาลงใส่ผู้ชุมนุมบริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เสียงเพลงพระราชนิพนธ์จากรถทหารก็ยังคงดังประกอบคลอปฏิบัตินี้อยู่ตลอด

อย่างไรก็ตาม ทางฝ่ายผู้ชุมนุมได้ระดมน้ำขวดมาแจกโดยตลอด พอแก๊สน้ำตาลงมาก็เตรียมลมไปเหนือลมบ้าง หลบไม่ทันก็เอาน้ำล้างบ้าง เริ่มมีทีมงานที่เตรียมจัดการกับแก๊สน้ำตา โดยรีบนำน้ำจากถังที่เตรียมไว้ราดเทใส่ระเบิดแก๊สที่ตกลงมายังพื้น แล้วดับไฟที่ติดให้แก๊สจางหายไปอย่างรวดเร็ว

แก๊สน้ำตาบางส่วนผิดเป้าหมาย ไปตกบนหลังคาร้านค้า บ้านเรือนก็มี ผมไม่แน่ใจนัก แต่คาดว่าหากระเบิดแก๊สน้ำตาตกใส่หัวกระบาลใครเข้า ก็คงจะตายแน่ทีเดียว ซึ่งทำให้สมาธิของผมอยู่บนท้องฟ้าเหนือหัวมากยิ่งกว่ารถถังทหารที่อยู่ตรง หน้า

 

5.

การประจันหน้าระหว่างทหารที่แยกสตรีวิทย์กับมวลชนเสื้อแดงยังคงอยู่ในลักษณะ ดังกล่าวพักใหญ่ มีนักข่าวไทยและต่างประเทศจำนวนมากขึ้นรถถ่ายรูปภาพไว้

ทหารยังคงเปิดเสียงเจรจา พร้อมประกอบเพลงพระราชนิพนธ์ บางช่วงก็ให้ฝ่ายมวลชนสัมพันธ์ซึ่งเป็นผู้หญิง ออกมาพูดกับผู้ชุมนุมเป็นภาษาอีสาน บอกให้พี่น้องเสื้อแดงกลับบ้าน หว่านล้อมต่างๆนาๆ แต่มวลชนก็โห่ไล่

ผมนึกในใจว่า "พวกมรึงจะให้กูกับเพื่อนๆ กลับไปไหน กูก็อยู่ในกรุงเทพฯนี้ คนที่มาม็อบส่วนใหญ่ก็อยู่ในกรุงเทพฯ และภาษาอีสานกรูก็ฟังไม่ค่อยรู้เรื่องเหมือนกัน"

แสงอาทิตย์จากฟ้าเริ่มมืดสลัวลงตามเวลา เสียงจากเวทีแกนนำยังคงปราศรัยแต่ดูเหมือนจะไม่ได้สัมพันธ์กับการประจันหน้า บริเวณแยกนี้เท่าไหร่ ได้ยินการระดมคนไปบริเวณแยกคอกวัว เข้าใจว่ามีการปะทะใหญ่เช่นกัน ได้ยินเสียงปืนลั่นเป็นชุดๆมาตั้งแต่เย็น

เวลายิ่งโพล้เพล้ลง แต่ผู้ชุมนุมซึ่งเปียกชุ่มไปด้วยน้ำที่ใช้ล้างแก๊สน้ำตายังคงปักหลักอย่าง เหนียวแน่นหน้าอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ประจันหน้ากับกองทหารบนรถถังหุ้มเกราะ และการรบกวนของเฮลิคอปเตอร์บนฟากฟ้าเทวดาที่โปรยระเบิดแก๊สน้ำตาแก่ประชาชน ผู้บริสุทธิ์ดังฝนหลวงก็ปานนั้น

 

6.

เพื่อนๆ นักกิจกรรมสังคมหลายกลุ่มที่คุ้นหน้าเดินทางมาอยู่ในพื้นที่นี้ ทั้งประกายไฟ เลี้ยวซ้าย กรรมกรแดง และเสรีชนอื่นๆ

ประมาณเกือบ 1 ทุ่ม ท้องฟ้ามืดแล้ว ผมกับเพื่อนเริ่มหิว เพื่อนให้ผมไปซื้อไก่ย่างยูซุป (จิระพันธ์) ซึ่งขายอยู่หน้าแมคโดนัลด์มากิน เพราะการตรึงกำลังระหว่างมวลชนกับทหารยังคงดำเนินไปอย่างปกติ ยังมีการใช้มวลชนสัมพันธ์ประกาศเจรจา และมวลชนก็ตอบโต้โดยการตะโกนด่ากลับเป็นช่วงๆเท่านั้น อย่างไรก็ตามหากพิจารณาจากมวลชนที่อยู่บริเวณนี้ ผมก็ไม่แน่ใจว่าจะต้านทหารได้หรือไม่ หากทหารลงมือปฏิบัติการจริงเต็มรูปแบบ แต่ขณะนี้ ทางกลุ่มเสื้อแดงได้นำรถกระบะ รถเก๋งต่างๆ มาปิดกั้นหน้ารถถังเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หากจะบุกเข้ามาจริงก็คงไม่ง่ายนัก

ผมไปซื้อไก่ย่างยูซุปกับข้าวเหนียว แล้วาปูผ้าพลาสติกนั่งกินกับเพื่อนอีกสองคน

เรารีบกินอย่างมาก เพราะไม่รู้ว่าเฮลิคอปเตอร์จะมาโปรยแก๊สน้ำตาอีกหรือเปล่า? แต่คิดว่าค่ำแล้ว ฟ้ามืด อาจจะเลิกปฏิบัติการฝนหลวงไปแล้ว

แต่ไม่ทันจะขาดคำ ขณะที่กินข้าวเหนียวไก่ย่างไปได้ไม่ถึงครึ่งห่อ เฮลิคอปเตอร์บินมาอีกแล้ว ทัศนวิสัยจากพื้นดินมองไปบนท้องฟ้าได้ยากขึ้น

เรามองเห็นเพียงแสงสีเขียนที่กระพริบอยู่ใต้ท้องเครื่องบินเป็นจุดสังเกต เท่านั้น ทันทีทันใด ผมมองเห็นประกายแสงสีส้มจากท้องฟ้า ซึ่งเป็นการจุดระเบิดแก๊สน้ำตานั้นเอง สายควันยาวยังคงพอสังเกตมองเห็นทิศทางของแก๊สน้ำตาท่ามกลางความมืดได้

ผมกับเพื่อนรีบเก็บสัมภาระหนีแตกกระจายออกห่างจากจุดที่แก๊สน้ำตาตกมาอีกครั้ง

ไอ้ห่า! บัดซบฉิบหาย ไม่คิดเลยว่าค่ำมืดแล้ว ทหารยังใช้แก๊สน้ำตาจากฟ้าอีก ซึ่งมันอันตรายถึงชีวิตทีเดียวหากโดนมันเข้า เสียงสังกะสีร้านค้าด้านวารสารเมืองโบราณดังโพละเสียงดัง จากการตกกระทบของระเบิดแก๊สจากอากาศ

ผู้ชุมนุมเริ่มชุมนุมหลบแก๊สน้ำตา กระจัดกระจายอีกครั้ง 

 

7.

ระหว่างการชุลมุนรอบใหม่เกิดขึ้นนี้ เพื่อนผมที่นั่งกินไก่ย่างด้วยกัน เตรียมพร้อมเต็มที่ เขาเอาหมวกกันน็อกจากมอเตอร์ไซค์ที่ขี่มามาใส่เตรียมพร้อม พร้อมถือไม้ที่หาได้บริเวณนั้นในมือ และเตรียมขวดเปล่าเอ็มร้อยห้าสิบที่เก็บได้บริเวณนั้นใส่กระเป๋าเอาไว้ เตรียมปา โดยไม่ลืมเอาให้ผมถือไว้ด้วยขวดหนึ่ง

ทหารบุกเข้ามาตามช่องว่างที่รถกั้นเอาไว้ได้ ตั้งแผงยืนเรียงเป็นตับด้านหน้าฟุตบาตแมคโดนัลด์แล้ว มวลชนที่อยู่บริเวณนั้นหนีกระจายไปด้านหลัง แต่บางส่วน ซึ่งเป็นผู้ชาย และมีเพื่อนผมรวมอยู่ด้วย ออกไปประจันหน้ากับทหารโดยตรง กลุ่มผู้ชุมนุมปาขวดน้ำเข้าใส่ทหาร ขณะที่ทหารรุกคืบเข้าตะลุมบอนกับผู้ชุมนุมแล้ว

เสียงยิงปืนกระสุนยางขู่ดังขึ้น เฮลิคอปเตอร์ก็ยังระดมปล่อยระเบิดแก๊สน้ำตาเข้าใส่ แต่บางครั้งก็โดนทหารด้วยกันเอง ทว่าพวกทหารส่วนใหญ่มีหมวกและอุปกรณ์กันแก๊สน้ำตาพร้อมอยู่แล้ว

ฝ่ายผู้ชุมนุมเสื้อแดง ที่อนุสาวรีย์บางส่วนยิงประทัด พลุ วี๊ดบึ้ม ขู่เฮลิคอปเตอร์ตอบโต้เป็นระยะเช่นกัน

ในช่วงเวลานี้ ผู้ชุมนุมกรูเข้าไปปะทะกับทหาร พอมีเสียงปืนรัวก็ก้มตัวและถอยออกมาด้านหลัง แต่พอหยุดก็โหมเข้าไปใหม่จนมั่วไปหมด

ผมไม่มีเวลาสังเกตเหตุการณ์ตรงหน้ามากนัก เพราะมัวแต่มองท้องฟ้าว่า คอปเตอร์จะปล่อยระเบิดแก๊สน้ำตามาเมื่อไหร่ พอเห็นแสงไฟสีส้ม ก็ตะโกนบอกผู้ชุมนุมให้ระวังจุดที่ระเบิดแก๊สน้ำตาตกลงมา

ทีมงานดับแก๊สน้ำตาภาคพื้นดิน พยายามอย่างหนัก พอระเบิดแก๊สน้ำตาตกลงมา ก็รีบเข้าไปตะครุบเอาน้ำดับแล้วเอาผ้าปิดถังครอบต่างๆ เพื่อลดอานุภาพของแก๊สน้ำตาให้มากที่สุด

ดูเหมือนว่าในช่วงค่ำนี้ เป้าหมายในการปล่อยแก๊สน้ำตาจะผิดพลาดเป้ามากขึ้น ทั้งแรงลม และด้วยทัศนวิสัยที่แย่กว่าเดิม เสียงปืนจากบริเวณรอบที่ดังมาจากแยกสตรีวิทย์และคอกวัว ดังระงม เข้าสู่สถานการณ์สู้รบเต็มรูปแบบ

 

8.

เมื่อทหารเข้าปะทะกับผู้ชุมนุม เสียงปืนดังรัวเป็นชุดๆ แต่ผู้ชุมนุมจำนวนมากกลับกรูเข้าไปหาทหาร บางช่วงก็ถอยกลับ บางครั้ง ผมลังเล เดินเข้าไปใกล้แนวปะทะ แล้วก็ถอยออกมาอีก ใจหนึ่งก็อยากจะเอาขวดเอ็มร้อยห้าสิบที่เพื่อนมอบให้ไว้ก่อนหน้านี้ เข้าไปขว้างใส่ทหารบ้าง แต่ก็ไม่กล้าปา เพราะกลัวจะไปโดนผู้ชุมนุมด้วยกัน

ผมกับเพื่อนอีกคน โดนแก๊สน้ำตาชุดหลังที่ตกลงมาจากฟ้าอย่างเต็มรัก พากันถอยไปยังตึกฟากตรงข้าม ควานหาน้ำล้างตา ทั้งไอ อ๊วก น้ำหู น้ำตาไหลอย่างหนัก แก๊สน้ำตาทำให้ผิวหน้า คอ แสบร้อน และเกิดอาการอาเจียน สำลักไอ เราจึงเดินกลับไปที่อนุสรณ์สถาน 14 ตุลาฯ เพื่อสมทบกับกลุ่มเพื่อนนักกิจกรรมอีกกลุ่ม ซึ่งพวกเขาปะทะอยู่บริเวณแยกคอกวัวก่อนหน้านี้ แต่ตอนนี้ได้มาพักหลบอยู่ในสวนอนุสรณ์สถานแล้ว

ผมขอบุหรี่เพื่อนคนหนึ่งสูบ รู้สึกควันบุหรี่จะช่วยให้อาการดีขึ้น เหงื่อและน้ำเปรอะเปื้อนโซมทั้งตัว รู้สึกล้าไปหมด ขณะที่เสียงปืน เสียงระเบิด การปะทะยังคงดังระงมไปทั่วบริเวณ เฮลิคอปเตอร์ยังบินอยู่เหนือหัวพวกเรา

พวกเราที่อยู่ในสวนอนุสรณ์สถานบางส่วนยืนดูเหตุการณ์แยกคอกวัว อยู่ตลอด

เพื่อนคนหนึ่งในกลุ่ม ถูกยิงด้วยกระสุนยางที่แขน ต่อมาจึงได้ทราบว่า กระดูกแขนของเขาร้าว กระสุนยางถ้าหากถูกบริเวณสำคัญก็อันตรายถึงชีวิตได้ทีเดียว

เสียงของรถหวอ พยาบาล รถมูลนิธิฯ และมอเตอร์ไซด์ของกลุ่มมวลชนเสื้อแดงเทียวรับส่งคนเจ็บจากบริเวณจุดปะทะอยู่เป็นระยะๆ

ผมได้ทราบก่อนหน้านี้ว่า แกนนำประกาศให้มวลชนที่ชุมนุมอยู่ที่ราษฎร์ประสงค์มาช่วยที่ผ่านฟ้า แต่ขณะที่การปะทะครั้งแรกนั้นยังมาไม่ถึง

 

9.

ผมหมดเรี่ยวหมดแรงจะทำสิ่งใด ได้แต่นั่งหลบมุมนิ่งๆ ใต้ความมืดด้านหนึ่งของอนุสรณ์สถาน นักศึกษาและนักกิจกรรมทางสังคมหลายคนเข้ามารวมกลุ่มกันบริเวณนี้ แน่นอน พวกเราไม่ใช่กลุ่มที่มีความสามารถจะเข้าไปปะทะกับทหารได้ จึงได้ถอยมาตั้งหลักอยู่ในบริเวณนี้

ผมมองไปยังท้องฟ้าที่มืดเหนือตึกถนนราษฎร์ดำเนิน มองเห็นแสงไฟสีส้ม 4 ดวงเหนือฟากฟ้าห่างกัน เข้าใจว่าเป็นเฮลิคอปเตอร์ที่ใช้ในปฏิบัติการครั้งนี้ ซึ่งมีทั้งหมด 4 ลำ

อย่างไรก็ตาม จากภาพเหตุการณ์ที่เห็น ผมไม่อาจบอกเล่าได้ทั้งหมด ได้แต่รู้สึกนับถือต่อหัวใจมวลชนเสื้อแดง รวมทั้งเพื่อนของผม ที่เข้าไปลุยปะทะอยู่ทางด้านหน้านั้น ผมไม่ใช่คนที่มีความสามารถจะต่อสู้แบบนั้นได้เลยจริงๆ จึงทำได้แต่ภาวนาให้ทุกคนปลอดภัย

ผมพยายามโทรบอกเพื่อนหลายคนที่อยู่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยว่า หากไม่ไหวให้หลบมาที่อนุสรณ์สถาน ภายหลังเพื่อนผู้หญิงคนหนึ่งโทรมาบอกว่า ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยสถานการณ์เริ่มนิ่งลงแล้ว คนเยอะมาก และกลุ่มมวลชนจากราษฎร์ประสงค์ได้มาถึงแล้ว

ผมกลับไปที่แยกอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยอีกครั้ง รถถังทหารและมวลชนเสื้อแดงยังประจันหน้ากันอยู่ แต่กลุ่มทหาร ซึ่งตอนแรกบุกเข้ามาในพื้นที่ด้านหน้าอนุสาวรีย์ได้ถอยกลับไปด้านหลังแล้ว

คุยกับเพื่อนที่ลุยอยู่แนวหน้านั้น บอกว่า พวกเขาได้เขาลุยกับทหารปะทะกัน จนทหารถอยกลับไปหลังแนวแล้ว เขาบอกว่าคนเสื้อแดงไม่ยอมถอยเลยจริง ทหารแม่งก็ยิงกระสุนมาก็ยังบุกเข้าไป แต่เขาเห็นว่าที่ทหารถอยกลับไปเพราะเพราะกลัวระเบิดขวด ซึ่งมีคนทำแล้วปาใส่ทหารทำให้เกิดไฟลุกติด จนเสียแนวต้องหลบกลับไปหลังรถถังอีก

ช่วงเวลานี้ รถมูลนิธิ รถพยาบาล โกลาหลมาก เสียงหวอ หวีด วิ่งเข้ามารับผู้บาดเจ็บในบริเวณนี้ เทียวเข้าเทียวออกหลายคัน

มวลชนเสื้อแดงได้เข้ามาอยู่ในบริเวณแยกอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยเพิ่มหนาแน่น กว่าเดิม บางคนเพิ่งเดินทางมาจากราษฎร์ประสงค์เพราะเพิ่งรู้ข่าวว่าผ่านฟ้าเกิดการปะทะ

ในระหว่างที่การปะทะนิ่งลงนั้น รถบรรทุกของแกนนำ ซึ่งผมไม่ทราบว่าใครอยู่บนรถ เข้าใจว่าเป็นคุณศรเพชร ส.ส.คนหนึ่งหรือเปล่า? พวกเขานำมวลชนจากราษฎร์ประสงค์เคลื่อนรถบรรทุกเข้ามาติดกับแนวรบด้านหน้าที่ ติดกับรถถังของทหาร

ขณะที่นายทหารยังคงคุมเชิงอยู่กันอยู่ มีเสียงปืนดังระงมขึ้นชุดหนึ่งลักษณะยิงขู่ปราม ทำให้มวลชนที่ประจันหน้าและกลุ่มที่อยู่บนรถบรรทุกระดมขว้างปาขวดน้ำเข้าไป ยังทหารเป็นห่าใหญ่ ยาวนานเกือบ 5 นาที

นายทหารเอาปืนสั้นออกมายิงขู่ขึ้นฟ้า และมีเสียงปืนดังจากทหารระรัวใส่มวลชน

มวลชนถอยออกมาเมื่อมีเสียงปืนทุกครั้ง แล้วก็กลับไปขว้างปาขวดน้ำอย่างหนักอีกอย่างชุลมุน พอมีเสียงปืนก็หลบหมอบถอยแล้วเข้าไปใหม่ เป็นอย่างนี้ตลอด

การระดมขว้างปาค่อนข้างโกลาหล มีเสียงระเบิดหนักๆ ไม่รู้ว่าเกิดจากระเบิดชนิดใด มองเห็นไฟลุกด้านหลังทหาร ซึ่งอาจเกิดจากระเบิดขวด รถพยาบาลยังคงเปิดหวอวิ่งเข้ามารับผู้บาดเจ็บ ซึ่งถูกหามออกจากแนวหน้าเป็นระยะๆ

 

10.

ในช่วงนี้เวลาประมาณสองทุ่มกว่า เฮลิคอปเตอร์หยุดปฏิบัติฝนหลวงโปรยระเบิดแก๊สน้ำตาแล้ว

การปะทะทางด้านหน้า ดูเหมือนทำให้ฝ่ายทหารเองก็เสียหายเช่นกัน ระหว่างนั้นเพื่อนผมที่อยู่แนวหน้าโทรมาถามว่าผมอยู่ไหน

ผมบอกอยู่ด้านหลังอนุสาวรีย์ฯ เขาเดินมาหาผม ยังคงใส่หมวกกันน็อกและมีไม้อยู่ในมือ พร้อมกับบอกผมอย่างตระหนกและสะเทือนใจว่า หลังการปะทะเมื่อครู่นี้ คนที่อยู่ข้างๆเขาถูกยิง ภาพที่เห็นคือ สมองไหลออกมากองอยู่กับพื้น หัวกะโหลกแหว่งหายไปเกือบครึ่งหนึ่ง ไม่รู้ว่าถูกยิงตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่มองอีกทีเห็นกองอยู่บนพื้นแล้ว

เพื่อนผมคนนี้เป็นผู้ชายที่ค่อนข้างบู๊แต่ดูเหมือนเขาจะสลดใจกับเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้น

ขณะที่ทางด้านหน้า แกนนำบนรถบรรทุกเริ่มบอกให้หยุดปะทะ บอกผู้ชุมนุมให้หยุดปาขวดน้ำ และในช่วงชุมนุมเดียวกันนั้น ดูเหมือนจะมีปืนยิงมาจากด้านบนตึกโรงเรียนสตรีวิทย์ ซึ่งทำให้มวลชนที่กรูเข้าไปหาทหารในตอนแรกโดยไม่กลัวกระสุนปืนยาง ต้องถอยหลบออกมาไกลจากจุดปะทะมากพอควร

เสียงปืนยังดังอยู่ ผมกับเพื่อนที่อยู่แนวหน้าหนีหลบออกมาให้ไกลที่สุดหาที่บังทางหน้าตึกของถนนอีกฝั่ง

เรามองเห็นกระสุนปืนที่ยิงมาจากบนตึก กระทบกับปีกอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยหลายนัด รัวเป็นชุด มองเห็นเศษอิฐหินบนปีกอนุสาวรีย์กะเทาะออก และมีฝุ่นคลุ้ง เพื่อนผมและคนที่หลบอยู่ใกล้กันเนื้อตัวเปียกเปื้อนคุยกันว่ามันยิงมาจากบนตึก

มวลชนจึงกระจายหนีออกมาด้านหลังให้ไกลจากกระสุนปืนมากที่สุด

ขณะที่แกนนำบนรถบรรทุกเคลื่อนรถย้ายออกมาอีกฝากหลังอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยแทน เพื่อให้ห่างแนวยิง และบอกกับทหารให้หยุด บอกชุด "ลอบยิง" จากบนตึกให้หยุดฆ่าประชาชน

มีคนที่ใช้เลเซอร์แสงไฟสีเขียวฉายไปตามบนมุมตึก เพื่อนผมบอกว่าเห็นเป็นเงาๆ แต่ผมมองไม่เห็น แกนนำและหลายคนเข้าใจว่าทิศทางของกระสุนมาจากบริเวณนั้น

ส่วนทางด้านล่างรถพยาบาล ยังคงวิ่งเข้าออกระงม

ผมบอกกับเพื่อนว่า จะกลับไปที่อนุสรณ์สถาน ด้วยความสัตย์จริง ผมเริ่มงุนงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มันมั่วไปหมด เราไม่อาจรู้ได้เลยว่ากระสุนที่ยิงจากบนตึกใครยิงลงมา เป็นทหารหรือเปล่า หรือจะเป็นกลุ่มอื่น ผมเชื่อว่าผมคงไม่ได้ทำอะไรที่เป็นประโยชน์ต่อมวลชนเสื้อแดงได้มากกว่านี้ จึงกลับไปรวมกับเพื่อนที่อนุสรณ์สถานที่อีกครั้ง

 

11.

การปะทะที่หน้าแยกคอกวัว ยังคงมีการระดมยิงกันอยู่ตลอด เสียงระเบิดหนักๆเป็นช่วงๆ ซึ่งผมไม่รู้ว่าเกิดจากอาวุธชนิดไหนแน่  เพื่อนผมที่ก่อนนี้ไปลุยอยู่แยกคอกวัว บอกว่าเขาได้ถ่ายภาพทหารติดอาวุธ และเห็นอาวุธ กระสุนทหารจำนวนมาก การลอบยิงจากบนตึกบริเวณแยกคอกวัวก็มีเช่นกัน ซึ่งเขาย้ำให้ผมแน่ใจว่าบนตึกเป็นคนของฝ่ายทหารแน่นอน

นอกจากนี้ เขาเชื่อว่าในช่วงค่ำนี้ ฝ่ายเสื้อแดงเองก็มีคนที่ติดอาวุธมาด้วย ซึ่งพวกเราไม่ควรจะออกไปเสี่ยงแล้ว คอยช่วยคนเจ็บก็พอ ส่วนเรื่องการปะทะปล่อยให้คนที่เขาถนัดทำกันเอง

ส่วนตัวผม ผมเห็นและรู้สึกถึงความพยายามของมวลชนที่เข้าปะทะกับทหารอย่างมาก นักถือในน้ำใจพวกเขา แม้ว่าพวกเขาจะถูกบีบ ถูกลดทอนความเป็นคน ถูกดิสเครดิตว่าเป็นพวกนิยมความรุนแรง

แต่อย่างไรก็ตาม ในช่วงการชุมนุมที่ผ่านมา เราได้ใช้สันติวิธีอย่างที่สุดแล้ว และได้แสดงให้เห็นประจักษ์แล้ว การกดบีบจากรัฐบาล โดยอาศัยการปลุกระดมสื่อ ยึดทีวี ปิดวิทยุชุมชม กระทั่งใช้ทหารและกองทัพออกมาปิดล้อมปราบประชาชนที่อยู่ในที่ตั้ง ผมคิดว่าโดยตรรกะเหล่านี้ มวลชนเสื้อแดงซึ่งเรียกร้องประชาธิปไตย โดยการยุบสภาตามกรอบรัฐธรรมนูญ มีสิทธิชอบธรรมที่สังคมควรจะรับฟัง ในการตอบโต้การล้อมปราบ

เหตุการณ์เมษาเลือดในปีที่แล้ว เป็นบทเรียนให้ผมและพวกเขาเข้าใจดี ถึงความ "อำมหิต" โหดเหี้ยมของทหารที่ออกมาปฏิบัติการเหล่านี้ดี

ในการต่อสู้ครั้งนี้ ไม่ว่าผลจะเป็นอย่างไร และพวกเขาจะถูกป้ายสีอย่างไรก็ตาม  ผมขอคารวะของจิตวิญญาณการต่อสู้ของมวลชนเสื้อแดงทุกท่านอย่างจริงใจ

 

ขอรับการคารวะจากผมครับ

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท