Skip to main content
sharethis
 
19 เม.ย.53 เวลาประมาณ 21.00 น. สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย (เอ็นบีที) มีรายการสัมภาษณ์พิเศษนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี โดยมีนายแทนคุณ จิตต์อิสระ เป็นผู้ดำเนินรายการ
 
นายอภิสิทธิ์ได้ชี้แจงถึงการปรับเปลี่ยนให้ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) มาเป็นผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) ว่าเป็นไปเพื่อความเหมาะสมที่จะให้สายการบังคับบัญชากระชับและเข้มข้นมากขึ้น โดยฝ่ายนโยบายก็ยังมี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ กำกับอยู่ ศอฉ.ประกาศชัดเจนว่าไม่ต้องการเห็นการบุกรุกสร้างความเดือดร้อนเพิ่มเติมให้ประชาชน และพูดชัดเจนว่าจะไปถึงไหน ระดับไหน เป็นเรื่องที่ฝ่ายประจำตัดสินใจได้เพื่อแก้ปัญหาความมั่นคง ส่วนในภาพรวมนายสุเทพก็ดูแลอยู่ ส่วนเรื่องการเมืองตนก็ยังดูอยู่แต่ไม่ว่าคำตอบทางการเมืองจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร การใช้กฎหมายก็ยังต้องดำรงอยู่ วันนี้คนที่ไม่เห็นด้วยกับการยุบสภาก็ออกมา เพราะเขามองว่าถ้าปล่อยให้ใช้กำลังข่มขู่ให้เปลี่ยนแปลงทางการเมืองโดยไม่สนใจกฎหมายก็จะไม่เป็นสังคมประชาธิปไตย เป็นปัญหาในระยะยาว
 
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า สำหรับพื้นที่ราชประสงค์ รัฐบาลมีหน้าที่ต้องคืนสิ่งนี้ให้เป็นปกติแต่เป็นไปด้วยความยากลำบากขณะนี้เหมือนคน 2 กลุ่มถูกจับเป็นตัวประกัน กลุ่มแรกคือคนกทม.และภาคธุรกิจ กลุ่มที่สองคือ กลุ่มที่ไปชุมนุมเพราะมีความเดือดร้อน และกลายเป็นโล่กำบังให้กับแกนนำซึ่งความเป็นอยู่ก็ต่างกับผู้ชุมนุมพอสมควร ถ้าจะให้ง่ายก็ต้องปลดเงื่อนไขตรงนี้ วันนี้ตนเองก็ยังทำงานตามปกติ เรากำลังจะมีมาตรการช่วยเหลือผลกระทบจากราชประสงค์ก่อน กลุ่มแรกคือ บรรดาลูกจ้างที่ขาดรายได้จากการปิดกิจการ แต่เรื่องที่ใหญ่กว่าคือเอาพื้นที่คืนต้องบังคับใช้กฎหมาย
 
ผู้ดำเนินรายการถามว่าจะแยกผู้ชุมนุมกับผู้ก่อการร้ายอย่างไร นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ภาพเหตุการณ์ต่างๆ ค่อนข้างชัดเจน การดึงแยกออกมาเป็นความรับผิดชอบของรัฐบาลที่จะต้องสื่อสารให้เขาเข้าใจ และทั้งสังคมต้องช่วยกันสื่อสารว่ารัฐบาลต้องจัดการกับคนที่ใช้อาวุธ แต่จะตอบสนองกับคนที่มีเหตุมีผล เราทราบว่าคนส่วนใหญ่อยากให้มันจบเร็ว ใครก็อยากให้จบเร็วที่สุด แต่ต้องคำนึงถึงสภาพความเป็นจริง ประสิทธิภาพ ความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากวิธีการ คงบอกตารางเวลาไม่ได้ แต่เจ้าหน้าที่คงดูวิธีที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดและเสียหายน้อย แต่การขีดเส้นกันคงไม่เป็นผลดีและเป็นการกดดันเจ้าหน้าที่ ตอนนี้ฝ่ายความมั่นคงก็ชี้แจงเป็นลำดับว่าการเผชิญกับกองกำลังใช้อาวุธต้องใช้อะไรบ้าง สังคมต้องช่วยกันให้เขาทำงานได้ภายใต้ภาวะแวดล้อมที่เอื้อต่อความสำเร็จของงาน
 
ผู้ดำเนินรายการถามว่ามีคนพูดว่านายกฯ สุภาพบุรุษเกินไปไหม ช้าเกินไปไหม นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ปัญหาคือมีคนหลายกลุ่ม คนที่นั่งชุมนุมที่เป็นชาวบ้านคือเพื่อนร่วมชาติ นักการเมืองหลายคนในนั้นร่วมขบวนเพราะความเชื่อทางการเมือง แต่บางคนอาจมีเจตนาแอบแฝง และบางส่วนเชื่อมโยงถึงการใช้กำลัง แต่เราจะบอกว่าทุกกลุ่มปฏิบัติเหมือนกันหมดเป็นไปไม่ได้ คนที่เขามีข้อเรียกร้องเป็นประชาชนธรรมดาเราต้องดูแลเขา
 
เมื่อถามว่าจะสื่อถึงญาติผู้เสียชีวิตอย่างไรเพราะหลายคนเข้าใจผิด นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า อยากให้ความจริงได้รับการพิสูจน์ และยืนยันว่ากองทัพ เจ้าหน้าที่ทหารที่ปฏิบัติหน้าที่ต้องได้รับการยกย่องว่าทำแบบมืออาชีพ ตามกฎกติกาสากล ไม่เช่นนั้นคงไม่มีความสูญเสียของทหารมากเช่นนี้ ต้องเปิดใจให้เป็นธรรม ส่วนการแก้ปัญหาเรื่องยุบสภา ตนก็ย้ำมาตั้งแต่ต้นว่าถ้ายุบแล้วบ้านเมืองแตกแยกมากขึ้นและไม่แน่ใจว่าจะได้สิ่งที่ฝ่ายต่างๆ ต้องการ ระบอบประชาธิปไตยจะมีปัญหา นี่ไม่ใช่เรื่องยื้อเวลา แต่กลุ่มที่ออกมาเคลื่อนไหวว่าไม่ยุบสภาเขาคำนึงถึงบ้านเมืองในอนาคตไม่ใช่เรื่องของรัฐบาล ส่วนข้อเรียกร้องที่มีต่อตนเองนั้นความจริงต้องพิสูจน์ออกมา
 
ผู้ดำเนินรายการกล่าวว่าผู้ชุมนุมมีแก้วสามประการทั้งมวลชน นักการเมืองและกองกำลัง ตอนนี้ยังพยายามบีบบังคับพรรคร่วมอีก นายกฯ ค่อนข้างโดดเดี่ยวไหม นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า วันนี้ประชุมก็ยังคณะรัฐมนตรี (ครม.) ด้านเศรษฐกิจ ซึ่งพรรคร่วมก็ประชุมด้วยตามปกติ ทุกคนทราบว่าเรามีหน้าที่แก้ไขปัญหาของบ้านเมือง เข้าใจดีถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน เมื่อถามว่าช่วงนี้นายกฯ ดูเหมือนหายไป อภิสิทธิ์กล่าวว่า เป็นการทำงานที่เรียกว่าต่อเนื่องไม่ได้หยุด แต่สถานการณ์ที่เรียกว่าฉุกเฉินร้ายแรงนั้นไม่ใช่ผู้นำต้องปรากฏตัวตลอดเวลา วันนี้ก็ไม่ได้ใช้ทีวีพูล เพราะจะเอาไว้อธิบายเรื่องสำคัญๆ ส่วนที่ต้องอยู่ที่นี่ (กรมทหารราบที่11) ก็เพื่อไม่ให้สร้างเงื่อนไขในการเผชิญหน้ากันอีก
 
ผู้ดำเนินรายการกล่าวว่า อยากให้เชิญชวนผู้ชุมนุมบางส่วนที่ยังไม่รู้ว่าถูกชักจูงให้กระทำการที่อาจระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาท นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนก็ไม่สบายใจที่มีเรื่องนี้คาบเกี่ยวกับการชุมนุมมาตลอด มีสื่อที่ก้าวล่วงสถาบันของชาติ แม้แต่ผู้นำทางการเมืองบางคนก็เริ่มพูดก้าวล่วงไปเรื่องอื่นแล้ว เราไม่ควรยอมรับสนับสุนนสิ่งเหล่านี้
 
ผู้ดำเนินรายการแสดงความเห็นว่าดูเหมือน พล.อ.อนุพงษ์ก็ล้วงลูกฝ่ายการเมืองอยู่บ้าง เช่นบอกให้แก้การเมืองด้วยการเมือง นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ความจริงก็พูดตรงกัน ส่วนของการเมืองก็ต้องไปว่ากัน แต่เรื่องความมั่นคงท่านก็ต้องรับผิดชอบ

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net