Skip to main content
sharethis

วันนี้ (22 เม.ย.) เวลา 19.00 น. ณ ศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) กรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงการแก้ไขสถานการณ์การชุมนุมว่า ขณะนี้เหตุการณ์ที่กลุ่มคนเสื้อแดงกักตัวเจ้าหน้าที่ทหารและยึดรถลำเลียงอาวุธยุทโธปกรณ์ของกองทัพที่จังหวัดขอนแก่นได้คลี่คลายแล้ว

มาร์คลั่นมุ่งมั่นบังคับใช้กฎหมายพร้อมกับแก้ปัญหาการชุมนุม
พร้อมๆ กันนั้นในส่วนของการบังคับใช้กฎหมายทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับกุมตัวนายเมธี อมรวุฒิกุล นักแสดงและนายแบบ ในข้อหาครอบครองอาวุธที่ได้จากกองทัพ ขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบสวน
 
นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ทั้งนี้ขอยืนยันว่ารัฐบาลยังมุ่งมั่นในการที่จะบังคับใช้กฎหมายควบคู่ไปกับการแสดงให้เห็นว่ายังมีปัญหาอยู่ค่อนข้างมาก จากการที่มีบุคคลที่ร่วมเคลื่อนไหวกับกลุ่มคนเสื้อแดงอย่างชัดเจน ถูกจับกุม มีการครอบครองอาวุธ และเมื่อจับกุมเสร็จกลุ่มคนเสื้อแดงกลับพยายามที่จะปฏิเสธว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดง ซึ่งตรงนี้ก็มีประเด็นที่ตามมามากมาย
 
นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า รัฐบาลมีความห่วงใยเหตุการณ์ปะทะกันระหว่างกลุ่มคนเสื้อแดงกับประชาชนย่านสีลม ที่บริเวณศาลาแดงต่อเนื่องมาถึงพื้นที่ที่มีการชุมนุม เพราะฉะนั้นวันนี้ได้มีการกำชับและปรับแนวปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ที่ให้สามารถแยกกลุ่มคนสองกลุ่มให้ออกจากกันให้ได้ชัดเจน เพื่อไม่ให้เกิดความเสี่ยงต่อการที่จะมีการปะทะกัน อีกทั้งตนยังเดินหน้าในการแก้ไขปัญหาในด้านอื่น ๆ เช่น ปัญหาที่เป็นปัญหาเรื้อรัง ปัญหาโครงสร้างก็ได้มีการปรึกษาหารือกับเครือข่ายของประชาชนและภาคประชาสังคมในการที่จะเดินหน้าอย่างต่อเนื่อง และในส่วนของการแก้ปัญหาทางการเมืองนั้น ขอยืนยันว่ามีความพยายามอย่างต่อเนื่องในการที่จะหาคำตอบทางการเมืองต่อสถานการณ์ควบคู่ไปกับการแก้ปัญหาทางด้านความมั่นคง
 
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่สภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ทางออกโดยให้รัฐบาลเร่งผ่านความเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 และให้รัฐบาลประกาศกำหนดวันยุบสภา นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ความจริงก็ตรงกันที่ว่าการยุบสภาไม่ควรจะเกิดขึ้นก่อนที่งบประมาณจะผ่าน และเรื่องงบประมาณผ่านก็ไม่ได้เกี่ยวกับการจะใช้งบประมาณ แต่เป็นการทำให้การบริหารงบประมาณเป็นไปตามปฏิทิน เพราะฉะนั้นตรงนี้ก็ไม่ได้มีอะไรขัดแย้งกันอยู่แล้ว ทั้งนี้ตนได้เร่งรัดกระบวนการงบประมาณอยู่ ซึ่งเมื่อวานนี้ได้เรียกประชุมสำนักงบประมาณและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพราะจะปรับแผนทั้งหมด ทั้งในเรื่องงบประมาณ ปี 2554 กับพระราชบัญญัติและพระราชกำหนดไทยเข้มแข็ง ทั้งในส่วนที่ค้างอยู่ในสภาฯ และเงินที่ยังไม่ได้ออกไป ซึ่งทุกอย่างจะหาข้อยุติในการประชุมคณะรัฐมนตรีวันที่ 27 เมษายนนี้
 
 
อ้างการข่าวเสื้อแดงมีอาวุธแน่นอน และ ‘ชุดขาว’ จะมาแทน ‘ชุดดำ’
ผู้สื่อข่าวถามว่า ตอนนี้จะจัดลำดับความสำคัญในการแก้ปัญหาของประเทศอย่างไร นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า คิดว่าประการแรกคือลดปัญหาความไม่สงบหรือความเดือดร้อนจากประชาชนที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะการเคลื่อนไหวในภูมิภาคต่างๆ จะอาศัยกฎหมายปกติ ไม่มีความจำเป็นต้องใช้กฎหมายพิเศษ การเคลื่อนไหวของผู้ชุมนุมจะให้จำกัดอยู่ในพื้นที่ สำหรับการแก้ปัญหาพื้นที่ราชประสงค์นั้นเป็นเรื่องที่ต้องระมัดระวัง เนื่องจากการเตรียมการที่มีทั้งอาวุธปะปนกับเด็กและผู้หญิง และจากการข่าวยืนยันว่ามีอาวุธแน่นอน และกลุ่มคนที่ไม่ใช่เฉพาะที่ตั้งด่าน 6 ด่าน หลังชุดที่ตั้งด่านมีชุดขาวที่จะมาแทนชุดดำ เพราะฉะนั้นไม่ใช่เรื่องที่เราจะสามารถไปดำเนินการอะไรโดยไม่รัดกุมได้ และหากผู้ชุมนุมยืนยันว่าไม่มีอาวุธ ก็อยากให้มีคณะบุคคลที่เป็นคนกลางเข้าไปตรวจสอบว่ามีอาวุธจริงหรือไม่ เพื่อจะได้สบายใจกันทุกฝ่ายว่าเป็นการเคลื่อนไหวอย่างที่กล่าวอ้างกันจริงๆ
 
ผู้สื่อข่าวถามว่า แสดงว่ารัฐบาลจะไม่มีการสลายการชุมนุม แต่จะเน้นเรื่องการบังคับใช้กฎหมาย นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนไม่ได้พูดว่าจะทำอะไร หรือไม่ทำอะไร เพราะเราต้องการบังคับใช้กฎหมาย และต้องการที่จะคืนความเป็นปกติ เพียงแต่เสียงเรียกร้องของฝ่ายต่าง ๆ ซึ่งตนคิดว่าขณะนี้สังคมก็แสดงออกชัดเจนมากยิ่งขึ้นว่าปัญหาการเมือง ปัญหาความไม่เป็นธรรมก็แก้ไขกันไป แต่ไม่ใช่การมาเคลื่อนไหวด้วยวิธีนี้ที่ไม่ถูกต้องและมีผสมผสานกับปัญหา เรื่องการก่อการร้าย เพราะฉะนั้นตรงนี้ต้องเดินหน้าทำต่อ เพียงแต่เสียงเรียกร้องที่มาจากคนที่อาจจะเริ่มหมดความอดทน ตนก็เพียงแต่อธิบายให้ทราบว่ามีปัจจัยหลายอย่างที่เราต้องระมัดระวังเป็น พิเศษ อย่างมีอาวุธปะปนกับผู้หญิงและเด็ก ไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ ที่จะแยกออกจากกัน
 
“เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในขณะนี้ ผมคิดว่าทุกอย่างมันเป็นการจัดการ ไม่ใช่ต่างคนต่างทำเพราะฉะนั้นแกนนำต้องรับผิดชอบกับทุกสิ่งที่เกิดขึ้น และยิ่งเกิดกรณีของนายเมธีที่เขามาพูดว่าไม่ได้เกี่ยวข้องนั้น มันทำให้ความเชื่อถือในการที่จะพูดคุยมันทำได้ยาก ผมว่าคนก็รับรู้การเคลื่อนไหวร่วมกันมาตลอด ขณะเดียวกันก็เป็นตัวสะท้อนว่าในที่สุดจะไม่มีใครรับผิดชอบใคร ใครทำอะไรก็ต้องรับผิดชอบด้วยตัวเองหมด และผมคิดว่าการเจรจาแบบที่เคยเห็นที่ศูนย์ราชการนั้นคงยากเพราะสถานะของ บุคคลต่าง ๆ เปลี่ยนไป แต่ไม่ได้หมายความว่าเราไม่หาคำตอบทางการเมือง การหาคำตอบทางการเมืองก็ทำได้โดยรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง ยืนยันว่ารัฐบาลไม่ได้เพิกเฉย” นายกรัฐมนตรีกล่าว
 
 
ไม่ยืนยันแก้ปัญหาทางการเมืองก่อนหรือหลังเคลียร์ราชประสงค์
ผู้สื่อข่าวถามว่า คำตอบทางการเมืองที่จะนำไปสู่การตัดสินใจควรจะเกิดขึ้นหลังจากที่พื้นที่ราชประสงค์กลับสู่ภาวะปกติแล้วหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คงจะไปบอกว่าเกิดหลังเกิดก่อนเกิดพร้อมคงไม่ใช่ เพราะคำตอบทางการเมืองที่ว่าไม่ว่าคำตอบจะเป็นอย่างไรจะต้องเป็นคำตอบซึ่ง ยืนยันหลักของการเป็นนิติรัฐ และการไม่ให้มีการใช้วิธีการของการก่อการร้ายหรือข่มขู่คุกคามที่นำไปสู่ความเปลี่ยนแปลง แต่ถ้าเป็นคำตอบที่เกิดขึ้นแล้วเหตุการณ์มันสงบลงได้ ก็เป็นคำตอบที่ตนคิดว่าสังคมก็คาดหวัง
 
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากสถานการณ์คลี่คลาย ประชาชนจะกลับมาใช้ชีวิตปกติอย่างไร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนคิดว่าขณะนี้เราก็กระชับสถานการณ์ไปโดยลำดับ เพียงแต่ว่าจะไปบอกว่าทันใจหรือถูกใจคนก็คงไม่ใช่ และอย่างที่บอกเจ้าหน้าที่ทุกคนตระหนักดี ว่าทุกคนก็อยากจะเห็นเร็วที่สุด แต่ทุกอย่างต้องรัดกุม
 
 
ไม่ไปตอบกระทู้ในสภาแล้ว เพราะไม่ต้องการทำตัวให้มีสถานการณ์
ผู้สื่อข่าวถามว่า ตอนนี้การเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดงเป็นกระบวนการทั้งนอกสภาฯ ในสภาฯ รวมทั้งกรณีที่พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี จะขอเข้าเฝ้าฯ ด้วย นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า อย่างที่เรียนว่าทุกอย่างมันเชื่อมโยงกันหมด และในวันนี้ตนได้ทำหนังสือเรื่องไม่ไปตอบกระทู้ในสภาฯ เพราะไม่ต้องการให้เป็นตัวที่ทำให้มีสถานการณ์มีปัญหามากขึ้นและไม่ได้หมาย ความว่าไม่สนใจการแก้ปัญหาทางการเมือง แต่ยืนยันว่าได้ติดตามการอภิปรายของส.ส.ฝ่ายค้านอยู่ตลอด และต้องขอขอบคุณที่ไม่มีอะไรลุกลามบานปลาย ตนยังทำงานในส่วนนี้อยู่ แต่ว่าเวทีและรูปแบบต้องเหมาะสม ไม่เป็นตัวที่ไปเติมเชื้อให้เกิดความขัดแย้ง เพราะถ้าไปตอบโต้กันในสภาฯ เวลานี้ ตนคิดว่าต่างฝ่ายต่างก็จะพูดสิ่งที่ตัวเองคิดว่าเป็นความจริง และจะเป็นการทำให้เกิดการเผชิญหน้ารุนแรงมากขึ้น
 
 
รับเคยขอนายกรัฐมนตรีพระราชทานจริง แต่ตอนนั้นเป็นความพร้อมใจของทุกฝ่าย
ผู้สื่อข่าวถามว่า พล.อ.ชวลิตออกแถลงการณ์ล่าสุดพาดพิงนายกรัฐมนตรีและพรรคประชาธิปัตย์ว่าเคย ร้องขอต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเกี่ยวกับการจัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า กรณีที่ตนเคยพูดเรื่องนี้เป็นกรณีที่ตนเสนอว่าเป็นความพร้อมใจของทุกฝ่าย คงต้องไปเทียบเคียงสถานการณ์กัน
 
ผู้สื่อข่าวถามว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาถือว่ารัฐบาลพยายามถึงที่สุดหรือยังในการแก้ปัญหา นายกรรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนยืนยันว่ารัฐบาลพยายามแก้ปัญหาแน่นอน เพราะไม่มีเหตุผลอะไรที่รัฐบาลจะไม่ทำ ก็ขอความเห็นใจกับทางผู้ที่รับผิดชอบงานด้านความมั่นคงโดยเฉพาะ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เพราะมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์มาก บางครั้งเราอยากให้มันรวดเร็วหรือจบลงได้ แต่คนทำงานจะทราบข้อจำกัดหลายอย่าง อาจจะไม่สามารถสื่อสารได้ตลอดเวลา แต่ตนยังไม่เห็นสัญญาณอะไรว่าผู้รับผิดชอบเหล่านั้นไม่อยากทำงาน แต่ว่าไล่ลงไปในแต่ละระดับแต่ละกลุ่มอาจจะมีปัญหาบ้างสำหรับการวิพากษ์ วิจารณ์กันเรื่องเกียร์ว่าง
 
 
เชื่อสังคมมีปัญหากับการชุมนุมที่ไม่ถูกต้อง
ผู้สื่อข่าวถามว่า มาถึงวันนี้นายกรัฐมนตรีมีความมั่นใจมากน้อยแค่ไหนกับการนำสถานการณ์กลับสู่ ภาวะปกติ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนคิดว่าสิ่งที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดที่ทำให้ตนมีความมั่นใจคือภูมิคุ้มกัน ที่สังคมให้ ตนคิดว่าขณะนี้สังคมได้ให้คำตอบชัดเจน สังคมไม่ได้มีปัญหากับประชาชนที่มาชุมนุม แต่สังคมมีปัญหากับรูปแบบวิธีการที่ไม่ถูกต้อง เพราะฉะนั้นคำตอบทางการเมืองและการแก้ปัญหาต่อไป ถ้าสังคมยืนอยู่บนหลักที่ถูกต้องตรงนี้ คิดว่าเป็นเรื่องที่น่าจะทำให้สำเร็จได้
 
ผู้สื่อข่าวถามว่า เป็นห่วงหรือไม่ว่ากระแสอาจจะตีกลับหากการชุมนุมยืดเยื้อมากไป นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เป็นเรื่องที่เราต้องพยายามทำความเข้าใจ ขอย้ำอีกครั้งว่ารับรู้ความรู้สึกร้อนใจของประชาชนโดยทั่วไป แต่ยืนยันว่าเราทำงานกันเต็มที่
 
ผู้สื่อข่าวถามว่า การออกมาเรียกร้องของคนที่ไม่เลือกสี แต่เลือกความปกติสุขของเขากลับคืนมา นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เราได้ยินเต็มที่และพยายามเต็มที่ แต่เราต้องคำนึงถึงผลทั้งในแง่ความสำเร็จ และความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้น
 
 
ที่มา: เรียบเรียงจาก
นายกรัฐมนตรีเผยการข่าวรายงานมีกลุ่มคนเสื้อขาวอาวุธครบมือแฝงในกลุ่มคนเสื้อแดง, ศูนย์สื่อทำเนียบรัฐบาล, 22 เม.ย. 53 http://media.thaigov.go.th/pageconfig/viewcontent/viewcontent1.asp?pageid=471&directory=1779&contents=44075

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net