รวมบทกวี (มีเสียง) รำลึก 10 เมษา ณ อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย

ประชาไททำหน้าที่เป็นเวที เนื้อหาและท่าที ความคิดเห็นของผู้เขียน อาจไม่จำเป็นต้องเหมือนกองบรรณาธิการ
 
รวมบทกวี (มีเสียง) รำลึก 10 เมษายน 2553 ซึ่งมีการนำไปอ่านในกิจกรรมรำลึก ณ อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคมที่ผ่านมา โดย วัฒน์ วรรลยางกูร, ไม้หนึ่ง ก.กุนที, ซะการีย์ยา อมตยา, กฤช เหลือลมัย, เดือนวาด พิมวนา, ประกาย ปรัชญา, ชัชชล อัจนากิตติ, ธิติ มีแต้ม, แก้วตา ธัมอิน, กานต์ ณ กานท์ ฯลฯ สามารถดาวน์โหลดไฟล์เสียงได้ด้านล่าง
 
 
      แดงชาติ

วัฒน์ วรรยางกูร
 
สายธารสีแดงแรงข้น                     จาก 24 มิถุนายน 2475
ผ่านระกำลำบากยากนานา                           ถึง 10 เมษา เพิ่งผ่านไป
สีแดงแห่งชาติประชาชน                 อย่าสับสนประวัติศาสตร์ชาติไฉน
แดงคือสถาบันสำคัญใน                             ธงไตรรงค์สะบัดชัดชู
ไตรรงค์ธงชาติ, ศาสน์ , กษัตริย์       พลิกประวัติศาสตร์การเมืองไทยให้
วันชาติถูกกลบล้างบแบบข้างๆคูๆ                  บอกให้รู้บิดเบือนสถาบัน 
สถาบันชาติคือประชาชน                 ถูกเหยียบป่นดูถูกหยามหยัน
โง่จนเจ็บอนาถาสารพัน                              ถูกฆ่าฟันล้มตายมาหลายยุค
            อำนาจของปวงชนไม่เคยเป็นใหญ่     ประชาธิปไตยจึงขลักขลุก
รัฐประหารจับประชามาขังคุก                       ล้มลุกแปดสิบปีที่เอือมระอา
            นี่แหละของจริงล้มล้างสถาบัน          ชาติประชาต่ำชั้นไม่มีค่า
อำมาตย์คนชั้นกลางถอยหลังล้า                   ดอกเตอร์กวีศิลปินบ้าแห่ตามกัน
            ปากรักชาติใจบอดใบ้ไม่เห็นชาติ      ผูกขาดปัญญาประเสริฐเลิศสวรรค์
ดูถูกคนยากจนแบ่งชนชั้น                           ปากเป็นมันเลียเศษข้าวศักดินา
            สาธารสีแดงแรงข้น                       จาก 24 มิถุนายน 2475
คารวะเลือดทุกหยาดชาติประชา                   แด่ 10 เมษานักสู้ธุลีดิน
            หากสถาบันชาติประชาอยู่ไม่ได้       ย่อมล่มไปทุกสถาบันพลันจบสิ้น
รักประชาร่วมฟันฟาดอำนาจทมิฬ                  สร้างไทยถิ่นเป็นประชาธิปไตย
 
 
 
เพียงแต่ยังไม่ได้ทาสี
ซะการีย์ยา อมตยา
 
บางอย่างบนเส้นทาง
ผมเดินไปเห็น บางสิ่งบนถนน
อะไรสักอย่าง ผมไม่เข้าใจ
ผมไม่เคยพบเห็น
มันดูประหลาดมาก
ผมพลันหวนคิด วันในวัยเยาว์
บางสิ่งที่ดูเหมือนจะเคยเกิด
แต่มันช่างรางเลือน
เหมือนสิ่งที่กำลังจะเกิด
และเคยเกิด
แต่ผมประกันได้เลย
ผมไม่รู้จักไอ้สิ่งที่อยู่เบื้องหน้านั่น
อยู่อยู่ความปวดร้าวจู่โจมผม
ท้ายทอยของผมเหมือนมีระฆังพันใบ
ระรัวเสียงที่สวรรค์และนรกไม่เคยรังสรรค์
ผมจะบอกอย่างไรดี ผมอธิบายมันไม่ได้
เสียงก้องทำให้หัวผมแทบระเบิด
เหมือนระดับของเหลวในหูผมไหลทะลัก
ผมรู้สึกหัวของผมโตขึ้นโตขึ้นจนบดบังทัศนวิสัย
และกีดขวางการจราจรในบัดนั้น
อะไรบางอย่างที่เห็นกำลังหยั่งรากบนผิวถนน
ขณะเดียวกันก็เห็นผู้คนต่างจ้องมองมายังผม
สายตาทั้งหลายมีความตื่นตระหนกอย่างเหลือร้าย
ผมเห็นผมในดวงตาเหล่านั้น
มันกำลังหัวร่อสิ่งแปลกปลอม
แล้วลำตัวผมอุบัติด้วยกิ่งใบ
ชูช่อเสียดฟ้าทะมึนที่กำลังตั้งเค้าพายุ
บางคนอุทานว่า ต้นไม้ยักษ์!
ที่นี้ ผมจะทำอย่างไรดี มันช่างละอาย
ร่างกายผมกำลังประจานท่ามกลางการจราจร
ผมหนาว ผมสั่น ผมหนาว ผมสั่น
ผมอยากได้ผ้านวมมาคลุมกาย
พลเมืองผู้ภักดีทะยอยไปเปิดฝากระโปรงรถ
พลันเสียงเลื่อยไฟฟ้านับร้อยแผดคำราม
กลิ่นเบนซินชวนผมคลื่นไส้
ผมอยากหนีไปจากที่ตรงนั้น
แต่รากของผมลึกเกินกว่าจะผละไป
พวกเขาละล้าละลังและหวาดหวั่นที่จะสัมผัสผิวหนังผม
แต่พวกเขาก็ทำ
ผมพยายามกรีดร้องแต่เสียงผมไม่หลุดจากปาก
ผมอยากร้องไห้แต่น้ำตากลับไหลย้อนซึมเข้าสู่กิ่งก้าน
กระดูกแตกราวผนังกระจกถูกอัดด้วยแรงฟุตบอลของวัยหนุ่ม
เปลือกผมเละยุ่ย อย่างกับโจ๊กมื้อเช้า
สายพานคมเลื่อยชำแรกเข้าที่ข้อเท้าของผม
เลือดสีขาวไหลเป็นทางบนถนนที่จะนำผมกลับบ้าน
ผมนึกถึงวันแรกที่ผมมาเยือนโลก
ต่างกันเพียงดวงตามากมายกำลังปรีดิ์เปรม
ขณะที่ร่างของผมกำลังโงนเงน
ดูพวกเขาช่างหนักแน่นและแน่วแน่
ร่างผมโค่น กระแทกลงกลางถนน!
งานฉลองใหญ่เกิดขึ้นทั่วเมือง
พลุแตกเต็มฟ้ากลางราตรี
ดวงตาพวกเขาช่างอิ่มเอม
ขณะที่เพื่อนผู้มาก่อนผมได้รับอาภรณ์เป็นดวงไฟระยิบ
ร่างของผมถูกลิดกิ่งและใบออก
ลำต้นของผมถูกตัดและซอยเป็นซี่ซี่
พวกเขาบางกลุ่มต่อรองกันว่า จะเอาท่อนแขน หรือท่อนขาดี
อีกบางกลุ่มกระโดดไปบนหลังคารถ พลางชูกำปั้น
กร้าวประกาศว่า มันน่าจะเป็นเมรุอันวิจิตรตระการ
อีกบางกลุ่มแย้งว่า แต่ทั้งหมดนี้ คืออนาคตมหาราชวังสิบหลัง
แด่ราชโอรสผู้ทรงพิสมัยเสด็จประพาสทางไกล
และพึงพระราชหฤทัยในการดื่มฤดูกาล
นับแต่นั้นมาเรื่องราวของผมถูกเล่าขาน
กลายเป็นเทพองค์หนึ่งซึ่งศักดิ์สิทธิ์
เรื่องของผมอยู่ในชามเบรกฟัสต์
ละลายอยู่ในแก้วเอสเพรสโซ
อยู่ในหน้าโซไซตี้บางกอกโพสต์
อยู่ในฝ้ายถุงเท้าปิแอร์การ์แดง
อยู่ในเน็กไทยับยู่ยี่ลายช้างเผือก
อยู่ในเบสต์เซลเลอร์ ผมจะเป็นคนดี
อยู่ในช่อการะเกดฉบับเทียบเชิญ
อยู่ในฟ้าเดียวกันฉบับข้อมูลใหม่
อยู่ในมิชลินสี่ล้อรถประจำตำแหน่ง
อยู่ในพวงมาลัยทำมือของเด็กน้อย
อยู่ในบิลบอร์ดไทยเข้มแข็งข้างทางด่วน
อยู่ในพานพุ่มหน้าทางเข้าสำนักงานใหญ่
อยู่ในกรอบไม้สักทองอันเป็นที่สักการะ!
 
จากรวมเล่มบทกวี ‘ไม่มีหญิงสาวในบทกวี’ สำนักพิมพ์หนึ่ง
 
 
ปณิธาน “ไพร่”
กานต์ ณ กานท์
10 พฤษภาคม 2553
 
เกิดอย่างไพร่ - เราจึงตายอย่างไพร่?  
ตายบนแดนศิวิไลซ์อันขื่นขม
เกิด บนดิน - ตายบนดินทุกข์ระทม      
ทับถมอยู่กับดินทั้งวิญญาณ
เกิดอย่างไพร่จึงเข้าใจใดคือทุกข์      
ใดคือสุขใครสร้างไว้ - ใครล้างผลาญ
       ใครสู้พลีตัวเป็นงัวงาน          
สร้างทิพย์วิมานเปรอปรนใคร
เกิด อย่างไพร่ - เป็นไพร่ทั้งโคตรเหง้า      
หาค่ำกินเช้ามายาไส้
หา เดือนชนเดือนตะบันไป          
ยังต้องหาเลี้ยงนายอีกหลายคน
เกิด เป็นไพร่ - ไม่ได้เกิดเป็นข้า      
ลงแรงหาเลี้ยงมาจนปี้ป่น
ก้มหัวกลัวเกรงมากี่ชั่วคน          
เหลือ จะทุกข์เหลือจะทนให้หยามใจ
เกิดเป็นไพร่ - ไม่ได้เกิดเป็นทาส  
เพียง สองมือจึงประกาศความฝันใฝ่
เพียงสองตีนจึงทวงหาอธิปไตย      
กลับ คืนเป็นของไพร่ทั้งยากดี
เกิดเป็นไพร่ - ไม่ได้เกิดเป็นทาส  
จะทายท้าทุกอำนาจเคยกดขี่
กี่ กระบอกปืนมาจะต่อตี          
จะพลิกดินผืนนี้ให้ไพร่เดิน
เกิด เป็นไพร่ - จะขอตายอย่างไพร่
ไม่ร้องขอเกียรติ-ยศใดมาสรรเสริญ
เกิด อย่างไพร่ - ตายให้ไพร่ได้ก้าวเดิน
  
เป็นเชิงเทินทัพหน้าประชาชน
เกิดอย่างไพร่ - พี่น้องจึงตายเพื่อไพร่  
อีกแสนล้านอสงไขยทุกแห่งหน
ตายปลุกไพร่ ขึ้นเป็นไททุกผู้คน          
ลุกราวีอภิชนทุกชั้นไป
ขอ เดินตามปณิธานวีรชน      
จะราวีอภิชนทุกชาติไป!
 
- - - - - - -
ธิติ มีแต้ม
 
 
ถ้าเห็นผมเป็นเป้านิ่ง อย่ายิงนะครับ ผมไม่อยากตาย ยังอยากรอดูพระอาทิตย์ขึ้น
เพื่อระลึกถึงเพื่อนเท่านั้น
 
อำพล ตติยรัตน์ กำลังจะเรียนจบ นิติศาสตร์ ม.ศรีปทุม
แต่คืนวันที่ ๑๐ เมษา เขา เขา เขา...
 
อู๊ด--อำพล
เป็นเพื่อน
ไม่ได้ฟั่นเฟือน
ใครอนุญาตให้ตาย
 
อู๊ด--อำพลเป็นคนหนุ่ม
เททุ่มชีวิตเผลอฉิบหาย
กระสุนทองทะลุกะโหลกกระจาย
แต่ล้างสาบวิญญาณร้ายไม่ได้เลย
 
สุนทรียะศาสตร์ก็ดี เพื่อชีวิตก็ดี
สันติวีธีมีให้เอื้อนเอ่ย
ส่วนอู๊ด--อำพล ยังไม่เคย
ร่ำเรียนวิวัฒนาการภาวนา
 
จะภาวนาจากอะไร
เพราะเขาไม่ใช่ลูกมหา
ที่ชอบจุดธูปขอพรเทวดา
หากเขาศึกษาจากการตาย.
 
แล้วเขาก็ได้เกิดใหม่
 
อู๊ด said
อาจเพราะ...
มนุษย์ไม่ใช่ศัตรูของเรา
พวกเขาคือพ่อ แม่ เพื่อน
ต่างสติ บ้างเลอะเลือน
เหมือนที่ทรัพยากร!
 
มนุษย์ไม่ใช่ศัตรูของเรา
ต้องเอาปัจจัยสี่สอน
อิ่มท้องก่อนห่มอาภรณ์
ต่อตั้งเสาเรือนและผลิตยา
 
มนุษย์ไม่ใช่ศัตรูของเรา
แต่พวก เขายังถูกคร่า
ด้วยเหล่าคุณธรรมค้ำฟ้า
บ้าสมมติเทพ!
 
 
                                                           
เดือนวาด พิมวนา-ประกาย ปรัชญา
 
 
ในดินแดนของการหมิ่นแคลนเหยียดหยาม
ดวงใจใครยินยอมเป็นส่วนหนึ่งของผู้ถูกเหยียด
ในดินแดนอันสิ้นไร้เสรีภาพ
ดวงใจใครยินยอมเป็นส่วนหนึ่งของผู้ถูกกักขัง
ในดินแดนอันไร้แล้วซึ่งความยุติธรรม
ดวงใจใครยินยอมเป็นส่วนหนึ่งของผู้ถูกกดขี่
ในดินแดนของความขัดแย้งซึ่งลุกลามบานปลาย
ดวงใจใครยินยอมเป็นส่วนหนึ่งของผู้ถูกเข่นฆ่า
เหล่าชีวิตนิรนามผู้ถูกมองข้าม
ความรักของเขาไม่มีใครเห็นคุณค่า
ความเกลียดของเขาไม่มีใครอนาทร
ความรู้สึกของเขาไม่มีใครรู้สา
ชีวิต..น้อยค่า สูญสิ้นราคาถึงปานนี้
ดวงใจใครบ้าง
ยินยอมเป็นส่วนหนึ่งของประชาชนผู้ทนทุกข์
ยินยอมเป็นส่วนหนึ่งของพลเมืองชั้นสอง
ยินยอมเป็นส่วนหนึ่งของมนุษย์ผู้คุดคู้อยู่ใต้ถุนสังคม
ข้าพเจ้า...ยินยอม
น้อมคารวะอาลัยรักแด่ผู้มอบชีวิตเพื่อประชาธิปไตยทุกท่าน
 
 
สิ่งที่ข้าฯ ไม่เคยพบ 
กฤช เหลือลมัย
 
ครั้งแล้วครั้งเล่าของโศกนาฏกรรม
ข้าฯ พบว่า  เพียงเพื่อจะตื่นให้ได้จากฝันร้าย,
มีชีวิตอยู่ต่อไปโดยปราศจากมิตรสหายที่มักคุ้น
ดื่มและอาบน้ำจากลำธารสายเก่า
อ่านหนังสือเล่มเดิมๆ
ท่องบทสวดต่อหน้ารูปเคารพที่เราเคยเชื่อถือศรัทธา
ข้าฯ ต้องเลือกที่จะทรงจำ และลืมเลือน...
โอ..แต่ข้าฯ จะทำได้อย่างไรเล่า ?
หญิงสาวแห่งแสงตะวัน  ชายหนุ่มแห่งหมู่ดาว
ผู้เฒ่าแห่งผืนนาแล้ง
นักรบแห่งที่ราบสูง  พลตระเวนแห่งเมืองหลวง
รอยยิ้ม เสียงหัวเราะ..เรื่องเล่า
และคำสนทนาของเขาเหล่านั้นเคยมีอยู่จริง,
ที่การหลับใหลไม่ว่ายาวนานเพียงใดไม่อาจทำให้ลบเลือนไปได้...
...................
เรื่องที่ดีที่สุดสำหรับคนที่จำต้องดำเนินชีวิตต่อไปก็คือ
มันเป็นเวลาหลายสิบปีมาแล้ว
ที่ข้าฯ เพียรเสาะหา...
ข้าฯ เสาะหามวลไม้ที่แทงยอดลงต่ำ
พยัคฆ์ ที่เสพพืชผลผักหญ้าเป็นภักษาหาร
จงอางที่ไม่หวงไข่
เลือดที่เปลี่ยนสีไปตามน้ำ
น้ำที่ไม่เคยแยกสาย
แมงเม่าที่ไม่บินเข้ากองไฟ...
และข้าฯ เสาะหาไฟ - ไฟที่ไม่อาจเผาไหม้กำแพงคุก
ไม่อาจหลอมละลายโซ่ตรวนแห่งการจองจำ
ข้าฯ เสาะหาลม ที่ไม่พัดผืนธงหลากสีปลิวสะบัด
ดินที่ไม่ยอมกลบฝังหลุมศพเสรีชน
และผู้คนที่สยบยอมต่อความอยุติธรรม
ข้าฯ  เสาะหาผู้คนที่สยบยอมต่อความอยุติธรรม ! (ซ้ำ)
ไม่เคย...ข้าฯ ไม่เคยพบเลย...
นั่นอาจเป็นเรื่องดีที่สุด สำหรับคนที่จะต้องดำเนินชีวิตต่อไป
น้ำตาสำหรับเขาเหล่านั้นที่ล่องลอยไปข้าฯ ขอกลั่นมันเป็นหยาดหมึก บันทึกถึงโลกที่ทุกยุคทุกสมัยไม่เคยสิ้นไร้ผู้คนยินยอมถูกป่นกระดูก
หว่านโรยเป็นเมล็ดพันธุ์แห่งความกล้าหาญที่งอกงามอยู่ทั่วทุกมุมโลก
....................
ขณะฝันร้ายครั้งหน้ายังมาไม่ถึง..
ข้าฯ พลันรู้สึกว่าตื่นอยู่ในโลกอนาคตที่เต็มไปด้วยความหวัง
ซึ่งข้าฯ เห็นชัด ว่ามันอยู่ในดวงตาของท่านทั้งหลายในที่นี้...
 
 
 
ด้วยความปรารถนาดีจาก.... 
แก้วตา ธัมอิน
เพื่อระลึกถึงผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์  10 เมษายน 2553 และอีกมากมาย
 
จะไม่มีใครตายในสงคราม
ชาวนาได้ตายผ่อนส่งไปก่อนเพี้ยกระโดดกับหนอนเจาะกอในนาข้าวซะอีก
หนุ่มสาวสูดดมสารพิษในโรงงานแลกกับค่าแรงถูกๆ
และเด็กๆ  สมองตายกลายเป็นเจ้าหญิงเจ้าชายนิทราตั้งแต่ก้าวขาเข้าโรงเรียนแล้ว 
แต่ถ้าเกิดมีใครรอดมาได้
เราขอรับรองว่าจะไม่มีใครตายในสงครามอย่างแน่นอน
นั่งลงสิแล้วแบมือรอรับสิ่งเราเลือกสรร
ท่านทั้งหลายจงเชื่อมั่นในสติปัญญาของเรา
พวยแก๊สที่เราใช้นั้นรวยรื่นดุจสายหมอกยามเช้า
ท่านที่ได้สัมผัสต้องหลั่งน้ำตาแห่งความปีติแล้วหวนคิดถึงเรือกสวนเรือนรังที่จากมา
กระสุนที่เราใช้ล้วนแต่สืบสันดานมาจากศรแห่งกามเทพ
บรรจงตอกตรึงยังหัวใจท่าน
แด่ความรักใคร่ปรองดอง 
ทุกท่าน! กรุณาอยู่ในความสงบ
ไม่น่าจะต้องมีใครตายในสงคราม
ทุกท่าน...
กรุณาอยู่ในความสงบ... เรียบร้อย
กลับบ้านไปเคี้ยวปกหนังสือธรรมะเป็นมื้อค่ำเถอะ
แล้วคืนนี้เราจะหลับฝัน
ถึงสันติภาพ 
 
 
 
 
ความสงสัย
ชัชชล อัจนากิตติ
โลกหนึ่งใบเท่ากับฟ้ากี่ผืน
ฟ้าหนึ่งผืนเท่ากับนกกี่ตัว? 
นกหนึ่งตัวเท่ากับกรงกี่กรง? 
กรงหนึ่งกรงเท่ากับรัฐกี่รัฐ? 
รัฐหนึ่งรัฐเท่ากับประชาชนกี่คน? 
ประชาชนหนึ่งคนเท่ากับเสียงกี่เสียง? 
เสียงหนึ่งเสียงเท่ากับปืนกี่กระบอก? 
ปืนหนึ่งกระบอกเท่ากับกระสุนกี่นัด? 
กระสุนหนึ่งนัดเท่ากับเลือดกี่หยด? 
เลือดหนึ่งหยดเท่ากับน้ำตากี่หยาด? 
น้ำตาหนึ่งหยาดเท่ากับความเศร้า ความแค้น และความสูญเสียของคนกี่คน? 
ความเศร้า ความแค้น และความสูญเสียของคนหนึ่งคนเท่ากับดอกไม้กี่ดอก? 
ดอกไม้หนึ่งดอกเท่ากับสันติกี่วิธี? 
สันติกี่วิธี? 
สันติกี่วิธี? 
สันติกี่วิธี? 
จึงจะเท่ากับความตายของคนหนึ่งคน! 

 
 
นิรนามจากใต้ถุนฐานสังคม
                                    ไม้หนึ่ง ก.กุนที
                                    11 เมษายน 2553
 
มีคนล้มหาย...ตายจาก !
อย่างตีนหนา หน้าบาง สมศักดิ์ศรี
ทับถมร่าง เรียงทอดสร้าง ทางเสรี
ฝันใฝ่ถึงสังคม...ที่ดีงาม

มีคนล้มหาย...ตายจาก !
โถมรื้อถอน เถื่อนซาก ทิวขวากหนาม
ล้วนเผ่าพันธุ์ กำพืดไพร่ ที่ไร้นาม
กี่กระสุนกรีดคำราม...ไม่ขามเกรง

คือคน...จากใต้ถุนฐานสังคม
อย่างยาวนาน ถูกกดข่ม ขี่ข่มเหง
ลุกฮือขึ้น เพื่อสิทธิ์เสียงของตัวเอง
หวังแสงทองของฟ้าใหม่...เปล่งชัยโย !!!

 
ดาวโหลดไฟล์เสียง
 
1. อ่านบทกวีโดย ประกาย ปรัชญา และเดือนวาด พิมวนา  http://www.mediafire.com/?zmi5yuovmdn
2. อ่านบทกวี ประกอบการถือ “กรอบรูปไม้สัก” โดย ซะการีย์ยา อมาตยา http://www.mediafire.com/?k5mjzmdjwc3
3. อ่านบทกวี โดย ไม้หนึ่ง ก.กุนที  http://www.mediafire.com/?gjynkmmgdjw
4. อ่านบทกวี โดย วิภา ดาวมณี http://www.mediafire.com/?jdf2yznrj2n
5. อ่านบทกวี “ความสงสัย” โดยชายชรา http://www.mediafire.com/?gynnd2wltmz
6. อ่านบทกวีโดย กฤช เหลือลมัย http://www.mediafire.com/?gmnuwmzfuzn
7. อ่านบทกวี "ด้วยความปรารถนาดีจาก..." แก้วตา ธัมอิน http://www.mediafire.com/?ifkzdfzgqif
8. อ่านบทกวี โดย วรพจน์ พันธุ์พงศ์ http://www.mediafire.com/?y2h4nznozjd
9. อ่านบทกวี โดย ธิติ มีแต้ม แด่ อำพล ตติยรัตน์ ผู้เสียชีวิต 10 เม.ย. ซึ่งกำลังจะเรียนจบคณะนิติศาสตร์ ม.ศรีปทุม http://www.mediafire.com/?yyn25dyojnq
10. รุ่งโรจน์ วรรณศูทร อ่านเนื้อเพลงแปลไทยของวงพั้งก์ร็อคอเมริกา Anti-Flag
“You can kill the protester but you can not kill the protest” http://www.mediafire.com/download.php?qnyy4nhe22z
11. อ่านบทกวี “แดงชาติ” โดย วัฒน์ วรรลยางกูร http://www.mediafire.com/download.php?jzvmzz4thiz
12. อ่านบทกวี "โปรดรับการคารวะจากฉัน" ของเพียงคำ ประดับความ โดยเครือข่ายนิสิตนักศึกษาเพื่อความถูกต้อง http://www.mediafire.com/download.php?iv40xnuwjza
13. อ่านบทกวี “จำนวนผืนธงที่ถูกชักลงมาห่มคลุมอินทรีย์วัตถุ” ของพิพัฒน์ ใจบุญ โดย วาดรวี http://www.mediafire.com/download.php?mufjmklymzm
14. อ่านบทกวี “ข่มขืน” ประกอบผ้าเช็ดหน้าสีขาว โดยเอกวัฒน์ http://www.mediafire.com/?y0uwoxyydhj
15. อ่านบทกวี โดย เสกสรรค์ อานันทศิริเกียติ “แด่..คนึง ฉัตรเท” ผู้เสียชีวิต 10 เม.ย. http://www.mediafire.com/?4z4ytowed1c
 
 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท