Skip to main content
sharethis

เสธแดงตายวันที่ 17 พฤษภาพอดี วันครบรอบ 18 ปีของพฤษภาทมิฬ ตำนาน “ม็อบมือถือ” ขับไล่เผด็จการ

จริงเป่า? ไล่เผด็จการจริงๆ หรือ

17 พฤษภาผ่านไปโดยไม่เห็นแกนนำเสื้อเหลืองเสื้อหลากสีที่เคยผ่านเหตุการณ์พฤษภา ไปทำพิธีรำลึกกันที่ไหน แบบว่าสดุดีวีรชนผู้ต่อสู้เผด็จการ พร้อมกับเรียกร้องให้กำลังทหารบดขยี้ม็อบไพร่แดง ตายเท่าไหร่ไม่ต้องแยแส (แค่เอาเด็กออกมาแล้วฆ่าพ่อแม่มัน)

พวกเขาคงไม่รู้ว่าจะรำลึกกันอย่างไร จะพูดอีแบบไหน เพราะพวกเขากลืนกินหลักการประชาธิปไตยจนถ่ายครูดทวารเป็นริดสีดวงไปแล้ว (นั่งไม่ได้เพราะลมมันเย็น)

คนเหล่านี้ไม่มีสิทธิรำลึกพฤษภา คนเหล่านี้ตายไปแล้วจากประวัติศาสตร์พฤษภา เช่นเดียวกับคนเดือนตุลาที่ออกมาสนับสนุนการล้อมปราบและเข่นฆ่าประชาชน ก็ตายไปแล้วจากความเป็นคนตุลา เพราะคุณทำตัวไม่ต่างจากออหมัก อุทาร อุทิศ ที่อ้างสถาบันสูงสุดมาปลุกความเกลียดชัง

แต่ถ้าเป็นมหาจำลองก็อาจกล่าวได้ว่า คืนจากภาพผู้นำการต่อสู้เมื่อพฤษภากลับไปอยู่ลานพระรูปเมื่อ 6 ตุลา

ผมงี้ขำกลิ้งเมื่อเห็นคำนูณเขียนบทความประณามแกนนำเสื้อแดง “พาคนไปตาย” ไม่สะดุ้งกันมั่งเลยหรือ

“ม็อบมือถือ” วันนี้กลับไปนั่งหน้าจอทีวี ปรบมือไชโยให้ไก่อู เชื่อทุกอย่างที่ชายชุดเขียวพูด ยินดีเชื่อ ทั้งที่ไม่ต่างจากเหตุการณ์พฤษภาที่ตัวเองเป็นฝ่ายถูกกระทำ นับตั้งแต่สุจินดาลุกขึ้นกล่าวหาจิ๋วเรื่องสภาเปรสิเดียม มาจนกล่าวหาผู้ชุมนุมก่อจลาจลเผาบ้านเผาเมือง

ตอนนั้นพวกทหารก็เถียงคอเป็นเอ็นว่ายิงปืนขึ้นฟ้า ไม่ได้ใช้ปืนยิงประชาชนเหมือนกันนั่นแหละครับ เพียงแต่ 18 ปีผ่านไป เล่ห์กลในการปราบปรามเข่นฆ่าก็พัฒนาให้เนียนขึ้น เพื่อให้เป็นที่ยอมรับของคนชั้นกลางที่พร้อมจะยอมรับอยู่แล้ว เช่นว่า มีสไนเปอร์ยิงคนเสื้อแดงที่ประจัญหน้ากับทหาร แล้วก็มีภาพทหารถือปืนติดกล้องเห็นกันชัดๆ ยังเชื่อว่าเป็นฝีมือ “ผู้ก่อการร้าย” ที่แฝงตัวอยู่ในเสื้อแดง

17 พฤษภา 53 จึงพิสูจน์ว่า “พฤษภาประชาธรรม” ได้ตายสนิทแล้วจากคนชั้นกลาง เหลือแต่ “พฤษภาประชาทวย” เท่านั้นสำหรับ “ม็อบมือถือ” ที่แปลงร่างมาเป็นเสื้อเหลืองเสื้อหลากสีหรือแม้แต่ขาวเนียนในวันนี้

อันที่จริงมันก็ตายตั้งแต่หลังเหตุการณ์นั่นแล้วแหละครับ มีอย่างที่ไหนเรียกร้องนายกฯ จากการเลือกตั้งแต่ได้อานันท์แล้วดีใจไชโยโห่ร้อง แต่ยังพออนุโลมได้ว่า พรรคการเมืองเสียงข้างมากที่ร่วมกันกระทำความผิดสนับสนุนให้ปราบปรามประชาชน ไม่สมควรเป็นนายกฯ สืบทอดจากสุจินดา

นี่ยังมีคนตั้งข้อสังเกตว่า จริงๆ แล้ว “ม็อบมือถือ” น่ะ รังเกียจ รสช.หรือว่ารังเกียจนักการเมืองกันแน่ เพราะ รสช.กวาดต้อนนักการเมืองมาเข้าคอก สนับสนุนสุจินดาเป็นนายกฯ ทั้งที่ตอน รสช.ยึดทรัพย์นักการเมือง คนชั้นกลางยังไชโยโห่ร้องกันอยู่เลย

อาจเป็นได้ว่าถ้า รสช.ไม่รีบจัดให้มีการเลือกตั้ง ให้อานันท์เป็นนายกฯไปอีก 12 ปี ก็ไม่แน่เหมือนกันว่าจะมี “ม็อบมือถือ” หรือไม่ หรือถ้าสุจินดาเจรจากับพรรคประชาธิปัตย์ได้ ยอมให้จัดตั้งรัฐบาลตามแผนบันได 3 ขั้น 4 ขั้น รสช.ก็สืบทอดอำนาจสบาย

“ม็อบมือถือ” เกลียดชังเผด็จการ หรือว่าเกลียดชังนักการเมืองกันแน่ ผมว่าวันนี้เรามีคำตอบแล้ว

เพราะเห็นอยู่ชัดๆว่า “ม็อบมือถือ” ที่แปลงร่างมาในปัจจุบัน พอไล่นายกฯ จากการเลือกตั้ง ก็กลับไปเรียกร้อง ม.7 พอไม่ได้ก็ไปสนับสนุนรัฐประหารตุลาการภิวัตน์ เดินแผนบันได 4 ขั้นปล้นอำนาจอธิปไตยจนได้ประชาธิปัตย์มาเป็นรัฐบาล

“พฤษภาประชาธรรม” จึงตายไปแล้วจากคนชั้นกลาง แต่ไม่ได้หายไปไหน เพราะผลพวงจากพฤษภาที่ทำให้เกิดรัฐธรรมนูญ 2540 ที่ทำให้กระแสประชาธิปไตยแพร่ขยายไปในชนบท เกิดความตื่นตัวของคนจนคนชั้นล่าง กระทั่งลุกขึ้นสู้เพื่อทวงอำนาจของเขา

เป็นการลุกขึ้นสู้เพื่อประชาธิปไตยที่แม้จะไม่เลือกวิธีการ ไม่เลือกผู้เข้าร่วม ไม่ว่าคนดี คนมีการศึกษา คนไม่มีการศึกษา คนทุกชนชั้น นักการเมืองกเฬวราก นักรบรับจ้าง อันธพาล bad hygiene ขอเพียงมีเป้าหมายคือทวงคืนอำนาจอธิปไตยที่ประชาชนมีสิทธิมีอำนาจเต็มในการเลือกผู้ปกครอง

เพราะนี่คือความเสมอภาคไงครับ ความเสมอภาคที่ไม่ว่าคนชั้นไหนก็มี 1 เสียงเท่ากัน ไม่ใช่อวดอ้างความดีงาม ศีลธรรมจรรยา มาเบียดบังปล้นชิงสิทธิเสียงของคนส่วนใหญ่

มันจึงไม่แปลกเลยที่ “พฤษภาประชาธรรม” ในความหมายใหม่ จะได้คนอย่างเสธแดงมาเป็นวีรชน เพราะประชาธิปไตยไม่ต้องการ “คนดี” ที่วางมาดขรึมขลังแล้วดูถูกเหยียดหยามประชาชน คุณจะเป็นใครมาจากไหนก็ได้ ถ้าให้ความเท่าเทียม ลงไปคลุกคลีตีโมงให้ความสนิทสนมกันเอง คุณก็จะ “ได้ใจ” ประชาชน

โทษที ไม่ว่าใครจะไม่ยอมรับ หรือกระทั่งผมเองก็ไม่เต็มใจยอมรับ แต่เสธแดงน่ะกลายเป็นวีรชนพฤษภาใหม่ไปแล้ว ขณะที่วีรชนพฤษภาเดิมเงียบเหงาเศร้าใจ เพราะผู้ที่เคยร่วมต่อสู้กันมากลับกลายเป็นชนชั้นนำใหม่ สนับสนุนให้รัฐบาลปราบปรามเข่นฆ่าประชาชน

แต่ไม่เป็นไร ประชาชนคนชั้นล่างที่วันนั้นเขาอาจไม่ได้ร่วมต่อสู้ด้วย เขายังพร้อมจะอ้ารับและสำนึกบุญคุณของวีรชนพฤษภา วีรชนเดือนตุลา ที่ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยจนเขาได้ตื่นขึ้นมาในวันนี้ ขณะที่คนชั้นกลางเสื้อเหลืองเสื้อหลากสี คุณรำลึกพฤษภาก็ไม่ได้ คุณรำลึก 6 ตุลาก็ไม่ได้ คุณรำลึก 14 ตุลา ก็ไม่ได้ คุณรำลึก 24 มิถุนา ก็ไม่ได้ คุณยกย่อง อ.ปรีดี ก็ไม่ได้ คุณสูญเสียประวัติศาสตร์เหล่านี้ไปหมดแล้ว (ไปยกย่องลูกเสือชาวบ้านเหอะ)

หยุดความรุนแรงทั้งสองฝ่าย?

ผมละประหลาดใจกับข้อเรียกร้องของพวกขาวเนียน ที่บอกให้ทั้งรัฐบาลและ นปช.หยุดความรุนแรง

คนที่ถูกยิงตายอยู่ฝ่ายเดียวคือมวลชนเสื้อแดงกับชาวบ้านนะครับ ถูกสไนเปอร์ยิงระหว่างประจัญหน้ากับทหาร และมีภาพทหารถือปืนติดกล้องอยู่ชัดๆ คุณยังเชื่ออยู่อีกหรือว่ามีผู้ก่อการร้ายฆ่ามวลชนฝ่ายตัวเองสร้างสถานการณ์

เอาละ ถ้าคุณจะเชื่ออย่างนั้นเมื่อ 10 เมษาก็ค่อยถกกันทีหลัง แต่นี่ไม่ใช่ เพราะเห็นชัดๆว่าสไนเปอร์นั้นมีอยู่ทุกหน่วยทหาร โดยไม่มีในคำแถลงของ ศอฉ.ซึ่งบอกเพียงว่าจะไม่ยอมให้มวลชนเข้าใกล้ ถ้าเข้าใกล้จะใช้ปืนลูกซองยิง แล้วปืนติดกล้องโผล่มาจากไหนไม่ทราบ รวมทั้งคำว่า “เขตใช้กระสุนจริง” อีกล่ะ

ถ้าอ้างว่าผู้ก่อการร้ายยิง ไก่อูลองหาภาพผู้ก่อการร้ายถือปืนติดกล้องมาให้ดูหน่อยสิ

ศอฉ.ให้ทหารถือปืนติดกล้องเพื่ออะไร ผู้สื่อข่าวถามหน่อยสิ มีหลักประกันอะไรให้เชื่อว่าไม่ใช่ทหารเหล่านี้ที่เล็งปืนยิงชาวบ้านอย่างมันเมา เพียงเพราะเขาขี่มอเตอร์ไซค์เข้ามา เพียงเพราะขว้างปา เผายาง (ทำให้โลกร้อน) หรือเพียงเพราะถือหนังสติ๊ก

เอาละ ถ้าคุณจะเชื่อว่ามี “ผู้ก่อการร้าย” ที่เป็นตัวช่วยเสื้อแดง ซึ่งผมก็เชื่อว่ามี แต่ถ้าดูสถานการณ์ 3-4 วันที่ผ่านมา คนกลุ่มนี้มีน้อยนิด และถูกตรึงไว้จนทำอะไรไม่ค่อยได้

ถามว่าพวกนี้เป็นใคร พวกนี้อยู่ในม็อบหรือ พวกนี้ขึ้นต่อแกนนำเสื้อแดงหรือ โธ่เอ๋ย มือระดับยิง M79 แม่นๆ มันไม่ใช่แค่ชายชุดดำ มันก็ชายชุดเขียวเหมือนกัน แต่แต่งสีดำมา คนพวกนี้ถ้าอยู่ฝ่ายทักษิณมันก็ขึ้นตรงกับแตงโม มันไม่แยแสจตุพร ณัฐวุฒิหรอก มันโง่อะไรจะมาอยู่ตรงราชประสงค์ที่มีนักข่าวช่างภาพเยอะแยะ

ฉะนั้นพวกขาวเนียนเอาอะไรมาเรียกร้องให้ นปช.ยุติความรุนแรง ถ้าคุณจะหมายถึงการอาละวาดของมวลชน ก็ต้องย้อนไปดูว่า 18 ปีที่แล้วเมื่อคุณถูกปราบ คุณยอมรับการ “เผาบ้านเผาเมือง” หรือเปล่า คุณยอมรับการต่อสู้ทุกรูปแบบหรือเปล่า หรือจะบอกว่าเฮ้ยทหารเขาเข้ามาทำหน้าที่รักษาความสงบ พวกเรายอมให้เขาปราบเสียดีๆ อย่าเอาระเบิดขวด ระเบิดเพลิง ออกมาสู้ อย่ายึดรถเมล์รถแก๊สอย่าเผายางรถยนต์ ไม่งั้นถือว่าเราสร้างความรุนแรงด้วย เป็นความชอบธรรมที่ทหารจะใช้กระสุนจริง อย่างนั้นหรือ

ธรรมชาติของม็อบที่ถูกปราบ ถูกยิง เห็นเพื่อนตาย ก็เกิดความคลั่งแค้น คว้าทุกอย่างใกล้มือที่เป็นอาวุธได้นั่นแหละครับ วีรชน 14 ตุลาก็เผากองสลาก ขับรถเมล์ชนรถถังไม่ใช่หรือ ถ้าสมัยนั้นมีรถแก๊ส ก็คงยึดรถแก๊สกันไปแล้ว

ฉะนั้นพวกขาวเนียนเอาอะไรมาเรียกร้องให้ นปช.ยุติความรุนแรง เพราะถ้าคุณเรียกร้องให้รัฐบาลยุติ “เขตใช้กระสุนจริง” ได้ก่อน การตอบโต้ที่เกิดโดยธรรมชาติของมวลชนก็จะยุติไปเอง

ผมว่าที่จริงพวกคุณรู้นะ ไม่ใช่ไม่รู้ แต่ไม่มีปัญญาเรียกร้องรัฐบาล และกลัวรัฐบาลจะสลายม็อบไม่สำเร็จ เพราะใจจริงคุณก็ต้องการให้รัฐบาลสลายม็อบ แต่ไม่อยากเห็นคนตาย ท่าทีเลยสับสน คัดค้านกันในตัว เหมือนอย่างปริญญา เทวานฤมิตรกุล ที่เรียกร้องให้เสื้อแดงยุติการชุมนุม แต่ไม่ยักบอกว่ารัฐบาลต้องหยุดใช้กำลังทหารก่อน

ใคร “ก่อน” นี่แหละคือปัญหาท่าทีที่สับสน ลงท้ายก็เท่ากับไม่ได้ช่วยอะไรเลย กลายเป็นเครื่องมือรัฐบาลอยู่ดี เพราะท่าทีรัฐบาลขณะนี้ ตั้งใจสลายม็อบอย่างแน่วแน่ โดยอ้างว่าม็อบไม่ยอมวางอาวุธก่อน ม็อบไม่ยอมยุติก่อน สมมติมีคนตายเป็นเบือ คุณก็จะบอกว่าคุณพยายามช่วยดีที่สุดแล้ว แต่ความจริงคุณเป็นเครื่องมือรัฐบาล

แล้วเอาไว้คอยดูนะครับ ที่จะเป็นเครื่องมือ “สร้างภาพ” ของพวกนักมนุษยธรรม ชาวขาวเนียน หรืออีแอบทำเป็นขาว ก็คือผู้หญิงและเด็กที่วัดปทุมวนาราม แห่กันออกมาเพียบเลย คนชั้นกลางผู้มีเมตตาพร้อมจะโอบอุ้ม โห ถ้าผมเป็นพ่อแม่เด็ก วันก่อนยังเห็นครูหยุยไปเสื้อหลากสีอยู่หลัดๆ ใครเขาจะให้ ถ้าตัวกูตายมันคงเอาลูกกูไปล้างสมอง

และที่เลิกพูดได้เลยคือ “ปรองดอง” เรียกร้องให้คนไทยกลับมารักกัน แบบพวกส่ง SMS โง่ๆ ออกจอทีวี เพราะมันเลยไปแล้ว คนตายมากมายจนเลยที่จะปรองดองไปแล้ว คนเสื้อแดงทั้งประเทศไม่มีวันปรองดองกับอภิสิทธิ์ กับ ปชป.กับผู้นำเหล่าทัพชุดนี้ พูดหลอกเด็กสิว่าให้ใช้กระบวนการยุติธรรมกับทั้งสองฝ่าย ยังไม่ต้องพูดว่าไม่มีใครเชื่อกระบวนการยุติธรรม 2 มาตรฐานอีกแล้ว เอาแค่ฝ่ายหนึ่งเป็นผู้ใช้อำนาจรัฐ ใช้อำนาจตาม พรก.ฉุกเฉิน ที่อ้างว่าทำเกินกว่าเหตุต้องรับผิดน่ะ มันปัดได้ง่ายมาก ขณะที่สามารถยัดข้อหากับเสื้อแดงแบบยัดได้ยัดเอา ขนาดคนเอาข้าวกล่องไปส่งยังถูกจับดำเนินคดีโทษจำคุก 2 ปี ทีอู๊ดด้าแสดงบทมีมนุษยธรรมเอาอาหารไปให้ผู้หญิงและเด็กที่วัดปทุมวนาราม ทำไมไม่จับมั่งล่ะ

ถ้าผมจะบอกให้ม็อบยุตินะ ผมจะไม่บอกว่า “ปรองดอง” แต่ผมจะบอกว่าสงวนชีวิตมวลชนเพื่อต่อสู้ต่อไป เพราะเหตุการณ์เท่าที่เกิดขึ้น จำนวนคนที่ตายไป มันยกระดับ “สงครามชนชั้น” ขึ้นมาอีกขั้นหนึ่งแล้ว คุณไม่จำเป็นต้องให้ใครพลีชีพอีก

คือเท่านี้ก็พอแล้วที่จะทำให้อภิสิทธิ์ไปภาคเหนือภาคอีสานไม่ได้ตลอดชาตินี้ ถ้าไม่มีคนคุ้มกันเป็นกองทัพ ขั้นนี้ถ้าสู้ต่อไปก็มีแต่แพ้และสูญเสีย ฉะนั้นควรยุติเพื่อเตรียมการต่อสู้ขั้นใหม่โดย “ไม่ปรองดอง”

ใบตองแห้ง
18 พ.ค.53
 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net