Skip to main content
ประชาไททำหน้าที่เป็นเวที เนื้อหาและท่าที ความคิดเห็นของผู้เขียน อาจไม่จำเป็นต้องเหมือนกองบรรณาธิการ
sharethis

 

บทนำ
การชุมนุมทางการเมืองของกลุ่มแนวรวมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช. หรือ กลุ่มเสื้อแดง ที่ชุมนุมมากว่าสองเดือนได้ยุติลงโดยการประกาศของแกนนำบนเวทีราชประสงค์ เป็นที่ทราบกันดีว่าข้อเรียกร้องหลักๆ ของกลุ่มเสื้อแดงคือ การให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรียุบสภา นอกจากนี้ ประเด็นที่นำมาชูในการชุมนุมในครั้งนี้คือ ประเด็นเกี่ยวกับการเหลื่อมล้ำทางชนชั้น โดยผู้ชุมนุมได้ใช้คำว่า “ไพร่” (ในบริบทของคำว่าคนธรรมดา) มาต่อสู้หักล้างกับคำว่า “อำมาตย์” (ในบริบทของคำว่าอภิสิทธิ์ชน) ซึ่งเป็นคู่ตรงข้าม (Binary Opposition) ของคำว่าไพร่ และถูกหลายฝ่ายตีความไปต่างๆ นานาถึงขอบเขตของคำว่า “อำมาตย์” ว่ากินความรวมถึงใครบ้าง ซึ่งไม่ใช่ประเด็นของบทความนี้

บทความนี้เป็นข้อสังเกตของผู้เขียน ซึ่งผู้เขียนหวังเป็นอย่างยิ่งว่า การคาดคะเนนี้จะไม่เกิดขึ้นจริง หรือถ้าเกิดขึ้นจริงก็ขอให้เป็นเพียงช่วงเวลาๆ สั้นๆ ท่ามกลางความมืดมิดของสังคม


ความไม่พอใจของคนที่อยู่ในกรุงเทพต่อกลุ่มเสื้อแดงและการเรียกร้องประชาธิปไตย

ต้องยอมรับว่า การชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงนั้น ส่วนใหญ่ผู้เข้าร่วมชุมนุมมาจากต่างจังหวัด และมีจำนวนพอสมควรที่เป็นคนกรุงเทพ ถึงกระนั้นก็ตาม ภาพที่ออกมาประกอบกับที่ได้มีการพยายามถาโถมคำวิจารณ์ว่า การชุมนุมในครั้งนี้เป็นการต่อสู้เพื่ออดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร ให้ได้กลับมาในประเทศ และกระแสต่างๆ จากทั้งภาครัฐ และเอกชน รวมทั้งในโลกไซเบอร์อย่างเฟซบุ๊ค (Facebook) ได้มีความพยายามอธิบายว่ากลุ่มเสื้อแดงมีจุดมุ่งหมายเพื่อ “ล้มเจ้า” หรือเป็น “ผู้ก่อการร้าย”

ภาพความรุนแรงที่เกิดขึ้น ทั้งจากมวลชนบางส่วนตามที่สื่อต่างๆ พยายามนำเสนอ หรือจากการพยายามโยนให้เสื้อแดงเป็นตัวการในความรุนแรงต่างๆ เช่น การยิงระเบิดเอ็ม 79 บริเวณสถานีรถไฟฟ้าศาลาแดง หรือบริเวณสีลม ทั้งๆ ที่ยังไม่สามารถพิสูจน์ได้และกลายเป็นสงครามการช่วงชิงพื้นที่ของข่าวสาร แต่หลายคนก็ปักใจเชื่อว่าเป็นการกระทำของผู้ชุมนุมเสื้อแดง

ลำพังข่าวสาร และการใช้สื่อของภาครัฐเองก็ได้ผลระดับหนึ่งแล้ว แต่สิ่งที่เป็นเชื้อไฟแห่งความเกลียดชังอันดีคือ ทัศนคติ ที่คิดว่า เสื้อแดงเป็นคนต่างจังหวัด ไร้การศึกษา ไม่ฉลาด ถูกชักจูงง่าย หรือถูกจ้างมา จริงๆ แล้วก็ไม่น่าเชื่อว่าความคิดแบบนี้จะแฝงอยู่กับคนจำนวนมากโดยไม่รู้ตัว และบางคนเองก็ไม่ใช่คนกรุงเทพฯ โดยแท้ เพียงมาอาศัยทำงานเท่านั้น บางคนก็มาจากจังหวัดเดียวกับผู้ชุมนุมนั่นเอง แต่ก็ไม่วายจะมีความคิดเช่นนี้ซ่อนเร้นอยู่ในตัว

สิ่งต่างๆ เหล่านี้ ทำให้ความคิด “เรียกร้องประชาธิปไตย” ของกลุ่มเสื้อแดง ถูกเหยียดหยาม ถูกดูถูก และหัวร่ออย่างสมเพชจากคนจำนวนหนึ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งบางพวกที่ผูกขาดความเข้าใจในประชาธิปไตยว่าเป็นของพวกตนที่มีการศึกษาเท่านั้น คนต่างหวัด หรือคนที่ไม่ได้รับการศึกษาไม่มีทางเข้าใจได้


เรื่องตลกร้ายหลังการชุมนุมจบ

แม้การชุมนุมที่ราชประสงค์จะจบลงแล้ว แต่การวินาศกรรมโดยการจุดไฟเผาสถานที่ต่างๆ ก็ยังคงมีออกข่าวตอกย้ำอยู่ทุกวัน ทุกชั่วโมง และเป็นเรื่องจริงที่ส่วนหนึ่งเป็นผู้ชุมนุมที่เป็นมือเพลิง แต่หลายจุดที่อาจเป็นแค่วัยรุ่นป่วนเมืองธรรมดา ผมแอบคิดเล่นๆ ว่า นาทีนี้หากใครใจกล้าบ้าบิ่นออกไปจุดไฟเผาอะไรก็ตาม คุณจะกลายเป็นเสื้อแดงไปในทันที ทั้งๆ ที่จริงๆ แล้วคุณอาจจะไม่ใช่ หรือจากที่ออกข่าวว่ามีกระบวนการตรวจค้นที่ชุมนุมแล้วพบอาวุธสงครามจำนวนมากกว่าที่กองทัพจะสั่งซื้อได้ในหนึ่งปี เป็นที่น่าคิดว่า แล้วถ้ามีคนสวมรอยเอาไปทิ้งไว้ล่ะ ใครจะเป็นพยานยืนยันได้ แล้วใครจะฟัง? ทั้งขณะชุมนุมและหลังชุมนุม ภาพของคนเสื้อแดงกลายเป็นผู้ร้าย ผู้ก่อการร้ายในสายตาของคนทั้งประเทศ ตอนนี้ไม่ว่าอะไรไม่ดีก็จะโทษเสื้อแดงเอาไว้ก่อน ไม่ว่าจะก่อการร้าย ทำลายชาติ จ้องล้มสถาบัน

เรื่องตลกร้ายจริงๆ มันตรงที่ วาทกรรมของกลุ่มคนเสื้อแดงที่ว่า “เรียกร้องประชาธิปไตย” กำลังถูกยัดเยียดว่าเป็นถ้อยคำอันน่าเกลียดชังในสังคม หากใครสักคนลองเอื้อนเอ่ยออกมาว่า “ผมเรียกร้องประชาธิปไตย” คุณจะถูกมองด้วยสายตาแปลกๆ และถามกลับทันทีว่า “เป็นพวกเสื้อแดงเหรอ” หรือไม่ก็ “คุณอยู่ขบวนการล้มเจ้าหรอ?” ทั้งๆ ที่เป็นคำถามที่ไร้เหตุผลมากๆ แต่มันก็เกิดขึ้นแล้วในสังคม และคิดว่าจะเป็นอย่างนี้ไปอีกนาน

นั่นก็เท่ากับว่า “การเรียกร้องประชาธิปไตย” จะกลายเป็นถ้อยคำอันน่ารังเกียจไปอีกนาน ซึ่งมันเป็นเรื่องตลกร้ายสุดๆ ที่ต่อไปนี้เราจะพูดประโยคนี้อย่างปกติในสังคมไม่ได้ หรือก็คือ การเรียกร้องประชาธิปไตยภายภาคหน้าอาจเกิดการต่อต้านจากกลุ่มคนจำนวนมาก ที่มีกระบวนการผลิตซ้ำของข้อมูลที่ถูกกรอกหัวโดยสื่อ หรือภาครัฐ หรือพวกเดียวกันเอง ทันทีที่คุณออกมาเรียกร้องประชาธิปไตย คุณจะกลายเป็นเสื้อแดง หรือ ร้ายไปกว่านั้น คุณจะถูกตราหน้าว่าเป็นขบวนการล้มเจ้าไปทันที


บทสรุป

ความรุนแรงที่เกิดขึ้นในระหว่างการชุมนุมของคนเสื้อแดง หรือภายหลังการยุติการชุมนุม ไม่ว่าจะมาจากฝ่ายใด มันได้ถูกใช้เป็นเครื่องมือในการปิดปากผู้ที่ต้องการเรียกร้องประชาธิปไตย หรือปฏิรูปประชาธิปไตยไปเรียบร้อยแล้ว แต่สิ่งนั้น จะเกิดมีขึ้นก็เพราะสังคมไทยไม่ได้แยกแยะการกระทำ และตัวบุคคลออกจากกัน เมื่อบุคคลกลุ่มใดหมดความชอบธรรมในสังคมไทย เป้าหมายของกลุ่มบุคคลนั้นก็จะหมดความชอบธรรมตามไปด้วย ไม่ว่าเป้าหมายนั้นจะมีเหตุผลควรรับฟังเพียงใดก็ตาม

ดังนั้น จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น สังคมไทยคงไม่ยอมรับผู้ที่ต้องการเรียกร้องประชาธิปไตย หรือปฏิรูปประชาธิปไตยไปอีกนาน อาจเพราะคนส่วนใหญ่จะเชื่อว่าการเรียกร้องประชาธิปไตยจะนำมาซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวอีก ประชาธิปไตยในประเทศไทยก็คงหยุดชะงักลง ณ วันนี้แล้ว และเราคงต้องอดทนรอวันที่เราจะกลับมาเรียกร้องประชาธิปไตยได้อย่างสง่างามอีกครั้ง
 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net