Skip to main content
sharethis

 


ไมเคิล มาอาส (Michel Maas) ผู้สื่อข่าววิทยุและโทรทัศน์ชาวเนเธอร์แลนด์
ที่ได้รับบาดเจ็บจากการสลายการชุมนุมกลุ่ม นปช. เมื่อวันที่ 19 พ.ค. 53 (ที่มาภาพ: freemedia.at)

 

7 ก.ค. 53 - สำนักข่าวไอเอ็นเอ็น รายงานว่านายไมเคิล มาอาส (Michel Maas) ผู้สื่อข่าววิทยุและโทรทัศน์ชาวเนเธอร์แลนด์ได้ให้สัมภาษณ์ ต่อ ดิ อินเตอร์เนชั่นแนล เพรส อินส์ทิทิวท์( The International Press Institute) หรือ IPI ซึ่งเครือข่ายอิสระในการนำเสนอข่าวระหว่างประเทศ เกี่ยวกับเหตุการร์ถูกเขายิงในระหว่างทำข่าวการชุมนุมประท้วงในกรุงเทพกรุงเทพมหานคร

(ดูบทสัมภาษณ์ภาษาอังกฤษ: Q&A: Dutch Journalist Michel Maas Talks to IPI about Being Shot in Thailand Clashes)

โดย IPI ได้เรียกร้องในรัฐบาลไทยทำการ เพื่อเปิดการสอบสวนอย่างเร่งด่วนและอย่างโปร่งใส ในการสอบสวนการที่นักข่าวเสียชีวิตจากการถูกยิง และ บาดเจ็บอีกหลายคน ในเหตุการณ์การชุมนุมประท้วงในเดือน เมษายน และ พฤษภาคมที่ผ่านมา พร้อมทั้งมีการเปิดเผยคำให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ของ นายไมเคิล มาอาส (Michel Maas)

ผู้สื่อข่าววิทยุและโทรทัศน์ชาวเนเธอร์แลนด์ หนึ่งในเหยื่อผู้ถูกทำร้ายซึ่งเชื่อว่าเป็นฝีมือของเจ้าหน้าที่ทหาร โดย มาอาส กล่าวว่า อันตรายที่สุดคือกองทัพ ที่ยิงทุกคนไม่มีเว้นหรือตรวจสอบก่อนว่าคนคนนั้นคือใคร พร้อมทั้งกล่าวว่า บางครั้งการรายงานของสื่อต่างประเทศต้องอ้างอิงไปตามสื่อท้องถิ่น แต่ในบางครั้งก็ไม่มีแหล่งข่าวที่น่าเชื่อถือได้ จึงต้องมีการตรวจสอบข้อมูลมากกว่า 1 ครั้ง อีกทั้งการปฏิบัติหน้าที่ของสื่อต่างชาติยังต้องได้รับการตรวจสอบโดยเจ้าหน้าที่ทหารที่ไม่ชอบช่างภาพข่าวอยู่เป็นเป็นทุนเดิม แต่ต่อมาเขาก็มีวิธีบอกปัดไปว่าเขาไม่มีภาพของเหตุการณ์ในกรุงเทพ ฯ

ทหารออกคำเตือนบ่อยครั้งว่า ผู้สื่อข่าวต่างชาติกำลังตกเป็นเป้าหมายของผู้ก่อการร้าย และเตือนไม่ให้เข้าใกล้ สถานที่ชุมนุมของคนเสื้อแดง ซึ่งโดยส่วนตัวเขาเอง ไม่เคยถูกคนเสื้อแดงรบกวนใดๆ และ เชื่อว่า ผู้ประท้วงเสื้อแดงจะไม่ทำการก่อกวนผู้สื่อข่าวคนอื่นๆทั้งของในประเทศเองหรือจากต่างประเทศ และเขาก็คิดว่าคำเตือนจากเจ้าหน้าที่ เพียงต้องการให้นักข่าวออกห่างจากกลุ่มเสื้อแดง หรือ ห้ามเข้าไปในค่ายของคนเสื้อแดง

ทั้งนี้เขายังเล่าถึงเหตุการณ์ในวันที่ 19 พ.ค. ว่าการเปิดฉากยิงเริ่มจากฝ่ายทหาร พวกเขาไม่ได้ยิงปืนขึ้นฟ้า แต่ยิงมาที่ประชาชนซึ่งในนาทีนั้นต่างคนต่างหนีเอาตัวรอด และด้วยประสบการณ์ในครั้งนั้นสอนให้รู้ว่าวิธีการเอาตัวรอดได้ดีที่สุด คือการปฏิบัติตามคนในพื้นที่ ซึ่งต้องวิ่งหาที่กำบัง แต่ในวินาทีนั้นเขาคิดผิดที่วิ่งออกมานอกอาคาร จนถูกยิงเจ้าที่หลัง แต่โชคยังดีที่กระสุนปืนเฉียดปอดเขาไปเพียงครึ่งนิ้ว

ส่วนในประเด็นคำถามที่ว่า ใครเป็นคนยิง อามาส กล่าวอย่างเชื่อมั่นว่า ทหารเป็นคนยิง และระบุว่า กองทัพมีสไนเปอร์ อยู่บรางรถไฟฟ้าเหนือศรีษะของเขา , อยู่ในส่วนครอบคลุมทุกพื้นที่ และอยู่ในทิศทางที่เขาถูกยิง

นอกจากนี้ ตัวเลขของผู้เสียชีวิตที่เป็นชาวต่างชาติปนอยู่ด้วย และจากคำเตือนที่ออกโดยเจ้าหน้าที่ทหารได้ไปเพิ่มความสงสัยว่าเป้าหมายการทำร้ายที่แท้จริงไม่ได้เกิดจากผู้ก่อกาารร้าย แต่โดย"ทหาร" ที่ไม่สามารถแยกความแตกต่างได้ระหว่างคนเสื้อแดง และนักข่าว ซึ่งเขาก็เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนที่อยู่ในฝูงชน ทั้งความสูงที่มากกว่าคนไทยทั่วไป , เสื้อผ้าที่มีสีสันต่างจากคนเสื้อแดง สีผิวแบบยุโรป , สวมเสื้อเกราะอ่อน , สวมหมวกกันน็อก ที่แสดงให้เห็นถึงแตกต่างอย่างชัดเจนกับผู้ประท้วง อีกทั้งทหารซึ่งไม่ชอบวิธีการรายงานของสื่อต่างชาติต่อเหตุการณ์ความรุนแรงนี้ อาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้พวกเขายิงผู้สื่อข่าวต่างชาติ ก็เป็นได้

อย่างไรก็ดี เขาได้พูดคุยกับ นายชัคโก้ แวน เดน เฮ้าท (H.E. Mr. Tjaco van den Hout) เอกอัครราชทูตเนเธอร์แลนด์ประจำประเทศไทยแล้ว โดยเขากล่าวว่า รัฐบาลเนเธอร์แลนด์จะขอชี้แจงกับรัฐบาลไทย แต่อย่างไรก็ดีเขาไม่มีข้อมูลเกี่ยวมากพอเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้น

ที่มาข่าว:

สื่อดัตช์เชื่อทหารยิงตนเหตุปะทะเสื้อแดง (ไอเอ็นเอ็น, 7-7-2553)
http://www.innnews.co.th/around.php?nid=233816

 

 

 

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net