นักวิชาชีพไทยในต่างแดน ยกกรณีศึกษา “ฟื้น สิ่งแวดล้อมจากสารพิษในญี่ปุ่น”

นักวิชาชีพไทยในต่างแดนยกตัวอย่างเทคโนโลยีและกรณีศึกษาที่ ใช้ฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมจากปัญหาสารพิษในญี่ปุ่น เพื่อเป็นแนวทางปรับใช้ฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมในไทย

เมื่อเร็วๆ นี้ที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ(สวทช.) โดยโครงการสมองไหลกลับ ร่วมกับกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สำนัก งานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) จัดงานประชุมวิชาการ “Thai Professionals Conference 2010 : Green Thailand และ ก้าวต่อไปของความร่วมมือระหว่างการ อุดมศึกษาไทยและนักวิชาชีพไทยในต่างประเทศ” ดึงเครือ ข่ายนักวิชาชีพไทยในประเทศต่างๆ มาร่วมถ่ายทอดความรู้ ประสบการณ์ ระดมสมองแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในการแก้วิกฤตการณ์ต่างๆ ซึ่งหนึ่งในหัวข้อที่น่าสนใจคือ อุตสาหกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Greening of Thai Industries) โดยมีการนำเสนอกรณีตัวอย่าง เครื่องมือและแนวทางการในการฟื้นสิ่งแวดล้อมจากสารพิษ

“ภาค อุตฯ-ภาคเกษตร” ใช้ระบบ พึ่งพาแก้ปัญหา “น้ำบาดาลลด”
ดร.อาทิตย์ ธรรมตระการ สมาคมนักวิชาชีพไทยในญี่ปุ่น กล่าวถึง กรณีตัวอย่างการรักษาระดับน้ำบาดาลบริเวณที่ตั้งโรงงานของ บริษัทโซนี่ ประเทศญี่ปุ่น ว่า จังหวัดคุมาโมโตะมีน้ำบาดาลมาก แต่ในระยะหลังมานี้ มีงานวิจัยพบว่าระดับน้ำบาลลดลงมากจนส่งผลกระทบให้ น้ำทะเลสาบในเมืองหายไปถึง 20% โดยสาเหตุคาดว่ามาจากการที่โรง งานสูบน้ำบาดาลมาใช้มากถึง 4,000 ตันต่อวัน หรือเท่ากับปริมาณน้ำที่ใช้สำหรับ 6,000 ครัวเรือน นอกจากนี้ ด้วยนโยบายปลูกพืชหมุนเวียนนอกฤดูทำนาของ ภาครัฐ ทำให้น้ำที่เคยซึมกลับสู่แหล่งน้ำบาดาลลดลง

“พื้นที่นาในจังหวัดคุมาโมโตะส่วนมากเป็นดินจากเถ้าภูเขาไฟ ดังนั้น ในฤดูทำนา น้ำจากในนาจะซึมผ่านดินไปยังแหล่งน้ำบาลได้ประมาณ 10 เซนติเมตรต่อวัน แต่ในช่วงฤดูนอกการทำนา ชาวบ้านมีการสูบน้ำออกจากนาเพื่อปลูก พืชชนิดอื่นๆ แทน ปริมาณน้ำที่เคยซึมกลับลงสู่แหล่งน้ำบาดาลจึงลดลงไป ด้วย สำหรับแนวทางการแก้ปัญหาของบริษัท คือ ได้มีการลงไปพูดคุยและขอความร่วมมือจากชาวนาท้องถิ่นในการใส่น้ำ(น้ำ จากแม่น้ำหรือมีการซื้อมาจากพื้นที่อื่น)ให้เต็มที่นาตลอดนอกฤดู ทำนา เพื่อให้มีการเติมน้ำกลับคืนสู่แหล่งน้ำบาดาล โดยบริษัททำสัญญาการรับซื้อข้าวจากชาวนาที่เข้าร่วมโครงการทั้งหมด มาทำเป็นอาหารขายในบริษัท ซึ่งจากข้อตกลงดังกล่าว ทำให้ปัจจุบันมีชาวนาท้องถิ่นร่วมโครงการ 52 ครัวเรือน คิดเป็นพื้นที่ 320,000 ตารางเมตร ขณะเดียวกัน ทางโรงงานก็สัญญากับคนในท้องถิ่นว่าจะ หาแนวทางในการใช้น้ำบาดาลให้น้อยลง ด้วยการกักเก็บน้ำฝนมาใช้มากขึ้น พร้อมทั้งมีการบำบัดน้ำที่ใช้แล้วกลับมาใช้ใหม่ได้ถึง 80% การสูบน้ำบาดาลมาใช้ใหม่จึงลดลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งผลจากความร่วมมือทั้งภาคอุตสาหกรรมและประชาชนครั้งนี้ทำให้ ตั้งแต่ปี 2003 ถึง 2007 ที่ผ่านมา มีการเติมน้ำ(น้ำจากการซึมผ่านพื้นที่ นา และการลดใช้น้ำของโรงงาน)คืนสู่แหล่งน้ำบาดาลได้สูงถึง 7 ล้านตัน ทั้งนี้พื้นที่จังหวัดคุมาโมโตะ ถือเป็นพื้นที่ที่มีการนำแนวคิดนี้มา ทดลองใช้และประสบความสำเร็จเป็นแห่งแรก”

ฟื้นฟูสารพิษปนเปื้อนดิน ที่โทโยสุ(TOYOSU)
ดร.ปฐม อัตตวิริยะนุภาพ สมาคมนักวิชาชีพไทยในญี่ปุ่น กล่าว ถึงกรณีการบำบัดฟื้นฟูดินและน้ำที่ปนเปื้อนสารพิษกรณีศึกษาที่ โทโยสุ(TOYOSU) ว่า เนื่องจากตลาดกลางการค้าส่งซูคิจิ (TSUKIJI) ใช้งานมากว่า 70 ปี ทำให้พื้นที่เกิดความแออัด ไม่สะดวกต่อการขนส่ง ภาครัฐจึงมีแนวคิดจะย้ายตลาดซูคิจิไปยังโทโยสุ ซึ่งมีพื้นที่กว้างขวางแทน แต่ด้วยพื้นที่ดังกล่าวเป็นที่ดินที่เกิด จากการถมทะเล และเคยเป็นที่ตั้งโรงงานผลิตก๊าซที่ใช้ถ่านหินในการผลิต ทำให้มีการปนเปื้อนสารพิษ เช่น เบนซินและสารประกอบไซยาไนด์ที่อาจก่อ ให้เกิดมะเร็งได้ ประชาชนจึงคัดค้านการย้ายตลาดไปยังพื้นที่โทโยสุอย่างหนัก เพราะกลัวว่าจะมีสารพิษปนเปื้อนอาหาร

“ทางภาครัฐได้ลงพื้นที่ศึกษาปัญหาสิ่งแวดล้อมในที่ดินดัง กล่าว และพบว่า สารพิษที่มีความเข้มข้นสูงเกินกว่าค่ามาตรฐาน (0.01 มิลลิกรัมต่อลิตร)ถึง 10 เท่า นั้น มีอยู่จริง แต่ไม่ได้กระจายไปทั่วบริเวณ โดยจะพบเป็นจุดๆ สามารถฟื้นฟูได้ ทั้งนี้ได้มีการทุ่มงบประมาณราว 155,400 ล้านบาท ในการก่อสร้างพื้นที่และแก้ไขปัญหาฟื้นฟูดินในบริเวณดังกล่าว สำหรับวิธีการฟื้นฟูที่ภาครัฐวางแผนไว้จะมีการขุดหน้าดินลึก 2 เมตร ออก เพื่อนำดินใหม่ใส่เข้าไปแทน 2.5 เมตร และนำแผ่นยางแอลฟัลต์กับคอนกรีตมา ปูไว้ด้านบน ส่วนด้านล่างที่เป็นชั้นดินที่มีน้ำบาดาล อยู่ จะมีการทำแนวกั้นไม่ให้น้ำบาดาลขึ้นมาสัมผัสกับดิน พร้อมทั้งต่อท่อที่ใช้สังเกตการณ์ระดับน้ำบาดาลไว้ หากน้ำบาดาลเพิ่มสูงกว่าระดับที่กำหนดเครื่องจะปั๊มน้ำบาดาลขึ้นมา เพื่อกลั่นแยกสารพิษออกทันที ส่วนเบนซินที่ปนเปื้อนอยู่ในดินจะใช้ เทคนิคการระเหยเพื่อดูดก๊าซเบนซินออกมา นอกจากนี้ ยังมีการสร้างแนวหินเป็นกำแพงหนาด้วยซีเมนต์ที่มีคุณสมบัติกันน้ำ ทะเล เพื่อไม่ให้น้ำทะเลซึมมาสัมผัสกับดิน”

อย่างไรก็ดีแผนการย้ายตลาดได้มีมานานกว่า 10 ปีแล้ว แต่ด้วยแรงคัดค้านทำให้ถูกเลื่อนมา แต่ในปีนี้คาดว่าจะเริ่มมีการฟื้นฟู สภาพสิ่งแวดล้อมและดำเนินการก่อสร้างตามแผนที่วางไว้แล้ว”ดร.ปฐม กล่าวทิ้งท้าย
 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท