ปิด-ยึดเครื่องส่งวิทยุชุมชนเสื้อแดงเชียงใหม่ เหตุดีเจพูดจายั่วยุ ปลุกระดม ผิด พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ
เมื่อเวลา 11.30 น.วันที่ 19 กรกฎาคม พ.ต.อ.ดุลเดชา อาชวะสมิตตระกูล ผกก.สภ.แม่ปิง อ.เมือง จ.เชียงใหม่ พ.ต.ท.สัมพันธ์ ศิริมา รอง ผกก.สส.สภ.แม่ปิง และพ.ต.ท.จิรัฐพัทธ์ สิตานุรักษ์ พนักงานสอบสวน สภ.แม่ปิง พร้อมกำลังชุดปราบจลาจลนำหมายศาล จ.เชียงใหม่ ค.80/2553 เข้าตรวจค้นบ้านเลขที่ 62/9 ม.3 ต.หนองหอย อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ซึ่งจัดตั้งเป็นสถานีวิทยุชุมชน 99.0 เมกกะเฮิร์ทซ ปูนิ่มเรดิโอ ของกลุ่มคนเสื้อแดง หลังพบพฤติกรรมยั่วยุปลุกระดมมวลชนผ่านดีเจหนึ่ง หรือนายจักรพันธ์ บริรักษ์ ในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา
โดยนายสุขสันต์ สายสุรินทร์ หรือดีเจต่อ กำลังจัดรายการวิทยุอยู่เพียงคนเดียวได้นำเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าตรวจสอบสถานีวิทยุชุมชน พร้อมทั้งระบุว่าดีเจปูนิ่ม หรือนายประทีป ทรรศนียาภรณ์ เจ้าของสถานีไม่อยู่ เจ้าหน้าที่จึงทำการตรวจยึดเครื่องส่งวิทยุจำนวน 8 รายการ ซึ่งประกอบด้วยคอมพิวเตอร์ ซีพียู ไมโครโฟน ฯลฯ รวมทั้งอายัดเสาส่งสัญญาณสูง 60 เมตร และห้ามกระจายเสียงอีกต่อไป โดยอาศัยอำนาจตามประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ในพื้นที่ จ.เชียงใหม่
ที่มา: มติชนออนไลน์
รักษาการผู้ว่าฯ ขอนแก่นหนุนต่อ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ยันไม่กระทบ ปชช.
19 ก.ค.53 นายพยัต ชาญประเสริฐ รักษาราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น เปิดเผยถึงความคืบหน้าคดีเผาศาลากลางจังหวัดขอนแก่น พร้อมกับเหตุการณ์เผาบ้านเผาเมืองทั่วกรุงเทพหมานคร และอีก 3 ศาลากลางจังหวัดในพื้นทีภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เมื่อวันที่ 19 พ.ค.2553 ที่ผ่านมา ซึ่งวันนี้นับเป็นวันครบ 2 เดือนของเหตุการณ์ และความสูญเสีย ในส่วนของคดีการจับกุมผู้กระทำผิด บุกรุกสถานที่ราชการและทำลายทรัพย์สิน ตลอดจนก่อการร้ายเผาศาลากลางจังหวัดนั้น โดยคดีเผาศาลากลางอยู่ในความดูแลของDSI ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจและทางจังหวัดได้ประสานการทำงานเพื่อนำผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีอย่างต่อเนื่อง ซึ่งประชาชนอาจมองว่าผ่านไป 2 เดือน จับกุมได้เพียงไม่กี่ราย ก็เนื่องจากหมายจับส่วนใหญ่เป็นการติดตามจับจากภาพถ่ายในสถานที่เกิดเหตุ ไม่มีชื่อ ที่อยู่ของผู้ต้องหา อย่างไรก็ตาม ก็ยังคงมีการติดตามเพื่อจับกุมผู้กระทำผิดต่อเนื่องอย่างแน่นอน
ต่อข้อถามถึงกรณีที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี จะมีการทบทวนเพื่อยกเลิก พ.ร.ก. ในบางจังหวัด ในวันที่ 21 ก.ค. นี้ นั้น สำหรับจังหวัดขอนแก่นที่ยังมีประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินนั้น มีผลกระทบต่อประชาชนจนเกิดการร้องเรียนใดๆ หรือไม่ นายพยัต กล่าวว่า ตนได้ประชุมพูดคุยกับทุกภาคส่วนอย่างต่อเนื่อง ทั้งทางสภาอุตสาหกรรม หอการค้าจังหวัด ผู้ประกอบการธุรกิจ โรงแรม และผู้ประกอบการทั่วไป ต่างแสดงความเห็นตรงกันว่าตั้งแต่มีพ.ร.ก.ฉุกเฉินในขอนแก่น ไม่ได้ส่งผลกระทบใดๆ ต่อวิถีชีวิตความเป็นอยู่ หรือการประกอบกิจการ เพราะพ.ร.ก. ควบคุมเฉพาะการชุมนุมทางการเมืองเท่านั้นดังนั้น หาก นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และทาง ศอฉ. จะมีการทบทวนเพื่อยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินในบางจังหวัด ก็จะมีการสอบถามมาทางจังหวัดอยู่แล้ว ซึ่งในส่วนของทางจังหวัดก็ยืนยัน ยังไม่มีความจำเป็นต้องยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินในขอนแก่น แต่อย่างใด
ที่มา: เนชั่นทันข่าว
"หรั่ง" คนสนิทเสธ.แดง ปิดปากไม่ให้ข้อมูลดีเอสไอ
รายงานข่าวจากดีเอสไอเปิดเผยเมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม ว่า หลังจากศาลอนุญาตให้ฝากขังนายสุรชัย หรือหรั่ง เทวรัตน์ ผู้ต้องหาคดีก่อการร้ายและคนสนิท พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือ เสธ.แดง อดีตผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก นั้น นายสุรชัยยื่นเงื่อนไขเป็นข้อแลกเปลี่ยนกับการเปิดเผยข้อมูลถึงขบวนการก่อการร้าย และผู้อยู่เบื้องหลังการสั่งการทั้งหมด โดยขอให้ดีเอสไอ ยอมกันตัวเองเป็นพยานในคดี และขอให้รับภรรยา แม่และลูกสาวของตนเข้าสู่การคุ้มครองพยาน ซึ่งดีเอสไอตกลงจะคุ้มครองแม่ ลูกและภรรยาตามมาตรการคุ้มครองพยาน ให้อยู่ที่ดีและมีความปลอดภัยในชีวิต แต่ไม่สามารถกันตัวนายสุรชัยเป็นพยานคดีได้เพราะมีส่วนเกี่ยวกับคดีก่อการร้ายหลักๆถึง 8 คดี และเป็นหนึ่งในขบวนการค้าอาวุธสงครามด้วย นายสุรชัยจึงยังไม่ยอมให้การเพิ่มเติมแก่ดีเอสไอ
นอกจากนี้ยังมีรายงานว่าทันทีที่นายสุรชัยเข้าไปถูกควบคุมในเรือนจำ กลุ่มนปช.ได้เข้าเยี่ยมและติดต่อจะให้ความช่วยเหลือและดูแลครอบครัวให้
ด้าน พล.อ.อภิชาต เพ็ญกิตติ ปลัดกระทรวงกลาโหม ตอบคำถามผู้สื่อข่าวที่โรงแรมรอยัล ริเวอร์ ถึงกรณีมีข่าวนายสุรชัยให้การว่า มีนายทหาร ตท.16 เข้าไปสนับสนุนการก่อการร้าย ว่า ถ้าหากเข้าไปเกี่ยวข้องทางเจ้าหน้าที่คงจะพิจารณาดำเนินการ
เมื่อถามว่าแสดงว่าการก่อเหตุที่ผ่านมามีทั้งกลุ่มสีเขียวและสีกากีเข้าไปเกี่ยวข้องกับ พล.อ.อภิชาต กล่าว่า ความจริงตามหลักฐานที่ปรากฏตั้งแต่ต้นมีเครือข่ายโยงใยกันอยู่ แต่ต้องติดตามกันต่อไป
"ดีเอสไอ" โชว์อาวุธของกลาง "ธาริต" ยันไม่ได้พยายามโยงเอี่ยวเสื้อแดงแต่มีหลักฐาน
เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ พร้อมด้วย พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันท์ รองอธิบดีดีเอสไอ แถลงข่าวการล่อซื้ออาวุธสงครามจากนายสุรชัย หรือหรั่ง เทวรัตน์ ผู้ต้องหาคดีก่อการร้ายและคนสนิท พล.ต.ขัตติยะ หรือเสธ.แดง สวัสดิผล อดีตผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก
นายธาริต กล่าวว่า นายหรั่งเป็นคนสนิทใกล้ชิดเสธ.แดง จริง โดยดีเอสไอมีหลักฐานเป็นภาพถ่ายแสดงให้เห็นถึงความใกล้ชิด โดยนายหรั่งได้เดินทางไปเมืองจีนพร้อมคณะการ์ดชุดดำ มีเที่ยวบินและภาพถ่ายขณะเดินออกจากด่านที่สุวรรณภูมิชัดเจน หากนายหรั่งไม่ใช่ตัวการสำคัญคงไม่เข้าไปเกี่ยวข้องกับหลายเหตุการณ์ ซึ่งดีเอสไอมีหลักฐานค่อนข้างแน่นหนาว่านายหรั่งเกี่ยวข้องกับ 8 คดีสำคัญ ซึ่งไม่ขอเปิดเผยหลักฐานในชั้นสอบสวน อย่างไรก็ตาม ขอทำความเข้าใจว่าการเข้าไปเกี่ยวข้องกับเหตุก่อการร้าย 8 คดี ไม่ถือเป็นเรื่องผิดปกติ เนื่องจากคดีระเบิดและคดียิงเอ็ม 79 ในช่วง 2 เดือนของการชุมนุมเกิดขึ้นมากกว่า 60 คดี การก่อความไม่สงบทั้งหมดเป็นขบวนการและมีตัวละครชุดเดียวและหลังเหตุการณ์เข้าสู่ภาวะปกติ การระบายอาวุธสงครามออกมาขายเป็นเพียงกิจกรรมหนึ่งของนายหรั่งกับพวก
ผู้สื่อข่าวถามว่า ทนายความของนปช.ตั้งข้อสงเกตุว่าดีเอสไอพยายามโยงนายหรั่งให้เกี่ยวข้องกับแกนนำนปช. นายธาริต กล่าวว่า พฤติการณ์ของนายหรั่งเชื่อมโยงกับการก่อความไม่สงบขณะที่แกนนำนปช.ก็มีความเกี่ยวข้องกับการก่อความไม่สงบ พฤติการณ์ทั้งหมดจึงเชื่อมโยงกันทั้งหมด ดีเอสไอไม่ได้สอบสวนเพื่อเชื่อมโยงนายหรั่งกับเสธ.แดง แต่ข้อเท็จจริงเป็นเช่นนั้น ส่วนกรณีที่นายคารม พลทะกลาง ทนายความนปช. เข้ายื่นหนังสือขอถอนบัญชีพยานไม่ให้ดีเอสไอสอบปากคำพยานในส่วนของผู้ถูกกล่าวหานั้น ยืนยันว่าที่ผ่านมาดีเอสไอได้ติดต่อกับฝ่ายนปช.มาโดยตลอด และได้กำหนดที่จะสอบปากคำพยานในส่วนของผู้ถูกกล่าวหาในช่วง 10 วันสุดท้ายก่อนสรุปสำนวน จึงไม่ทราบว่าเหตุใดนายคารมจึงยื่นหนังสือขอถอนรายชื่อพยาน ดังนั้นดีเอสไอจะประสานโดยตรงไปยังตัวผู้ต้องหาเพื่อยืนยันว่าดีเอสไอพร้อมจะสอบพยานให้
ผู้สื่อข่าวถามว่าอีกว่า มีรายงานข่าวจากหน่วยงานความมั่นคงระบุว่า นายหรั่งดูเก่งเกินจริง ในการก่อเหตุ ทั้งหมด นายธาริต กล่าว ยังไม่ได้ข้อมูลและ ยังไม่ได้ตรวจสอบว่าเป็นหน่วยงาน ใด
พ.ต.อ.ณรัชต์ กล่าวว่า ในช่วงต้นเดือนมิ.ย.ได้รับมอบหมายจากนายธาริต ให้จัดชุดสายลับและเจ้าหน้าที่ดีเอสไอล่อซื้ออาวุธสงครามจากกลุ่มนิยมความรุนแรงที่ปฏิบัติการก่อเหตุช่วงเดือนเม.ย.-พ.ค. ซึ่งนำอาวุธที่ใช่ก่อเหตุออกมาจำหน่ายโดยนัดส่งมอบเงินจำนวน 60,000 บาทให้นายหรั่งกับพวกรวม 4 คน เพื่อแลกเปลี่ยนกับอาวุธสงครามประเภทต่าง ๆ อาทิ ปืนเล็กยาว(อาก้า) 4 กระบอก , เครื่องยิงเอ็ม 79 จำนวน 2 กระบอก , ลูกระเบิดขนาด 40 มม. (หัวสีทอง) 4 ลูก , ลูกระเบิด 40มม. (หัวสีดำ) 8 ลูก , ซองกระสุนปืนอาก้า 14 ซอง , ซองกระสุนปืนเอ็ม 16 ขนาดบรรจุ 30 นัด 1 ซอง , ซองกระสุนปืนเอ็ม 16 ขนาดบรรจุ 20 นัด 1 ซอง , ลูกระเบิดขว้าง 57-89 ไอที จำนวน 25 ลูก , กระสุนเอ็ม 60 จำนวน 102 นัด , กระสุน 5.56 มม. จำนวน 614 นัด ,กระสุนปืนอาก้า 47 จำนวน 1,375 นัด , ปลอกลูกระเบิด 1 ปลอก และกระเป๋าใส่ซองกระสุน 4 ใบ โดยดีเอสไอจะแจ้งข้อหาเพิ่มเติมกับนายหรั่งฐานจำหน่ายอาวุธสงคราม
พ.ต.อ.ณรัชต์ กล่าวอีกว่า ได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่เร่งตรวจสอบถึงอาวุธสงครามที่ล่อซื้อว่าผลิตจากที่ใด นำไปใช้ที่ไหนและนำเข้าประเทศไทยผ่านเส้นทางใด เบื้องต้นคาดว่าปืนอาก้าที่ล่อซื้อได้ผลิตจากประเทศจีนเพราะมีภาษาจีนกำกับ และไม่น่าจะใช่อาวุธที่คนร้ายยึดไปจากทหารเนื่องจากปืนอาก้าไม่ใช่อาวุธประจำกายของทหารไทย ส่วนรายละเอียดการล่อซื้อกลุ่มนายหรั่งได้เสนขายอาวุธทั้งหมดในจำนวนเงิน 1 แสนบาท แต่สายลับต่อรองเหลือ 6 หมื่นบาท เมื่อตกลงกันได้จึงมีการส่งมอบเงินและอาวุธกันในพื้นที่จังหวัดภาคตะวันออก
ศาลอุทธรณ์ไม่ให้ประกัน “ก่อแก้ว” ออกหาเสียง ส.ส.กทม.
วันที่ 19 ก.ค. 2553 ศาลอ่านคำสั่งศาลอุทธรณ์ในกรณีที่นายก่อแก้ว พิกุลทอง ผู้สมัคร ส.ส.กทม. ที่ถูกฝากขังในคดีฐานก่อการร้าย และ ถูกขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพ ได้ยื่นขอประกันตัวต่อศาลอุทธรณ์ เป็นครั้งที่สอง พร้อมหลักทรัพย์ 2 ล้านบาทนั้น ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งว่า คดีนี้อยู่ระหว่างการสอบสวน และเป็นคดีที่มีอัตราโทษสูง พฤติการณ์ผู้ต้องหาร้ายแรงอุกอาจ หากปล่อยตัวไป เกรงว่าจะไปทำยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานและอาจหลบหนี จึงไม่อนุญาตให้ประกันตัว
นายคารม พลทะกลาง ทนายความ กล่าวว่า หากนายก่อแก้วได้รับเลือกตั้ง ก็จะขออนุญาตศาล เดินทางไปรายงานตัวที่สภา และอาจจะขอประกันตัวอีกเพื่อไปทำหน้าที่ ส.ส. และหากเข้าสู่สมัยประชุมสภา เขาก็มีสิทธิ์ขอปล่อยตัวอีกด้วย
ที่มา: ไทยรัฐออนไลน์
เสื้อแดงโคราชทำบุญ 2 เดือนเหตุแยกราชประสงค์
19 ก.ค.53 นายสมโภชน์ ประสาทไทย หัวหน้าศูนย์ประสานงานพรรคเพื่อไทย สาขา อ.เมือง จ.นครราชสีมา และ ว่าที่ผู้สมัคร สส.เขต จ.นครราชสีมา พร้อมแกนนำเครือข่ายคนเสื้อแดง 23 องค์กร คนเสื้อแดงหลานย่าโม จำนวนกว่า 50 คน ได้นัดหมายรวมตัวที่วัดหนองจะบก ถนนมุขมนตรี เขตเทศบาลนครนครราชสีมา เพื่อร่วมพิธีทำบุญเลี้ยงเพลพระ และถวายสังฆทาน อุทิศส่วนบุญส่วนกุศล เนื่องในโอกาสครบรอบ 2 เดือน ในการเข้าสลายการชุมนุม ที่ แยกราชประสงค์ กทม. จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ โดยการ์ดคนเสื้อแดง มิให้สื่อมวลชนบันทึกภาพโดยเด็ดขาด
นายสมโภชน์ หน.ศูนย์ประสานงานฯ ให้สัมภาษณ์ว่า ขอให้ จนท.หน่วยงานความมั่นคง รายงานตรงตามข้อเท็จจริงด้วย กรุณาอย่างเบี่ยงเบนประเด็น คนเสื้อแดงในเขตโคราช มารวมตัวกัน ก็เพื่อทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้กับผู้ล่วงลับ มิใช่การแอบแฝงเรื่องการเมือง หรือเคลื่อนไหวใต้ดินแต่อย่างใด แนวร่วม นปช.ที่เสียชีวิต ขอให้วิญญาณจงรับรู้ไว้ด้วยว่า พวกเราคิดถึงอยู่ในใจเสมอ โดยเฉพาะกรณีที่วัดปทุมวนาราม ที่มีหลายคนยังคงหลอนกับภาพเบื้องหน้าที่ถูกสังหารอย่างโหดเหี้ยม ยังคงทำใจไม่ได้ เพราะเขาเห็นเหตุการณ์ต่อหน้าต่อตา ผู้เสียชีวิตทุกคนถือเป็นวีรชน ที่ต่อสู้เรียกร้องประชาธิปไตย มิใช่เป็นผู้ก่อการร้าย หรือเป็นคนชั่ว คนไม่ดี ตามที่ผู้นำประเทศกำลังบิดเบือนความจริง หากเป็นเช่นนี้ความปรองดองที่รัฐบาลกำลังดำเนินการอยู่อาจจะล้มเหลวไม่เป็นท่า
ต่อข้อถามหากยกเลิกการประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ คนเสื้อแดง จะออกมาเคลื่อนไหวทางการเมืองหรือไม่ หน.ศูนย์ประสาน ฯ ตอบ ทุกวันนี้แม้นจะมีหรือไม่มี พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ พวกเราต่างคนก็แยกย้ายกลับไปใช้ชีวิตตามปกติ ปฏิบัติหน้าที่การงานหาเลี้ยงชีพ และครอบครัวเหมือนเดิม ไม่ได้แอบนัดพบ หรือวางแผนเคลื่อนไหวตามที่มีหลายฝ่ายคาดคิดไว้เลย มีแต่เจ้าหน้าที่รัฐ ที่พยายามสะกดรอยติดตาม สร้างปม สร้างประเด็น ให้เกิดการเข้าใจคลาดเคลื่อน ทั้งๆที่ทราบดีว่า พื้นที่ในเขต จ.นครราชสีมา ที่เปรียบเสมือนสัญลักษณ์ทางการเมือง หรือแนวเขตสายล่อฟ้า ที่มีบ้านพักประธานองคมนตรี กองบัญชาการกองทัพภาคที่ 2 สนง.ตำรวจภูธร ภาค 3 ตั้งอยู่ โดยเฉพาะเป็นเส้นทางผ่านไปยังเมืองหลวง โอกาสที่จะยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ นั้นมีน้อยมาก เพราะฉะนั้น ก็ขอให้พวกเราได้ใช้ชีวิตปกติสุขจะดีกว่า จะได้ช่วยเป็นหูเป็นตาให้อีกทาง หากมีกลุ่มไม่หวังดีมาสร้างสถานการณ์ความไม่สงบ
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)