Skip to main content
sharethis

“อภิสิทธิ์” แจงศิริโชคเข้าพบ “วิคเตอร์ บูท” ในฐานะ ส.ส. ที่มีความสนใจเรื่องใดก็ไปเสาะแสวงหาข้อมูล แต่จะสนทนาอะไรต้องไปถามศิริโชคเอง ไม่เกี่ยวข้องกับรัฐบาล ชี้มีความพยายามจุดประเด็นว่าไทยแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม ซึ่งเป็นเท็จและทำให้ภาพประเทศเสียหาย ด้าน “สุเทพ” บอกไม่หนักใจ “ศิริโชค” เป็นเรื่องของศิริโชค และพรรคไม่รับผิดชอบด้วย "ป็นคนสนิทของนายกรัฐมนตรี หรือของตนหรือของใคร ก็เป็นเรื่องของตัวบุคคล"

มาร์คชี้คนจุดประเด็นไทยแทรกแซงยุติธรรม จะทำให้ภาพลักษณ์ประเทศเสียหาย

วันนี้ (28 ส.ค.) เมื่อเวลา 07.30 น. ที่ลานพระบรมรูปทรงม้า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นางเอลล่า บูท ภรรยานายวิคเตอร์ บูท ผู้ต้องชาวรัสเชียคดีค้าอาวุธสงคราม ซึ่งออกมาแถลงข่าวเมื่อ 27 ส.ค. โดยปฏิเสธกรณีเทปลับการสนทนาระหว่างนายศิริโชค โสภา ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ กับนายวิคเตอร์ บูท ในเรือนจำ ว่า เรื่องนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทยและแกนนำคนเสื้อแดงพูดแล้วไม่มีมูลความจริง แต่ที่เราให้ความสำคัญกว่าคือทำอย่างไรจะทำให้ทั้งคนไทยและประชาคมโลกเข้าใจชัดเจนว่าสิ่งที่รัฐบาลไทยหรือแม้กระทั่งรัฐไทยทำนั้นทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมายและข้อตกลงระหว่างประเทศ รวมไปถึงหลักสากลและให้ความสำคัญกับมิตรประเทศทุกประเทศ ซึ่งการพยายามจะจุดประเด็นเหมือนหนึ่งว่าในประเทศไทยมีการแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมนั้น นอกจากจะเป็นเท็จแล้วยังสร้างความเสียหายให้กับภาพลักษณ์ประเทศไทยโดยไม่จำเป็น และไปสร้างความกระทบกระเทือนทำให้เกิดปัญหาความสัมพันธ์ต่างๆ ซึ่งขณะนี้ชัดเจนแล้วว่ามันไม่มีเรื่องใดๆ ที่รัฐบาลจะไปใช้ต่อรองในการแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม แต่สิ่งที่ต้องทำความเข้าใจอย่างต่อเนื่องคือกระบวนการ เพราะมีความซับซ้อนพอสมควร เนื่องจากยังมีคดีที่ 2 อยู่ที่เราก็ต้องการให้มันคลี่คลายไปก่อนแล้วถึงจะพิจารณาในขั้นตอนต่อไปได้

ผู้สื่อข่าวถามว่า ทางทนายความของนายวิคเตอร์ บูท ได้ร้องขอให้รัฐบาลอย่าเพิ่งส่งตัวไปให้กับสหรัฐอเมริกาโดยอ้างเรื่องความปลอดภัยในชีวิตของลูกความ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในชั้นนี้ต้องรอการพิจารณาของศาลว่าในกรณีที่สหรัฐอเมริกาได้ประสานมาเพื่อให้อัยการยื่นถอนคดีที่ 2 นั้นศาลจะวินิจฉัยอย่างไร เพราะเข้าใจว่าฝ่ายจำเลยจะยื่นแก้คำฟ้องหรือการคัดค้านอย่างไรนั้นเรายังไม่ทราบ แต่ถ้าคดีนี้ยังอยู่ เราจะไม่สามารถส่งตัวตามคดีแรกได้

 

แจงศิริโชคทำในฐานะ ส.ส. มีความสนใจเรื่องใดก็ไปเสาะแสวงหาข้อมูล

ผู้สื่อข่าวถามว่า ภรรยานายวิคเตอร์ บูท ระบุว่านายศิริโชคอ้างตำแหน่งผู้ช่วยนายกรัฐมนตรี ในการสนทนากับนายวิคเตอร์ บูท นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า “เมื่อคืนนี้ (27 ส.ค.) ผมได้สอบถามเจ้าตัวเขายืนยันว่าแนะนำตัวเองในฐานะ ส.ส. แต่รายละเอียดการพูดคุยก็ต้องให้คุณศิริโชค ชี้แจงเอง”

ผู้สื่อข่าวถามว่า การอ้างตำแหน่งผู้ช่วยนายกรัฐมนตรีนั้นอาจจะส่งผลต่อความเชื่อมั่นในตัวนายกรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า “ก็เจ้าตัวเขาบอกว่าไม่ได้พูด”

ผู้สื่อข่าวถามว่า นายจตุพร บอกว่าในฐานะ ส.ส.ก็ไม่ควรไปพบเพราะไม่มีอำนาจหน้าที่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า “เหรอครับ แล้วที่คุณจตุพร ทำอยู่นี้เป็นอำนาจหน้าที่ ส.ส.หรือเปล่าครับ ที่ไปทำมาทั้งหมด คุณศิริโชคก็ชี้แจงสภาฯ ไปแล้วว่าเขามีหน้าที่ในการหาข้อมูลมาประกอบการทำงานในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับประโยชน์ของบ้านเมืองครับ และไม่มีเรื่องประโยชน์ส่วนตัว ไม่มีเรื่องต่อรอง ไม่มีเรื่องอะไร เพราะฉะนั้นก็เป็นเรื่องของการทำหน้าที่ของแต่ละคน ส.ส.เขามีความสนใจปัญหาเรื่องใดก็ไปเสาะแสวงหาข้อมูล”

ผู้สื่อข่าวถามว่า หากไม่ใช่ ส.ส.แล้วทางกรมราชทัณฑ์จะให้เข้าพบผู้ต้องหาหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า อันนี้อยู่ที่ทางกรมราชทัณฑ์จะเป็นผู้พิจารณา ผู้สื่อข่าวถามว่า การที่นายศิริโชค เป็นคนใกล้ชิดนายกรัฐมนตรีนั้นจะเป็นปัญหากับเรื่องนี้หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า “ก็คงไม่มี เพราะจุดยืนของผมและรัฐบาลนั้นชัดเจนอยู่แล้วว่าเราพิจารณาทุกเรื่องเรายึดประโยชน์ประเทศและยึดกติกา ทั้งกติกาบ้านเราและกติกาสากล”

 

อยากรู้ว่าคุยเรื่องอะไรต้องให้ศิริโชคอธิบายเอง ยันรัฐบาลไม่เกี่ยว

ผู้สื่อข่าวถามว่า แถลงการณ์ของนายบูทนั้นระบุชัดเจนว่าเป็นการพูดคุยเรื่อง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คุยกันเรื่องอะไรบ้างก็คงต้องถามนายศิริโชค ให้อธิบายเองว่าคุยกันอย่างไร เช่น การระบุว่านายศิริโชคไปถามเรื่องนั้นเรื่องนี้ก็ต้องระบุด้วยว่าตอนนั้นคุยกันเรื่องอะไร อยู่ดีๆ จะไปตั้งคำถามคำตอบกันคงไม่ได้ เพราะเป็นการสนทนากัน ตนไม่ทราบรายละเอียดการพูดคุยว่าเป็นอย่างไร แต่ชัดเจนว่ารัฐบาลไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง ในลักษณะที่พยายามจะกล่าวหาว่ามีการต่อรองเรื่องนั้นเรื่องนี้และมีความพยายามที่จะแทรกแซง แต่ตนสนใจที่สุดก็คือพวกเราทุกคนต้องยืนยันว่ากระบวนการยุติธรรมของไทย การทำหน้าที่ของอัยการและศาลนั้นเป็นไปอย่างตรงไปตรงมา เพื่อจะได้อธิบายกับมิตรประเทศของเราทั้ง 2 ด้านได้อย่างเต็มที่

“คือจริงแล้วต้องยอมรับว่าการแถลงข่าว (ของภรรยานายวิคเตอร์ บูท) เมื่อวานนั้นต้องการที่จะมุ่งไปที่สหรัฐอเมริกาด้วย ซึ่งอันนี้ผมได้ให้กระทรวงการต่างประเทศ มอบหมายไปว่าทำอย่างไรที่จะให้ 2 ประเทศนี้คุยกันเองได้บ้าง มิฉะนั้นแล้วก็จะกลายเป็นว่าความต้องการของแต่ละฝ่าย ก็จะมาบอกกับฝ่ายไทยอย่างเดียว ซึ่งความจริงเราอยู่ตรงกลาง และไม่ได้ไปมีส่วนได้เสียเกี่ยวข้องโดยตรงอะไรกับใคร” นายกรัฐมนตรีกล่าว

 

สุเทพไม่ขอวิจารณ์ประธานวุฒิสภาหลังให้สัมภาษณ์เรื่องวิคเตอร์ บูท

ล่าสุด วานนี้ (29 ส.ค.) เมื่อเวลา 12.45 น. ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ประธานวุฒิสภาออกมาระบุว่าการที่นายศิริโชค โสภา ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ เข้าไปเจรจาลับกับนายวิคเตอร์ บูท ผู้ต้องหาชาวรัสเซียคดีค้าอาวุธสงครามเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสมและทำให้ปัญหาลุกลาม ว่า เป็นสิทธิของท่านที่จะแสดงความคิดเห็น บังเอิญท่านเป็นผู้ใหญ่ ตนก็เลยไม่กล้าวิพากษ์วิพากษ์วิจารณ์ท่าน ถ้าเป็นคนอื่นเขาอาจจะวิจารณ์ท่านได้ว่าเป็นประธานวุฒิสภาไม่ควรจะมาวิจารณ์ฝ่ายนั้นฝ่ายนี้

ผู้สื่อข่าวถามว่าในฐานะเป็นฝ่ายบริหารจะทำอย่างไรให้ทุกฝ่ายและประชาชนสบายใจได้ว่าประเทศไทยจะไม่ตกอยู่ในภาวะลำบากยุ่งยากจากเรื่องนี้ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนไม่มีความรู้สึกวุ่นวายสับสนหวั่นไหวไปกับกรณีเรื่องของนายวิคเตอร์ บูทเลย เพราะเราได้ตกลงตั้งแต่ต้นแล้วว่าเราจะยึดหลักปฏิบัติตามกรอบของกฎหมายของเราและกฎหมายระหว่างประเทศ ซึ่งมีตัวบทกฎหมายที่ต้องปฏิบัติตาม และมีกระบวนการยุติธรรมของไทยที่เราภูมิใจมั่นใจว่าเป็นมาตรฐานเดียวกับคนอื่นในโลก จึงไม่มีอะไรต้องไปวุ่นวายสับสนคิดมาก จะเป็นสหรัฐอเมริกาหรือรัสเซียจะมาโวยวายกับเราไม่ได้ทั้งนั้น เพราะเราทำตามกฎหมาย ส่วนที่เป็นข่าวอื่นๆ ที่เหลือใหม่ๆ คิดว่าคนพยายามไปสร้างให้เป็นสีสัน ถ้าเราไปติดยึดกับสีสันเหล่านั้นจนพลอยกลุ้มอกกลุ้มใจไปก็น่าเสียดาย

 

ไม่หนักใจกับ “ศิริโชค” เป็นเรื่องของศิริโชค พรรคไม่รับผิดชอบด้วย

ผู้สื่อข่าวถามว่าประธานวุฒิสภาเองเห็นว่าการกระทำของนายศิริโชคทำให้ปัญหาลุกลามบานปลายเอาประเทศไทยเข้าไปอยู่ใต้ความขัดแย้ง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า “ผมเรียนแล้วว่าไม่กล้าวิจารณ์ประธานวุฒิสภา แต่เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องแก้ไขอะไรเลย อยู่เฉย ๆ นายศิริโชคก็ไม่มีปัญญาที่จะทำให้ศาลเปลี่ยนคำพิพากษาได้ ศาลก็ไม่ฟังนายศิริโชคอยู่แล้ว แล้วนายศิริโชคก็ไม่เคยเอาสิ่งที่ไปพบกับนายวิคเตอร์ไปรายงานกับศาลหรือบวกเข้าไปในสำนวน ไม่มีอะไรเกี่ยวกันเลย อย่าไปโยงกัน ตนไม่หนักใจไม่กังวลว่ากรณีของนายศิริโชคจะนำรัฐบาลเข้าไปสู่ความยุ่งยาก ถ้ามีอะไรที่นายศิริโชคทำ ก็เป็นเรื่องที่นายศิริโชครับผิดชอบคนเดียว พรรคก็ไม่รับผิดชอบด้วย รัฐบาลก็ไม่พลอยเข้าไปหุ้นด้วยอยู่แล้ว

ผู้สื่อข่าวถามว่าแต่นายศิริโชคเป็นคนสนิทของนายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ถึงเป็นคนสนิทของนายกรัฐมนตรี หรือของตนหรือของใคร ก็เป็นเรื่องของตัวบุคคล

ผู้สื่อข่าวถามว่าระยะเวลากว่าจะถึงเดือนตุลาคม ที่ศาลจะพิจารณาคดีเสร็จสิ้นก่อนส่งตัวนายวิคเตอร์ บูท นายกรัฐมนตรีเป็นห่วงกังวลเกรงจะมีการชิงตัวนายวิคเตอร์ จะต้องมีการเพิ่มการรักษาความปลอดภัยอย่างไร รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนขอประท้วงเล็ก ๆ ต่อสื่อมวลชนชอบเสนอข่าวที่ยังไม่เกิดเป็นข่าว แล้วทำให้คนวิตกกังวล ทำให้ตนเป็นห่วงสุขภาพจิตของคน

 

ที่มา: ศูนย์สื่อทำเนียบรัฐบาล [1] และ [2]

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net