บิ๊กจิ๋วชี้ 4 เสามีปัญหา-แนะวิธีแก้ขัดแย้ง จาตุรนต์เชื่อปชป.ไม่ยุบ-จี้ ตลก.รับผิดชอบคลิป

 
12 พ.ย.53 โรงแรมเรดิสัน เวลา 9.00 น. พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานพรรคเพื่อไทยกล่าวปาฐกถาในการสัมมนาเชิงปฏิบัติการ “วิกฤตการณ์การเมืองกับทางรอดประเทศไทย” ว่า การพัฒนาทางสังคม การเมืองการปกครองของไทยทุกสังคม จำเป็นต้องมีหลัก 5 ข้อ คือ ความเป็นประชาธิปไตย เสรีภาพ กฎหมายที่มีมาตรฐานเดียว ความเสมอภาค และรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง สำหรับประเทศไทย หลังปี พ.ศ.2475 ประชาธิปไตยค่อยๆ พัฒนาเหมือนหลายๆ ประเทศ โดยสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นสถาบันหลักในการเปลี่ยนแปลงการปกครอง หรือแก้ไขปัญาบ้านเมืองมาตั้งแต่อดีต เมื่อมีปัญหาถ้าสถาบันพระมหากษัตริย์ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณเสด็จลงมาก็จบง่าย แต่ทุกคนเข้าใจว่าพระองค์ท่านอาจทรงลังเล เนื่องจากหากเสด็จลงมาอาจมีคนต่อว่า แต่ขอให้เชื่อว่าสิ่งมหัศจรรย์ในประเทศเกิดขึ้นเสมอ
 
อย่างไรก็ตาม หากสถาบันพระมหากษัตริย์ไม่เคลื่อนไหวสถาบันต่อมาที่จะเคลื่อนไหวดังที่เห็นมาโดยตลอดคือ สถาบันทหาร ที่ผ่านมาพวกเขาล้วนทำรัฐประหารด้วยความบริสุทธิ์ใจ ดูจากแถลงการณ์ฉบับที่ 1 ก็เขียนเหมือนกันหมดทั้ง 27 ครั้ง
 
“ผมเสียดายเป็นบ้า รู้อย่างนี้ผมยึดอำนาจเสียเลยดีกว่า ถ้ายึดอำนาจแล้วรู้วิธีทำคือสร้างประชาธิปไตย ไม่ใช่ยึดทีไรทำเป็นอย่างเดียวคือฉีกรัฐธรรมนูญแล้วร่างใหม่”
 
พล.อ.ชวลิตยกตัวอย่างกรณีร่างรัฐธรรมนูญ 40 สมัยที่เขาเป็นนายกฯ สังคมก็มีทั้งส่วนเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย แต่สุดท้ายก็มีการอธิบายฝ่ายไม่เห็นด้วยให้เข้าใจว่าประเทศที่กำลังพัฒนาประชาธิปไตยจำเป็นต้องมีฝ่ายบริหารที่เข้มแข็ง อย่างไรก็ตาม เรามักให้ความสำคัญกับรัฐธรรมนูญมากเกินไป เข้าใจว่ารัฐธรรมนูญคือเครื่องมือในการสร้างประชาธิปไตย ซึ่งเป็นมรดกทางความคิดมาจากคณะราษฎร
 
“รัฐธรรมนูญไม่ใช่ไม่สำคัญ สำคัญ แต่อย่าหัวปักหัวปำมากนักจนจะฆ่ากันเพราะรัฐธรรมนูญ แม้แต่วันนี้จะแก้รัฐธรรมนูญ ก็ไม่ได้ช่วยเรื่องปรองดองแม้แต่น้อย...จะแก้ปัญหาได้ต้องทำให้เกิดประชาธิปไตยที่แท้จริง”
 
พล.อ.ชวลิตยังเรียกร้องให้ทหารอยู่ในกรมกองและทำหน้าที่ของตนให้ดีที่สุดโดยไม่เข้ามายุ่งเกี่ยวกับการเมืองแม้จะมีเจตนาดี ปล่อยให้การแก้ไขปัญหาเป็นหน้าที่ของรัฐบาลเช่นเดียวกับเมื่อ 20 ปีที่แล้วซึ่งมีสภาพเป็นสงครามกลางเมือง แต่ตอนนั้นแก้ได้โดยไม่ชี้หน้าว่าอีกฝ่ายคือผู้ก่อการร้ายเพียงเสนอใช้หลักเสรีภาพส่วนบุคคลก็เป็นที่ยอมรับ
 
“ทหารเป็นองค์กรที่มีทุกอย่างพร้อมและเป็นเครื่องมือ กลไกหลักของรัฐที่สำคัญามาก วันนี้น่าห่วง ตำรวจ ทหาร ศาล คุก สี่เสาหลักของบ้านเมืองมีปัญหาพอสมควร”พล.อ.ชวลิตกล่าวและว่า ตอนนี้เป็นหน้าที่ของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ในฐานะนายกรัฐมนตรีที่ต้องรับผิดชอบว่าประเทศชาติจะไปทางไหน ก่อนหน้านี้พรรคเพื่อไทยเคยเสนอตอนรัฐบาลออกโรดแมพเมื่อต้นปีแล้วว่าควรเร่งแก้ปัญหาก่อนจะปะทะกัน แต่รัฐบาลก็ไม่สนใจ จนเกิดการสูญเสียซึ่งจะทำให้การแก้ปัญหายากขึ้น ทั้งยังเสนอว่านายกฯ ต้องมีจิตใจความเป็นผู้นำ มองเห็นพี่น้องร่วมชาติแม้คนละพวก คนละสีว่าเป็นพี่เป็นน้อง อย่ามองเป็นอย่างอื่น แต่สุดท้ายก็ยังชี้หน้าว่าเป็นผู้ก่อการ แม้วันนี้สถานการณ์เริ่มดีขึ้นแต่ก็ยังช้าไป
 
“วันนี้สิ่งที่เจ็บปวดที่สุดในหัวใจของคนเสื้อแดง ท่านครับ สิ่งที่สำคัญที่สุดที่เขาเจ็บที่สุด คือการว่าเขาว่าไม่จงรักภักดี...ผมมาอยู่ตรงนี้ได้พิสูจน์แล้ว ฟังแล้ว ต่อสู้ทางความคิดแล้ว สรุปได้ว่าทุกคนจงรักภักดี แต่ความจงรักภักดีไม่ใช่ต้องป่าวประกาศและบอกว่าจะปกป้องท่าน เอ็งไปปกป้องอะไรท่านมีแต่ท่านมาคุ้มกะลาหัวเอ็ง” พล.อ.ชวลิตกล่าวพร้อมเรียกร้องว่า วิถีทางที่จะปกป้องสถาบันได้ทีที่สุดคือ มุ่งมั่นทำงานถวาย และการต่อว่าเรื่องการไม่จงรักภักดีเป็นเรื่องการเมืองที่ควรเลิกเสียที
 
เพื่อไทยชูนโยบายเศรษฐกิจ “สามหก”
สุชาติ ธาดาธำรงค์เวช อดีตหัวหน้าพรรคเพื่อไทย และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังพูดถึงนโยบายเศรษฐกิจของพรรคเพื่อไทย หากได้รับเลือกเป็นรัฐบาลจะทำอะไรบ้างในเวลา 18 เดือน โดยเริ่มต้นชี้ความต่างระหว่างรัฐบาลซึ่งตั้งโดยกลุ่มขุนนางและมาเฟีย กับรัฐบาลประชาธิปไตยจากการเลือกตั้งว่า รัฐบาลขุนนางชอบให้ทาน สร้างบุญคุณ แต่รัฐบาลประชาธิปไตยเน้นให้โอกาส  รัฐบาลขุนนางและมาเฟีย มีโอกาสโกงได้ก็โกงชัดเจนกว่ารัฐบาลประชาธิปไตย รัฐบาลขุนนางมาเฟียไม่พอใจประชาชนสามารถเอาปืนมายิงได้ แต่รัฐบาลประชาธิปไตยทำแบบนี้ไม่ได้ ทำแล้วก็จะอยู่ไม่ได้ ส่วนเรื่องเศรษฐกิจรัฐบาลขุนนางและมาเฟีย เน้นโฆษณาประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนอยู่อย่างพอใจในสิ่งที่ตัวเองมีอยู่ เน้นการกู้ จนกระทั่งหนี้สาธารณะปัจจุบันเทียบกับจีดีพีขึ้นมาอยู่ที่ 50% ขณะที่สมัยนายกฯ สมชายยังอยู่ที่ 34%
 
ในส่วนของพรรคเพื่อไทย สุชาติกล่าวว่ามีนโยบาย 3 เรื่องใหญ่ ซึ่งทักษิณเป็นผู้เสนอและผ่านการหารือกันบ้างแล้วคือ 1.ค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาทต่อวัน 2.ข้าวเปลือกเจ้า 5% รับจำนำเกวียนละ 15,000 บาทจากราคาปัจจุบันอยู่ที่ 7,000 บาทบวงค่าส่วนกลาง 1,000 บาท 3.คนจบปริญญาตรีรับราชการเงินเดือน 15,000 บาท
 
ส่วนนโยบายหลักวันนี้สุชาติกล่าวว่าเป็นนโยบายที่เรียกว่า 4 ปีมาร่วมสร้างความสุขกันใหม่เพื่อไทยทุกคน โดยเน้นการสร้างความปรองดอง ฟื้นฟูประชาธิปไตย แก้ไขรัฐธรรมนูญ สร้างความเชื่อมั่นให้กลับมาในเวทีโลก ประกาศสงครามยาเสพติดรอบใหม่  ขณะที่วิธีการนั้นเรียกว่า “นโยบายสามหก” คือ 6 เดือนแรกเน้นลดรายจ่าย เช่น พักชำระหนี้ให้แก่ประชาชนที่มีนี้ไม่ถึง 3 แสนบาทเป็นเวลา 5 ปี ลดภาษีน้ำมัน เป็นต้น  6 เดือนที่สองเน้นเพิ่มรายได้ และ 6 เดือนสุดท้ายเน้นขยายโอกาส
 
ส่วนการจัดการน้ำอันเนื่องมาจากสถานการณ์น้ำท่วมนั้น สุชาติเสนอนโยบายเรื่องการดูแลระบบน้ำของชาติโดยไม่กู้เงินคือ  1.สร้างเขื่อนและประตูกั้นน้ำทะเลหนุนและประตูระบายน้ำรอบกทม.และปริมณฑล เพิ่มพื้นที่สีเขียว 2.สร้างแก้มลิงตามพระราชดำริบริเวณแม่น้ำสายหลัก 3.ขุดเชื่อมแม่น้ำสายหลักที่ไม่ไกลกันเพื่อผันน้ำ 4.สร้างป่าชุมชน 1 หมู่บ้าน 1 ป่าชุมชนเพื่อให้เกิดพื้นที่ชุ่มน้ำมากขึ้น 5.ปลูกหญ้าแฝกพื้นที่ต้นน้ำตามแนวทางพระราชดำริ
 
‘อชิรวิทย์’เสนอรัฐผลิตยาเสพติดดั๊มราคาเอกชน จัดโซนนิ่งผู้ใช้ยา
พล.ต.อ.อชิรวิช สุพรรณเภสัช อดีตรองผบ.ตร. กล่าวว่าในปีนี้ปัญหายาเสพติดแพร่ระบาดอย่างต่อเนื่อง และหนักขึ้นกว่าเดิม ช่วงที่มีนโยบายชัดเจนเด็ดขาดในการปราบปรามก็กล่าวหาว่าเป็นการฆ่าตัดตอน เจ้าหน้าที่จึงพยายามหลีกเลี่ยงการเข้าจับกุม เนื่องจากรัฐบาลนี้ประกาศชัดว่าจะไม่รับผิดชอบ ไม่มีการสั่งฆ่าผู้ค้ายา ขณะที่การเข้าจับกุมผู้ค้ายาแต่ละครั้งทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องเสียชีวิตเฉลี่ยแล้วเดือนละ 1.5 คน นอกจากนี้ปัญหายาเสพติดก็เป็นตัวเร่งปัญหาอาชญากรรมที่มีแนวโน้มสูงขึ้นทุกปี จึงขอเสนอหลักการแก้ปัญหา คือ 1.ถึงเวลาหรือยังที่รัฐจะผลิตยาเสพติดแข่งกับคนค้ายา แล้วดั๊มพ์ราคาให้เหลือ 1-2 บาท แล้วจัดโซนนิ่ง จัดเขตที่จะอนุญาตในการเสพยา เพื่อทำให้เกิด low risk low return มีการขึ้นทะเบียน ตรวจสอบได้ง่าย
 
2.หากมาตรการแรกถูกต่อต้านหนัก ขอให้มุ่งเน้นมาตรการหมู่บ้านและชุมชนเข้มแข็ง โดยต้องแก้กฎหมายลักษณะการปกครองท้องที่ พ.ศ. 2457 ขยายอำนาจคณะกรรมการหมู่บ้านในการตัดสินคดีความต่างๆ จากเดิมที่กำหนดเพียงความผิดอันยอมความได้ทางคดีแพ่งให้ขยายคลุมทุกเรื่องที่เป็นโทษไม่เกิน 3 ปี เพื่อให้ชุมชนมีส่วนร่วมในการจัดการปัญหาตัวเอง และรัฐจะสามารถประหยัดงบประมาณได้มากเนื่องจากปัจจุบันนักโทษกว่าครึ่งหนึ่งในเรือนจำมีโทษไม่เกิน 3 ปีทั้งสิ้น 3.พื้นที่ 3 จังหวัดภาคใต้ควรใช้การศาสนานำการปกครอง 4.เน้นการสร้างครู เพื่อให้ครูไปสร้างคนที่มีคุณภาพ เพราะมันเกี่ยวโยงกับปัญหาสังคม
 
‘จาตุรนต์’ เชื่อไม่มีแก้รธน. ไม่ยุบพรรค ปชป.
จาตุรนต์ ฉายแสง กล่าวว่าจุดเริ่มต้นของปัญหาเกิดจากคนส่วนน้อยที่เป็นคนสำคัญของสังคมไม่เชื่อมั่นในประชาชน ไม่ใช้วิถีทางประชาธิปไตยมาแก้ปัญหา แต่ใช้วิธีการรัฐประหารทำให้ประเทศถอยหลัง รัฐประหารครั้งนี้มีลักษณะพิเศษที่ยืดเยื้อมีกระบวนการต่อเนื่องมาจนถึงทุกวันนี้ มีกลไกซึ่งมีที่มาไม่เป็นประชาธิปไตยส่วนใหญ่มาจากฝ่ายตุลาการซึ่งไม่พึงมาก้าวก่ายฝ่ายนิติบัญญัติ หน่วยงานอย่าง สตง. กกต. ปปช. ยังเป็นคณะบุคคลเดิมที่ตั้งสมัยคมช. และวิฤตที่สำคัญคือ การใช้สถาบันมาทำลายฝ่ายตรงข้าม ความขัดแย้งไม่ยุติก็เพราะแบบนี้ ตอนนี้ใช้กลไกต่างๆ เกือบทุกชนิดที่มีอยู่ทำลายฝ่ายตรงข้ามและป้ายสีความผิดนี้ แต่ขบวนการประชาธิปไตยกลับขยายตัวขึ้นเรื่อยๆ ส่วนกลไกต่างๆ เสื่อมลงเรื่อยๆ โดยเฉพาะในแวดวงตุลาการ
 
ด้านการปรองดอง จาตุรนต์กล่าวว่า มีความพยายามจากหลายฝ่าย ทั้ง คอป. ทั้งการคุยกันระหว่างพรรคการเมืองกับฝ่ายความมั่นคง แต่ปรากฏว่ารัฐบาลมาเกี่ยวข้องน้อยมากอย่างน่าตกใจ การประกันตัวแกนนำและประชาชนไม่เกิดขึ้น แกนนำที่อยู่ในคุกส่วนใหญ่คือคนทีประกาศแนวทางสันติวิธี และยังมีผุ้ถูกจับกุมจำนวนมาก เพิ่งจะมีการประกันตัวไม่กี่คน
 
จาตุรนต์กล่าวต่อว่า การเลือกตั้งก็ยังมีประโยชน์ในการช่วยตัดสินว่าใครจะเป็นรัฐบาล การเลือกตั้งยังเป็นเครื่องมือสำคัญ ประชาชนไทยก็ติดกับการเลือกนโยบาย เลือกพรรคการเมืองแล้ว ไม่สามารถย้อนกลับไปเป็นการซื้อเสียง เลือกพรรคเล็กแล้ว แต่สุดท้ายการเลือกตั้งก็จะมีความหมายไม่เท่ากับการเลือกตั้งปกติ ในสภาพการณ์เช่นนี้ไทยกับพม่าไม่แน่ว่าการเลือกตั้งของใครจะมีความหมายมากกว่ากัน
 
แนวโน้มที่จะเกิดขึ้นคือ ถ้าพรรคเพื่อไทยได้ไม่ถึงครึ่งคงได้เป็นฝ่ายค้าน เพราะคงถูกผู้มีอำนาจบังคับพรรคเล็กไปรวมกับประชาธิปัตย์ เสื้อแดงก็ต่อต้านยากขึ้น ต้องรอเขาคอรัปชั่นมากๆ รัฐบาลอยู่ได้นานหน่อย แต่บริหารประเทศไม่ได้ แต่ถ้าพรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้ง เชื่อได้ว่าต้องมีใครโดนใบแดง ยุบพรรค ล้มรัฐบาลนั้นอีก อาจมีคนบอกว่าเขาไม่กล้าทำเพราะประชาชนไม่ยอม แต่ปรากฏว่าที่ผ่านมาเขาก็ทำ ส่วนพรรคประชาธิปัตย์เชื่อว่าสุดท้ายจะไม่ถูกตัดสินยุบพรรค ด้วยเหตุผลง่ายๆ ว่า “ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้วอีกสักเรื่องจะเป็นไร”
 
ส่วนการแก้รัฐธรรมนูญจะแก้ได้ไหม มีประโยชน์กับการปรองดองไหม จาตุรนต์ระบุว่าไม่เกี่ยวกันเลย ความคิดแก้รัฐธรรมูญก่อนการเลือกตั้งนั้นคณะกรรมการสมานฉันท์ทั้ง 2 ชุดมีแนวคิดง่ายๆ ว่ามาตราไหนที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งเป็นเรื่องเร่งด่วนในการแก้ไขเพื่อให้การเลือกตั้งน่าเชื่อถือจึงเสนอแก้เรื่องการยุบพรรคไม่ให้ยุบง่ายๆ ปรากฏว่านายกฯ คัดกรองเหลือ 2 ประเด็น เรื่องเขตเลือกตั้ง และม.190 ซึ่งไม่เกี่ยวกับการแก้วิกฤตเลย นอกจากนี้การแก้รัฐธรรมนูญก็จะไม่เกิดเพราะพรรคประชาธิปัตย์ไม่เห็นด้วย มีแต่นายกฯ รับปากอยู่คนเดียว ดังนั้น คงแก้รัฐธรรมนูญกันหลังเลือกตั้ง และเลือกตั้งคราวนี้พรรคต้องแข่งกันเรื่องประชาธิปไตย การปรองดอง และนโยบาย
 
หนุนพรรคเพื่อไทยทำโรดแมพปรองดองให้ชัดเจน
สำหรับการปรองดองนั้น จาตุรนต์ระบุว่าหลายเรื่องเจรจาได้ เช่น เรื่องคดีทำให้มีความยุติธรรมกับทุกฝ่าย การเจรจาปรองดองนั้นแก้ 2 ปัญหาคือ ความรุนแรง กับ การกระทบต่อสถาบันพระมหากษัตริย์  แต่เรื่องที่เจรจากันไม่ได้คือ การเลือกตั้งว่าใครเป็นรัฐบาล รัฐธรรมนูญทั้งฉบับควรเป็นอย่างไร ต้องให้ประชาชนตัดสิน
 
“พรรคเพื่อไทยควรทำโรดแมพของตัวเองขึ้นมาก่อนเลือกตั้ง อธิบายเป็นข้อๆ ระหว่างนี้ก็ร่วมกับกระบวนการปรองดองไป นี่ไม่ใช่การยอมแพ้ แต่เป็นการลดเงื่อนไขความรุนแรง แต่การต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยก็ต้องทำต่อไป การพยายามของพรรคเพื่อไทยให้ได้รับการเลือกตั้งก็ต้องดำเนินต่อไป” จาตุรนต์กล่าว
 
ย้ำ ตลก.ต้องรับผิดชอบกรณีคลิปฉาว แม้ดึงคดียุบ ปชป.ยืด
เมื่อมีผู้ฟังถามถึงความคิดเห็นว่าหากเรียกร้องความรับผิดชอบให้ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญพ้นไปแล้วจะส่งผลให้การยุบพรรคปชป.ล่าช้านั้น จาตุรนต์กล่าวว่า ถ้าพบว่าตุลาการศาลรัฐธรรมนูญไม่เหมาะทำหน้าที่ก็ไม่ควรให้ตัดสินคดีใดๆ ต่อไป เราต้องคิดบนพื้นฐานหลักการยุติธรรม ไม่สามารถเอาพรรคประชาธิปัตย์เป็นตัวตั้งได้ ส่วนจะเกิดอะไรขึ้นกับพรรคประชาธิปัตย์ก็ว่ากันไป
 
“จริงๆ ปล่อยให้พิจารณากันไปมีแนวโน้มรอดมากกว่ายุบ แต่ถ้าปล่อยไปมันจะเสื่อมเสียกับระบบยุติธรรมมากและจะไม่หวังพึ่งระบบอีกแล้ว”
 
ส่วนคำถามเรื่องการปรองดองกับรัฐบาลสำหรับการสูญเสียไปแล้ว 91 ศพจะเป็นไปได้อย่างไรนั้น จาตุรนต์อธิบายว่า การปรองดองคือการเจรจาว่าบ้านเมืองจะสงบคุณต้องยุติธรรมกับทุกฝ่าย ไม่ใช่ไปจับมือกันเป็นรัฐบาล แฮปปี้เอ็นดิ้ง แต่มันคือทำอย่างไรให้คนบาดเจ็บ คนถูกฆ่าได้รับความยุติธรรม ทำอย่างไรให้รัฐบาลไม่จับคนส่งเดชหนักเข้าไปอีก
 
“พรรคต้องไปทำนิยามให้ชัดเจนว่าเข้าใจอย่างไร และถ้าทำให้ตรงอย่างที่ควรจะเป็นแล้วไม่ต้องห่วงว่าคนรักประชาธิปไตยเขาจะไม่เห็นด้วย” จาตุรนต์กล่าว
 
ทั้งนี้ ในงานสัมมนาช่วงนี้ขาดวิทยากร 1 คน คือ รศ.ดร.กนลา สุขพานิช ขันธปราบ

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท