12 ม.ค. 54 - จากกรณีคนไทย ๗ คน ถูกทหารกัมพูชาจับกุมบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติได้ออกแถลงการณ์มีเนื้อหาดังต่อไปนี้
กรณีคนไทย ๗ คน ถูกทหารกัมพูชาจับกุมบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา
ตามที่ปรากฏข่าวกรณีคนไทย ๗ คนถูกเจ้าหน้าที่ของกัมพูชาจับกุมบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ใกล้หลักเขตแดนที่ ๔๖ เมื่อวันที่ ๒๙ ธันวาคม ๒๕๕๓ ซึ่งเป็นกรณีที่สาธารณชนให้ความสนใจอย่างมาก และต้องการให้มีการตรวจสอบหรือแสวงหาข้อเท็จจริงจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อทำให้ความจริงปรากฏ ประกอบกับคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติได้รับเรื่องร้องเรียนกรณีดังกล่าว โดยขอให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงเพื่อพิทักษ์สิทธิของคนไทยทั้ง ๗ คน และดำเนินการให้รัฐบาลหรือกระทรวงการต่างประเทศพิทักษ์สิทธิคนไทยทั้ง ๗ คน นั้น
คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ซึ่งเป็นองค์กรตามรัฐธรรมนูญที่มีอำนาจหน้าที่ในการส่งเสริมการเคารพและการปฏิบัติตามหลักสิทธิมนุษยชน โดยการปฏิบัติหน้าที่ต้องคำนึงถึงประโยชน์ส่วนรวมของชาติและประชาชนประกอบด้วยนั้น เห็นว่ากรณีที่เกิดขึ้นมีความอ่อนไหวอย่างยิ่งเพราะส่งผลกระทบต่ออธิปไตยและเขตแดนระหว่างไทย-กัมพูชา ซึ่งจะมีผลกระทบต่อสิทธิและเสรีภาพของบุคคลและประชาชนทั้งของประเทศไทยและกัมพูชาโดยทางตรงและทางอ้อม จึงขอแสดงความห่วงใยต่อกรณีดังกล่าว ดังนี้
๑. คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติขอเรียกร้องให้รัฐบาลดำเนินการอย่างรอบคอบ และปกป้องสิทธิและเสรีภาพของคนไทยทั้ง ๗ คนตามหลักสิทธิมนุษยชน ปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน และกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมืองอย่างเคร่งครัด เนื่องจากความไม่ชัดเจนของแนวเขตแดนไทย-กัมพูชาย่อมมีผลกระทบต่อสิทธิและเสรีภาพในการเดินทางโดยเสรีของบุคคล ในการประกอบอาชีพ และสิทธิในทรัพย์สินของประชาชนไทย-กัมพูชาที่อาศัยอยู่ในบริเวณดังกล่าว
๒. คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติขอแสดงความห่วงใยต่อคนไทยทั้ง ๗ คนที่ถูก จับกุมบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา และขอให้รัฐบาลไทยดำเนินการอย่างต่อเนื่องและจริงจังในการ ดูแลสวัสดิภาพของคนไทยที่ถูกจับกุม โดยต้องดำเนินการตามข้อ ๑ ให้เกิดความชัดเจนในเรื่องแนวเขตแดนไทย-กัมพูชา และระหว่างรอการพิสูจน์และรับรองแนวเขตแดนโดยทั้งสองฝ่าย ขอให้รีบส่งคนไทยทั้ง ๗ คนกลับประเทศไทยโดยเร็ว ในระหว่างการดำเนินการข้างต้น ขอให้รัฐบาลดูแลให้คนไทยทั้ง ๗ คนได้รับการประกันสิทธิขั้นพื้นฐานในกระบวนการยุติธรรมในการพิจารณาคดีตามกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง อาทิ สิทธิในการได้รับการประกันตัวในระหว่างการพิจารณาคดี สิทธิที่จะได้รับการพิจารณาอย่างเปิดเผยและเป็นธรรม สิทธิที่จะได้รับความสะดวกเพียงพอแก่การเตรียมการในการต่อสู้คดีและติดต่อทนายความที่ตนเลือกได้ สิทธิในการได้รับการพิจารณาคดีโดยไม่ชักช้าเกินความจำเป็น ตลอดจนการอำนวยความช่วยเหลือ เช่น ล่าม เป็นต้น
๓. คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติขอให้รัฐบาล โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งการดำเนินการเพื่อหาข้อยุติเกี่ยวกับข้อพิพาทเขตแดนไทย-กัมพูชา โดยทั้งสองฝ่ายจะต้องเคารพอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของประเทศอย่างเคร่งครัด ทั้งนี้ เพื่อป้องกันมิให้ปัญหาขยายวงกว้าง อันจะนำไปสู่การใช้ความรุนแรงในการแก้ไขปัญหาระหว่างกัน และส่งผลกระทบต่อสิทธิในการดำรงชีวิตอย่างปกติสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนไทยและกัมพูชา
๔. คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติย้ำถึงเจตนารมณ์ของปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติ ที่มุ่งประสงค์ให้รัฐบาลประเทศต่างๆ พัฒนาความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างกัน และร่วมมือกันในการส่งเสริมให้มีการเคารพสิทธิมนุษยชน อันเป็นรากฐานของเสรีภาพ ความเป็นธรรม และสันติภาพ
คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติให้ความสำคัญในกรณีดังกล่าว และจะดำเนินการ ติดตาม ตรวจสอบ ข้อเท็จจริงและความคืบหน้าในการดำเนินการของรัฐบาลและหน่วยงานที่ เกี่ยวข้อง พร้อมทั้งรายงานให้สาธารณชนทราบเป็นระยะๆ ต่อไป
คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
๑๒ มกราคม ๒๕๕๔