Skip to main content
sharethis

ย้อนรอย “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” แถลงเมื่อ 4 เม.ย. 53 ชี้การมาชุมนุมที่แยกราชประสงค์เป็นการใช้สิทธิเกินขอบเขตที่รัฐธรรมนูญกำหนด วอนคนเสื้อแดง “กลับไปใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ ชุมนุมที่ผ่านฟ้า” ก่อนที่อีกไม่กี่วันต่อมาในวันที่ 10 เม.ย. 53 จะมีการสลายการชุมนุมในพื้นที่ซึ่งรัฐบาลเห็นว่าเป็นการ \ใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ\" ดังกล่าว 000 บทนำ เมื่อปีที่แล้วหลังจากคนเสื้อแดงชุมนุมใหญ่ที่สะพานผ่านฟ้าลีลาศ ตั้งแต่วันที่ 12 มีนาคม 2553 เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะยุบสภา และจัดการเลือกตั้งใหม่นั้น ต่อมาในวันที่ 3 เมษายน 2553 ผู้ชุมนุมได้ขยายการชุมนุมเพิ่มจากสะพานผ่านฟ้าลีลาศมายังแยกราชประสงค์ ด้วยเหตุนี้ในวันที่ 4 เมษายน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี จึงได้กล่าวแถลงการณ์พิเศษผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย ในการแถลงดังกล่าวอภิสิทธิ์ระบุว่าการชุมนุมที่สะพานผ่านฟ้าตั้งแค่วันที่ 12 มีนาคมนั้น รัฐบาลได้ประกาศตั้งแต่ต้นว่าเราจะเคารพการใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญของพี่น้อง แม้จะมีหลายเหตุการณ์ที่หลายฝ่ายไม่สบายใจ แต่ “รัฐบาลก็ได้ใช้วิธีการในการผ่อนปรนและพยายามที่จะประสานงานกับผู้ชุมนุมมาโดยตลอดให้การชุมนุมนั้นอยู่ในขอบเขต ดังจะเห็นได้ว่าการชุมนุมที่บริเวณผ่านฟ้านั้น ก็สามารถดำเนินการมาได้อย่างต่อเนื่อง” แต่เมื่อผู้ชุมนุมมาชุมนุมที่แยกราชประสงค์นั้น นายอภิสิทธิ์เห็นว่า “ถือได้ว่าการกระทำดังกล่าวนั้น เป็นการกระทำที่นอกเหนือจากรัฐธรรมนูญ และเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย” ดังนั้นเมื่อคืนวันที่ 3 เม.ย. ศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.) ซึ่งตั้งขึ้นจากการที่รัฐบาลได้ประกาศใช้กฎหมายความมั่นคง จึงได้มีการออกประกาศข้อกำหนดขอให้ผู้ชุมนุมนั้นออกจากพื้นที่ แต่นายอภิสิทธิ์ยืนยันว่า “การออกประกาศดังกล่าวไม่ได้หมายความว่ารัฐบาลนั้นจะเข้าไปดำเนินการในการเข้าไปสลายการชุมนุม หรือใช้ความรุนแรงแต่ประการใด” นายอภิสิทธิ์ถือว่าการชุมนุมที่สะพานผ่านฟ้าลีลาศเป็นการใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ โดยเขาขอให้ผู้ชุมนุม “ขอให้กลับไปใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ ชุมนุมที่ผ่านฟ้า” และจะขอความร่วมมือไม่ให้มีการเดินทางเข้าไปชุมนุมในพื้นที่แยกราชประสงค์อีก เพื่อเป็นการผ่อนคลายไม่ให้เกิดผลกระทบความเดือดร้อน และหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้า นายอภิสิทธิ์กล่าวถึงกระแสที่มีประชาชนจำนวนหนึ่งเรียกร้องให้รัฐบาลใช้ความเด็ดขาดกับผู้ชุมนุม ซึ่งเขาชี้แจงว่า “รัฐบาลมีหน้าที่ในการรักษาความสงบเรียบร้อย รัฐบาลมีหน้าที่ในการรักษากฎหมาย ซึ่งผมทราบดีว่ามีประชาชนอีกจำนวนหนึ่งได้เรียกร้องให้รัฐบาลใช้ความเด็ดขาด แต่ผมเห็นว่าพวกเราก็ล้วนแล้วแต่เป็นคนไทยด้วยกันทุกคน รัฐบาลกำลังผ่อนคลายสถานการณ์ จะบังคับใช้กฎหมาย และจะปฏิบัติตามแนวของสากล ซึ่งเริ่มต้นจากมาตรการเบาไปหาหนัก” อย่างไรก็ตาม รัฐบาลได้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินร้ายแรงในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล ในวันที่ 7 เมษายน 2553 และอีกไม่กี่วันต่อมา ในวันที่ 10 เมษายน 2553 พื้นที่การชุมนุมที่สะพานผ่านฟ้าลีลาศซึ่งนายอภิสิทธิ์ขอให้ผู้ชุมนุม “กลับไปใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ” นี้ ได้กลายเป็นพื้นที่สังหารทันที เพราะเป็นเป้าหมายแรกของการใช้ปฏิบัติการทางทหารสลายการชุมนุม ซึ่งเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 26 ราย แยกเป็นพลเรือน 21 ราย ทหาร 5 ราย และมีผู้บาดเจ็บกว่า 800 รายจากเหตุการณ์ดังกล่าว สำหรับการแถลงของนายอภิสิทธิ์ให้ผู้ชุมนุม “ขอให้กลับไปใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ ชุมนุมที่ผ่านฟ้า” มีรายละเอียดดังนี้ 000 อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ 4 เมษายน 2553 | “วันนี้ต้องขอยืนยันครับว่าประกาศของ ศอ.รส. ที่ให้พี่น้องประชาชนออกจากพื้นที่นั้นยังเป็นประกาศที่บังคับใช้อยู่ รัฐบาลก็จะได้ดำเนินการให้ทางเจ้าหน้าที่นั้นทำความเข้าใจกับพี่น้องที่ชุมนุมครับ ขอให้กลับไปใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ ชุมนุมที่ผ่านฟ้า” หมายเหตุ: เมื่อวันที่ 4 เมษายน 2553 เวลา 09.00 น. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี แถลงการณ์พิเศษถึงสถานการณ์การชุมนุมทางการเมือง ผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย มีรายละเอียดดังนี้ “ประชาชนที่เคารพรักทุกท่านครับ เช้าวันนี้ผมทราบดีว่าสถานการณ์ทางการเมือง โดยเฉพาะการชุมนุมเคลื่อนไหวของประชาชนกลุ่มหนึ่งนั้นได้ทำให้พี่น้อง ประชาชนทั่วไปมีความรู้สึกวิตกกังวล และอาจจะมีความสับสนกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ผมขอถือโอกาสนี้เรียนกับพี่น้องประชาชนว่านับตั้งแต่มีการชุมนุมเคลื่อนไหว ของกลุ่มคนเสื้อแดงตั้งแต่วันที่ 12 มีนาคม เป็นต้นมานั้น รัฐบาลได้ประกาศตั้งแต่ต้นว่าเราจะเคารพการใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญของพี่น้อง ประชาชนทุกกลุ่ม ซึ่งทำให้การชุมนุมที่ผ่านมาแม้ว่าจะมีเหตุการณ์หลายเหตุการณ์ที่ทำให้หลาย ฝ่ายอาจจะมองว่าไม่สบายใจ หรือมีความไม่เหมาะสมก็ตาม แต่รัฐบาลก็ได้ใช้วิธีการในการผ่อนปรนและพยายามที่จะประสานงานกับผู้ชุมนุมมาโดยตลอดให้การชุมนุมนั้นอยู่ในขอบเขต ดังจะเห็นได้ว่าการชุมนุมที่บริเวณผ่านฟ้านั้น ก็สามารถดำเนินการมาได้อย่างต่อเนื่อง โดยในขณะเดียวกันรัฐบาลก็พยายามดำเนินการในการผ่อนคลายผลกระทบที่เกิดขึ้น กับพี่น้องประชาชนคนกรุงเทพมหานครเป็นการเฉพาะในเรื่องของการจราจร และได้พยายามในการที่จะวางมาตรการต่าง ๆ เพื่อให้การทำงานของรัฐบาลของรัฐสภา และหน่วยงานต่างๆ นั้นสามารถดำเนินการไปได้ตามปกติ อย่าง ไรก็ตามเมื่อวานนี้ผู้ชุมนุมนั้นได้ตัดสินใจเคลื่อนขบวนไปที่สี่แยกราชประสงค์ และมีการปิดถนนบริเวณโดยรอบ ซึ่งการกระทำดังกล่าวนั้นต้องย้ำครับว่า เป็นการใช้สิทธิเกินขอบเขตที่รัฐธรรมนูญกำหนดเอาไว้ นั่น หมายความว่าถ้าวินิจฉัยจากบทบัญญัติตามรัฐธรรมนูญก็ดี ดูจากบรรทัดฐานที่ศาลปกครองได้เคยวินิจฉัยเอาไว้เกี่ยวกับการชุมนุมก็ดี ถือได้ว่าการกระทำดังกล่าวนั้น เป็นการกระทำที่นอกเหนือจากรัฐธรรมนูญ และเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย ดังนั้นเมื่อคืนนี้ทางศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.) ซึ่งตั้งขึ้นจากการที่รัฐบาลได้ประกาศใช้กฎหมายความมั่นคง โดยมีความมุ่งหมายในการที่จะป้องปรามและระงับเหตุต่าง ๆ ไม่ให้เกิดขึ้นนั้น จึงได้มีการออกประกาศข้อกำหนดอย่างชัดแจ้งว่า ขอให้ผู้ชุมนุมนั้นออกจากพื้นที่ อย่างไรก็ตามการออกประกาศดังกล่าวไม่ได้หมายความว่ารัฐบาลนั้นจะเข้าไป ดำเนินการในการเข้าไปสลายการชุมนุม หรือใช้ความรุนแรงแต่ประการใด สิ่งที่รัฐบาลกำลังดำเนินการอยู่ในขณะนี้ คือได้มอบหมายให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจโดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูง คือในระดับของรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ให้เข้าไปเจรจาทำความเข้าใจ และแจ้งกับแกนนำและผู้ชุมนุมถึงการออกประกาศดังกล่าว เพื่อให้พี่น้องประชาชนที่ชุมนุมอยู่ในบริเวณนั้น ซึ่งผมเชื่อว่ามีจำนวนมากไม่ทราบว่า การชุมนุมดังกล่าวขณะนี้เป็นการชุมนุมที่ขัดต่อกฎหมาย ซึ่งกระบวนการของการแจ้งการเจรจา การทำความเข้าใจนั้น ก็จะยังมีการดำเนินการอย่างต่อเนื่อง เมื่อเช้านี้ท่านรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติก็ได้เข้าไปดำเนินการดังกล่าว และขณะนี้ผู้ชุมนุมได้มีการเปิดเส้นทางการจราจรในระดับหนึ่งแล้ว เช่น เส้นทางจากสุขุมวิท สามารถที่จะมุ่งหน้าเข้าไปถึงสี่แยกราชประสงค์ และสามารถเลี้ยวซ้ายได้ ขณะเดียวกันเส้นทางที่มาจากถนนราชดำริ สามารถมุ่งไปที่แยกและเลี้ยวซ้ายผ่านโรงพยาบาลตำรวจ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ ซึ่งก็ถือว่าเป็นการผ่อนคลายผลกระทบที่เกิดขึ้นในระดับหนึ่ง อย่างไร ก็ตามรัฐบาลยืนยันครับว่า การชุมนุมในบริเวณดังกล่าวนั้นมีความไม่เหมาะสม ขัดต่อกฎหมาย เพราะจะส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อการสัญจร และการใช้เส้นทางคมนาคม ไม่เพียงเฉพาะในบริเวณนั้น แต่ทำให้พี่น้องประชาชนที่จะเดินทางไปยังทิศทางต่าง ๆ ทั้งในกรุงเทพมหานครและบริเวณใกล้เคียงนั้นได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง ไม่นับว่าในบริเวณดังกล่าวนั้นมีทั้งโรงพยาบาล โรงเรียน ศูนย์การค้า ซึ่งขณะนี้ได้รับผลกระทบอย่างมากกับการให้บริการกับประชาชน เพราะฉะนั้นผมอยากจะขอถือโอกาสนี้เรียนกับพี่น้องประชาชน โดยเฉพาะพี่น้องที่อยู่ในที่ชุมนุมก็ดี หรือญาติพี่น้อง หรือเพื่อนฝูงของผู้ชุมนุมก็ดีครับ ผมอยากจะย้ำว่ารัฐบาลได้เคารพ สิทธิตามรัฐธรรมนูญของพี่น้องประชาชนทุกกลุ่ม ซึ่งรวมถึงพี่น้องที่ได้ชุมนุมมาตั้งแต่วันที่ 12 มีนาคม จะเห็นได้ว่ารัฐบาลนั้นได้รับฟังความคิดเห็นของพี่น้องประชาชนที่มาชุมนุม อยู่ตลอดเวลา เป็นครั้งแรกที่ตัวผมเองในฐานะนายกรัฐมนตรีนั้น ได้มีการเจรจากับแกนนำของผู้ชุมนุม โดยผมได้ย้ำเสมอว่าตราบเท่าที่การชุมนุมนั้นอยู่ในขอบเขตของกฎหมายนั้น ก็สามารถที่จะพูดคุยกันได้ จะเห็นได้ว่าการพูดคุยเจรจาซึ่งได้กระทำถึง 2 ครั้ง มีการถ่ายทอดสดผ่านสถานีโทรทัศน์ไปทั่วประเทศเป็นเวลายาวนานกว่า 5 ชั่วโมง เป็นการได้นำเอาเหตุและผลของผู้ชุมนุมและของรัฐบาล ได้เข้ามาแลกเปลี่ยนกันอย่างตรงไปตรงมา ผมขอย้ำครับว่ารัฐบาลเข้าใจ ข้อเรียกร้องของผู้ชุมนุม และเชื่อว่าพี่น้องชาว กรุงเทพมหานครปัจจุบันนี้ก็เข้าใจข้อเรียกร้องของผู้ชุมนุมแล้ว แต่คงปฏิเสธไม่ได้หรอกครับว่ามีพี่น้องประชาชนอีกจำนวนมาก ที่ไม่เห็นด้วยกับข้อเรียกร้องของผู้ชุมนุม ผมไม่สามารถจะบอกได้อย่างเต็มปากเต็มคำหรอกครับว่า ฝ่ายใดมีมากกว่ากัน แต่ก็ต้องถือว่าทุกเสียงมีความหมาย และก็ดูจากผลการสำรวจความคิดเห็นของพี่น้องประชาชนหลายต่อหลายครั้ง ก็น่าจะอนุมานได้ครับว่ามีผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับข้อเรียกร้องไม่น้อยกว่าผู้ที่มาเรียกร้องให้มีการยุบสภาทันที หรือภายใน 15 วัน ผมขอย้ำว่าการที่รัฐบาลมีจุดยืนที่ไม่ยุบสภาในปัจจุบันหรือภายใน 15 วันนั้น ก็เป็นเพราะว่ารัฐบาลนี้มาตามวิถีทางของระบบรัฐสภาตามกติกาที่กำหนดไว้ในรัฐ ธรรมนูญ เป็นกระบวนการที่เหมือนกับนานาประเทศที่ได้ใช้ระบบรัฐสภา ซึ่งหมายความว่ารัฐบาลนี้สามารถที่จะอยู่จนครบวาระได้ ซึ่งเป็นเวลาอีก 1ปีกับ 9 เดือน ผมเองนั้นไม่ได้ยึดติดกับตำแหน่ง และไม่ได้มองในเรื่องของการที่จะต้องอยู่ครบวาระเป็นสำคัญ ผมจึงได้มีการนำเสนอในช่วงของการเจรจามาว่ารัฐบาลนั้นพร้อมที่จะลดวาระของ ตัวเอง ถ้าสามารถทำให้บ้านเมืองสงบสุข ถ้าทำให้ปัญหาต่าง ๆ ที่พี่น้องประชาชน ทั้งที่มาชุมนุมและไม่มาชุมนุมนั้น สามารถที่จะแก้ไขปัญหาต่าง ๆ คลี่คลายเป็นไปตามความต้องการและเป็นประโยชน์ของประเทศและส่วนรวมได้ ผมอยากจะชี้ให้เห็นครับว่าการยุบสภาในขณะนี้ หรือภายใน 15 วันคงไม่สามารถที่จะทำให้ข้อเรียกร้องต่าง ๆ เป็นจริงขึ้นมาได้ เนื่องด้วยขณะนี้จะเห็นได้ว่าจากเหตุการณ์ในช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา แม้กระทั่ง 2-3 วันที่ผ่านมา เราจะเห็นครับว่าความคิดเห็นที่แตกต่างในทางการเมืองนั้น ยังรุนแรงมาก การยุบสภาไปสู่การเลือกตั้งไม่น่าจะทำให้การเลือกตั้งนั้นอยู่ในภาวะซึ่ง เป็นการเลือกตั้งที่สงบเรียบร้อย หรือแม้กระทั่งมีการเลือกตั้งแล้ว ก็ไม่น่าสามารถที่จะหาข้อยุติต่าง ๆ ได้ ความแตกแยกก็อาจจะดำรงอยู่ การชุมนุมเคลื่อนไหวก็อาจจะมีอยู่ เพียงแต่อาจจะต่างกลุ่มกันไป หรือจะเป็นกลุ่มเดิม ก็เป็นไปได้ทั้งสิ้น สิ่งที่ผมเชิญชวนก็คือว่า วันนี้รัฐบาลพร้อมครับในการที่จะหาหนทางที่เป็นทางออกจากวิกฤตในปัจจุบัน รับฟังข้อคิดเห็นที่เป็นข้อขุ่นข้องหมองใจของทุกกลุ่มคน แต่ต้องอาศัยเวลาในการที่จะมาพูดคุยแลกเปลี่ยนกัน บางคนก็ได้เสนอถึงขั้นว่าจำเป็นจะต้องมีการทำการปฏิรูปเป็นการใหญ่ ซึ่งผมเรียนว่ารัฐบาลพร้อมที่จะเชิญชวนทุกภาคส่วนเข้ามาดำเนินการในเรื่องนี้ เงื่อนไขสำคัญวันนี้เราไม่ควรมาถกเถียงกันว่า 15 วัน หรือ 9 เดือน หรือเป็นระยะเวลาเท่าไหร่ แต่มาทำงานร่วมกันก่อนครับ ทำอย่างไรให้กติกาที่เกี่ยวข้องกับการเมืองเป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย ทำอย่างไรให้ทุกฝ่ายสามารถเคลื่อนไหวทางการเมืองได้อย่างเป็นอิสระโดยไม่มี การปะทะหรือไม่มีความเสี่ยงต่อการที่เกิดเหตุการณ์ความรุนแรง และปัญหาอื่น ๆ ซึ่งจำเป็นจะต้องได้รับการชำระสะสางที่เห็นว่าเป็นประเด็นสำคัญนั้นสามารถ ที่จะมาพูดคุยทำงานได้ด้วยกันทั้งสิ้น สิ่งที่ผมเชิญชวนก็คือว่า วันนี้รัฐบาลพร้อมครับในการที่จะหาหนทางที่เป็นทางออกจากวิกฤตในปัจจุบัน รับฟังข้อคิดเห็นที่เป็นข้อขุ่นข้องหมองใจของทุกกลุ่มคน แต่ต้องอาศัยเวลาในการที่จะมาพูดคุยแลกเปลี่ยนกัน บางคนก็ได้เสนอถึงขั้นว่าจำเป็นจะต้องมีการทำการปฏิรูปเป็นการใหญ่ ซึ่งผมเรียนว่ารัฐบาลพร้อมที่จะเชิญชวนทุกภาคส่วนเข้ามาดำเนินการในเรื่อง นี้ เงื่อนไขสำคัญวันนี้เราไม่ควรมาถกเถียงกันว่า 15 วัน หรือ 9 เดือน หรือเป็นระยะเวลาเท่าไหร่ แต่มาทำงานร่วมกันก่อนครับ ทำอย่างไรให้กติกาที่เกี่ยวข้องกับการเมืองเป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย ทำอย่างไรให้ทุกฝ่ายสามารถเคลื่อนไหวทางการเมืองได้อย่างเป็นอิสระโดยไม่มี การปะทะหรือไม่มีความเสี่ยงต่อการที่เกิดเหตุการณ์ความรุนแรง และปัญหาอื่น ๆ ซึ่งจำเป็นจะต้องได้รับการชำระสะสางที่เห็นว่าเป็นประเด็นสำคัญนั้นสามารถ ที่จะมาพูดคุยทำงานได้ด้วยกันทั้งสิ้น ผมมั่นใจว่าถ้าทุกฝ่ายหันหน้าเข้าหากัน แล้วก็มาดำเนินการตามนี้ ใช้ระยะเวลาไม่ถึง 1 ปีกับ 9 เดือนหรอกครับ และรัฐบาลก็พร้อมที่จะให้ประเทศเดินหน้าต่อไป ในทางตรงกันข้ามครับอย่างที่ผมได้กล่าวไปแล้ว หากมีการยุบสภาวันนี้หรือภายใน 15 วันปัญหาต่าง ๆ นั้นมีแนวโน้มที่จะปะทุความรุนแรงมากยิ่งขึ้น ขณะเดียวกันการชุมนุมของพี่น้องประชาชน ผมอยากจะเรียนว่าหากเป็นการชุมนุมซึ่งสร้างความเดือดร้อนกับพี่น้องประชาชน คนกรุงเทพฯ หรือคนกลุ่มใดก็ตาม คงไม่สามารถที่จะทำให้เกิดบรรลุข้อตกลงหรือทางออกที่ดีได้ เพราะประการหนึ่งก็คือจะมีคนที่มีความรู้สึกต่อต้านการชุมนุมซึ่งผิดกฎหมาย สร้างความเดือดร้อน และจะมีข้อเรียกร้องที่ตรงกันข้ามหรือสวนทางกับข้อเรียกร้องของกลุ่มคนเสื้อ แดงหรือผู้ชุมนุม ซึ่งจะทำให้ความขัดแย้งรุนแรงขึ้น นอกจากนั้นก็จะมีความเสี่ยงต่อการที่พี่น้องประชาชนนั้นมาปะทะกัน ที่สำคัญที่สุดคือว่าภายใต้สภาวการณ์เช่นนี้ คนที่จะได้รับผลกระทบความเดือดร้อนมากที่สุด ก็จะเป็นพี่น้องประชาชน โดยเฉพาะคนยากคนจนโดยส่วนรวม เพราะในภาวะที่เศรษฐกิจกำลังฟื้นตัวนั้น หากทุกสิ่งทุกอย่างต้องหยุดชะงักลง และเกิดผลกระทบอย่างเช่นต่อธุรกิจ ซึ่งมีการประเมินกันไว้ว่าธุรกิจการท่องเที่ยวก็ดี และแน่นอนการค้าขายในใจกลางเมืองกรุงเทพมหานครในขณะนี้ได้รับผลกระทบก็ดี ผู้ที่ได้รับผลกระทบรุนแรงที่สุดจะเป็นผู้ด้อยโอกาสและคนยากคนจนครับ พี่น้องที่ชุมนุมอยู่คงต้องตระหนักว่าถ้าเหตุการณ์ความรุนแรงเกิดขึ้น ถ้าเหตุการณ์ความไม่สงบมีความยืดเยื้อนั้น แม้ว่าธุรกิจใหญ่ ๆ ดูว่าจะได้รับผลกระทบ แต่ธุรกิจใหญ่ ๆ ในที่สุดก็จะสามารถฟื้นตัวได้ครับ แต่บรรดาพนักงาน ลูกจ้าง ต่างหากจะได้รับผลกระทบเป็นคนแรก ทำให้คนของเราซึ่งด้อยโอกาสนั้นตกงาน ทำให้เศรษฐกิจมีภาวะของความขาดแคลนความเดือดร้อน ความฝืดเคืองมากยิ่งขึ้น ซึ่งไม่เป็นประโยชน์และไม่เป็นผลดีกับใคร รัฐบาลต้องการที่จะแก้ไขสะสางปัญหาด้วยความจริงใจครับ วันนี้ต้องขอยืนยันครับว่าประกาศของ ศอ.รส. ที่ให้พี่น้องประชาชนออกจากพื้นที่นั้นยังเป็นประกาศที่บังคับใช้อยู่ รัฐบาลก็จะได้ดำเนินการให้ทางเจ้าหน้าที่นั้นทำความเข้าใจกับพี่น้องที่ชุมนุมครับ ขอให้กลับไปใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ ชุมนุมที่ผ่านฟ้า ขณะเดียวกันก็จะขอความร่วมมือไม่ให้มีการเดินทางเข้าไปชุมนุมในพื้นที่ดังกล่าว เพื่อเป็นการผ่อนคลายไม่ให้เกิดผลกระทบความเดือดร้อน และหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้า รัฐบาลมีหน้าที่ในการรักษาความสงบเรียบร้อย รัฐบาลมีหน้าที่ในการรักษากฎหมาย ซึ่งผมทราบดีว่ามีประชาชนอีกจำนวนหนึ่งได้เรียกร้องให้รัฐบาลใช้ความเด็ดขาด แต่ผมเห็นว่าพวกเราก็ล้วนแล้วแต่เป็นคนไทยด้วยกันทุกคน รัฐบาลกำลังผ่อนคลายสถานการณ์ จะบังคับใช้กฎหมาย และจะปฏิบัติตามแนวของสากล ซึ่งเริ่มต้นจากมาตรการเบาไปหาหนัก แต่ขณะนี้เมื่อเช้านี้หลังจากการพูดคุยอีกรอบหนึ่งนั้น ดูจะสามารถผ่อนคลายสถานการณ์ไปได้ระดับหนึ่ง เราจะไม่ลดละความพยายาม ขอความร่วมมือจากพี่น้องประชาชนชาวกรุงเทพฯ อดทน อดกลั้น ผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับผู้ชุมนุมนั้น ผมขอย้ำว่ารัฐบาลจะเร่งผ่อนคลายสถานการณ์นำบ้านเมืองกลับเข้าสู่ ภาวะปกติโดยเร็วที่สุด โดยจะไม่ให้มีความสูญเสียใด ๆ ทั้งสิ้น ขณะเดียวกันสำหรับผู้ชุมนุม ผมย้ำอีกครั้ง ครับขอให้ท่านกลับไปใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ ตามที่ได้มีการอำนวยความ สะดวกและตกลงกัน ทั้งนี้ก็เพื่อที่เราจะได้ร่วมกันหาทางออกและแก้ไขปัญหาซึ่งเป็นข้อเรียก ร้องที่มีเหตุมีผลในเรื่องของความเป็นธรรม ในเรื่องของประชาธิปไตยได้ แต่ถ้าหากว่าเป็นการชุมนุมที่ผิดกฎหมายนั้น ในที่สุดจะไม่มีฝ่ายใดชนะครับ มีแต่ความสูญเสียและคนที่จะเดือดร้อนที่สุดก็คือพี่น้องประชาชนผู้ด้อยโอกาส คนยากคนจน ผมจึงขอถือโอกาสนี้ใช้เวลาสั้น ๆ เรียนให้พี่น้องประชาชนทั้งประเทศได้รับทราบถึงสถานการณ์ในปัจจุบัน และแนวทางในการดำเนินงานของรัฐบาลต่อไป หลังจากนี้ทางช่อง 11 จะมีการนำเสนอรายการ “เชื่อมั่นประเทศไทยฯ” ซึ่งผมจะได้พูดถึงงานของรัฐบาลในด้านอื่น ๆ รวมทั้งมีการสนทนาเกี่ยวกับสถานการณ์ทางการเมืองในปัจจุบัน ท่านผู้ใดที่มีความสนใจก็จะสามารถติดตามรับชมรับฟังได้ทางสถานีวิทยุ โทรทัศน์แห่งประเทศไทย ช่อง 11 หากมีเหตุการณ์หรือมีพัฒนาการความคืบหน้าใด ๆ ผมจะใช้โอกาสในการรายงานให้กับพี่น้องประชาชนเป็นระยะ ๆ ผมขอขอบคุณพี่น้องประชาชนอีกครั้งหนึ่งที่มีความอดทนและอดกลั้น ต่อสถานการณ์ต่าง ๆ รวมทั้งพี่น้องประชาชนที่ได้ให้กำลังใจมาเป็นจำนวนมาก ให้รัฐบาลนั้นสามารถคลี่คลายปัญหาสถานการณ์ต่าง ๆ ไปได้ด้วยดีครับ สวัสดีครับ ที่มา: รวบรวมจากศูนย์สื่อทำเนียบรัฐบาล"

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net