แจงสื่อนอก "ประชาธิปัตย์" ลั่นอยู่เหนือความขัดแย้งทางการเมือง

\เกียรติ สิทธีอมร\" ตัวแทนพรรคประชาธิปัตย์ ตอบคำถามผู้สื่อข่าวต่างประเทศ ลั่นรัฐต้องยึดหลักนิติรัฐ และพรรคการเมืองที่ได้เสียงมากที่สุดไม่จำเป็นต้องได้ตั้งรัฐบาล ย้ำประชาธิปัตย์ไม่ใช่คู่ขัดแย้งทางการเมืองของใคร แต่คู่ขัดแย้งที่แท้จริง คือ \"ทักษิณ\" กับ \"กระบวนการยุติธรรมไทย\" เมื่อเวลา 20.00 น. วันที่ 2 มิ.ย. ที่ผ่านมา ที่สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศแห่งประเทศไทย ถ.เพลินจิต นายเกียรติ สิทธีอมร ในฐานะประธานผู้แทนการค้าไทย และผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ ลำดับ 35 จากพรรคประชาธิปัตย์ แถลงนโยบายเศรษฐกิจการเมืองของพรรคประชาธิปัตย์ในการเลือกตั้งที่จะมาถึงในงานเสวนา “An Evening with the Democrat Party” ชี้ หากประเทศไทยอยากปรองดอง ทักษิณต้องกลับบ้านมาเผชิญข้อกล่าวหา นายเกียรติ กล่าวถึงนโยบายว่าด้วยการเลือกตั้งของพรรคประชาธิปัตย์ว่ามีสามด้าน ได้แก่ หลักการ นโยบาย และความสามารถของตัวบุคคล โดยในทางหลักการ พรรคประชาธิปัตย์จะยึดมั่นหลักนิติรัฐ และประชาธิปไตยที่มาพร้อมกับความรับผิดชอบ ไม่ไปละเมิดสิทธิเสรีภาพผู้อื่น ดังเช่นการละเมิดสิทธิของผู้ชุมนุมเสื้อแดงต่อนักธุรกิจและประชาชนทั่วไปที่อยู่ในบริเวณสี่แยกราชประสงค์ ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์ก็ได้ให้ความช่วยเหลือแก่บุคคลที่ได้รับผลกระทบทางด้านธุรกิจไปแล้ว นอกจากนี้ ยังกล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์ยึดถือหลักการบริหารจัดการพรรคที่เหมาะสม เลือกคนที่มีคุณภาพเข้ามาทำงาน มากกว่าการเป็นนอมินีของใครๆ “แน่นอนว่ายิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นผู้สมัครที่หน้าตาดีัทีเดียว อย่างไรก็ตาม ก็ต้องลองคิดดูว่าในการที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีนั้น มีเพียงแค่หน้าตาอย่างเดียวนั้นพอหรือไม่ หรือจำเป็นต้องมีประสบการณ์และคุณสมบัติด้านอื่นๆในการจะมาเป็นนายกรัฐมนตรีด้วย” นายเกียรติตั้งคำถาม นอกจากนี้ ในด้านนโยบายเศรษฐกิจ ประชาธิปัตย์ก็มีความแตกต่างไปจากพรรคอื่นตรงที่นโยบายออกแบบมาให้ครอบคลุมประชาชนจากทุกระดับในทุกภาคส่วน ทั้งแรงงาน เกษตรกร นักธุรกิจและผู้ลงทุน โดยมุ่งเน้นการเพิ่มรายได้และลดรายจ่ายโดยผ่านนโยบายเช่น การประกันรายได้ให้แก่ชาวนา การเพิ่มค่าแรง 25% ภายใน 2 ปี การผลักดันนโยบายประกันสังคมสำหรับผู้ทำงานอิสระ และมองว่าการใช้แผนการกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งระยะ 1 และ 2 ในช่วงปี 2552 นั้น นับเป็นความสำเร็จของพรรคประชาธิปัตย์ในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจอย่างชัดเจน “ถึงแม้ว่าเราจะประสบกับความขัดแย้งทางการเมือง แต่ภาวะทางเศรษฐกิจของเราก็ไม่เคยถูกกระทบกระเทือนจากปัญหาทางการเมืองเลย อาจกล่าวได้ว่าสภาพทางเศรษฐกิจของไทยยังคงแข็งแรงและมั่นคงตลอดมา” ต่อมา นายเกียรติ ได้ชี้แจงต่อผู้สื่อข่าวต่างประเทศเรื่องการจัดตั้งรัฐบาลว่า ตามรัฐธรรมนูญฉบับ พ.ศ. 2540 มีธรรมเนียมว่าพรรคใดที่ได้เสียงข้างมากในสภานั้นมีสิทธิได้ตั้งรัฐบาล อย่างไรก็ตาม ตามรัฐธรรมนูญฉบับ พ.ศ. 2550 ได้ระบุไว้ชัดเจนว่าการได้เป็นรัฐบาล มาจากการโหวตของส.ส. ซึ่งส.ส.ก็จะโหวตเลือกนายก และนายกที่ได้รับเลือกก็สามารถได้เป็นผู้จัดตั้งรัฐบาล มิใช่พรรคที่มาจากเสียงข้างมากเท่านั้นที่สามารถตั้งรัฐบาลได้ แต่เป็นพรรคที่สามารถเสนอแคนดิเดตคนที่เหมาะสมมาบริหารรัฐบาลได้มากกว่า เมื่อผู้สื่อข่าวต่างประเทศถามถึงแผนการปรองดองของรัฐบาลในอนาคต นายเกียรติกล่าวว่าสำหรับพรรคประชาธิปัตย์นั้นไม่สนใจเรื่องการนิรโทษกรรม หากแต่ยึดมั่นในหลักการนิติรัฐเป็นหลัก โดยตนมองว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต้องให้ฝ่ายที่สามที่เป็นกลางนั้นเข้ามาค้นหาความจริงและไกล่เกลี่ย รัฐบาลจึงได้ตั้งคณะกรรมการอิสระเข้ามาทำหน้าที่ตรงนี้แทน อย่างไรก็ตาม ตนมองว่าพรรคประชาธิปัตย์ไม่ใช่คู่ขัดแย้งในปัญหาวิกฤติทางการเมืองที่ผ่านมา แต่มองว่าปัญหาที่เกิดขึ้นมาจากการที่ทักษิณขัดแย้งกับระบบยุติธรรมของไทยมากกว่า “หากต้องการให้เกิดความปรองดองจริง คุณทักษิณต้องกับมาบ้านและเผชิญข้อกล่าวหาทั้งหมด ไม่รู้จะคอยหลบซ่อนอยู่ทำไม เนื่องจากระบบยุติธรรมในประเทศนี้ก็เป็นระบบเดียวกับที่เขาได้ใช้ตักตวงประโยชน์ในหลายกรณี ดังนั้นเขาก็ควรจะเชื่อมั่นในระบบดังกล่าว ถ้าหากว่าเขากลัวเรื่องความปลอดภัยล่ะก็ ผมจะเป็นคนดูแลจัดการให้เอง”"

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท