Skip to main content
sharethis

หมายเหตุ: หลังจาก \ปราบดา หยุ่น\" และ \"วาด รวี\" สองนักเขียนผู้ลงชื่อในแถลงการณ์เรียกร้องแก้ไขกฎหมายอาญา มาตรา 112เขียนจดหมายเปิดผนึกถึง นิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รัฐมนตรีกระทรวงวัฒนธรรม เพื่อชี้แจงกรณีการแก้ไขกฎหมายอาญา มาตรา 112 พร้อมระบุความเข้าใจที่ผิดพลาดอาจนำไปสู่ความตกต่ำของวัฒนธรรมทางปัญญาในสังคมไทย ล่าสุด นิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ได้เขียนจดหมายตอบโต้ เผยแพร่ในเว็บไซต์ของกระทรวงวัฒนธรรม ในหัวข้อ \"คำให้การของนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ถึงวาด รวี และ ปราบดา หยุ่น\" เมื่อวันที่ 6 มิ.ย.ที่ผ่านมา มีรายละเอียด ดังนี้ 000000 เรียน คุณวาด รวี และ คุณปราบดา หยุ่น ผมอ่านจดหมายเปิดผนึกของคุณทั้งสองที่มีถึงผมแล้ว ตอนแรกตั้งใจจะไม่ตอบ เพราะไม่มีเวลา แต่คิดไปคิดมาถ้าไม่ตอบคุณทั้งสองอาจจะเข้าใจผิด ว่า ผมยอมรับหรือจำนนต่อเหตุผลของคุณ ซึ่งอาจทำให้ผมได้รับความเสียหายได้ “ข้อหา” ที่คุณทั้งสองตั้งให้ผมนั้นดูเหมือนรุนแรงเกินไป และขัดต่อเหตุผลและข้อเท็จจริงหลายประการ แต่ผมให้อภัย เพราะคิดว่าคุณทั้งสองกำลัง “จินตนาการ” ตามวิสัยของความเป็นนักเขียนของคุณ แต่บังเอิญจินตนาการของคุณล้ำเข้ามาในเขตแดนของผม และทำลายความสงบสุขในเขตแดนของผมโดยไม่เป็นธรรมโดยเฉพาะข้อหาที่คุณ กล่าวว่า การให้สัมภาษณ์ของผม “ไม่เป็นผลดีต่อการใช้เหตุผลและสติปัญญาของสังคม และอาจส่งผลให้วัฒนธรรมทางปัญญาของสังคมไทยเสื่อมเสียได้” และข้อหาที่ว่าผม “กระทำโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์” ผมขอแก้ข้อกล่าวหาของคุณทั้งสอง ดังนี้ ข้อ 1 กรณีที่คุณทั้งสองกล่าวว่า มาตรา 112 ถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง ขอชี้แจงว่า ต้องยอมรับความจริงว่าปัจจุบันมีผู้พยายามทำความผิดตามมาตรา 112 มากขึ้นอย่างผิดปกติจะด้วยวัตถุประสงค์อย่างไรก็ตาม และต้องยอมรับว่าผู้ทำความผิดตามมาตรา 112 ส่วนใหญ่เป็นนักการเมืองหรือผู้สนับสนุนนักการเมือง ดังนั้น เมื่อรัฐดำเนินคดีกับคนเหล่านี้ จึงเป็นการใช้อำนาจตามปกติ เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยของสังคม และศาลก็มีคำพิพากษาลงโทษไปแล้วหลายราย ดีที่คุณทั้งสองยังไม่กล่าวหาว่า “ศาล” ก็ใช้มาตรา 112 เป็นเครื่องมือทางการเมืองด้วย ต่อไปภายภาคหน้าหากมีผู้กระทำความผิดฐานข่มขืน กระทำชำเรามากขึ้น คุณวาด รวี และคุณปราบดา หยุ่น อย่าเผลอว่ารัฐใช้ข้อหาข่มขืนกระทำชำเราเป็นเครื่องมือทางการเมืองอีกล่ะครับ เรื่องนี้จึงเป็นเรื่องที่นักการเมืองหรือผู้สนับสนุนทางการเมืองเป็นผู้พยายามละเมิดมาตรา 112 จึงต้องดำเนินคดีกับบุคคลเหล่านี้เท่านั้นเอง ท่านทั้งสองอย่าจินตนาการอะไรไปให้มากไปกว่านี้เลยครับ ข้อ 2 ความเห็นของผมในประเด็นที่ว่าหากให้ราชเลขาธิการเป็นผู้ฟ้องร้องเอง เหมือนกับการเอา “สถาบัน” มาเป็น “คู่กรณี” กับประชาชน โดยคุณทั้งสอง แย้งว่า เคยมีกรณีที่สำนักราชเลขาธิการเป็นคู่กรณีมาแล้ว เช่น กรณีสำนักราชเลขาธิการมอบให้ดีเอสไอเป็นโจกท์ฟ้อง “เสี่ยอู๊ด” กรณีการจัดสร้างพระสมเด็จเหนือหัว ในประเด็นนี้ ผมขอชี้แจงว่า ความผิดของเสี่ยอู๊ด เป็นความผิดตาม พรบ.คุ้มครองผู้บริโภค

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net