ผบ.ทบ.ขอให้ประชาชนเลือกคนที่ทำให้บ้านเมือง-สถาบันปลอดภัย

ถ้าปล่อยให้การเลือกตั้งเป็นแบบเดิมจะได้อะไรแบบเดิมๆ คนที่มาเลือกตั้งให้ใช้สติมีเหตุผล รู้จักคิดว่าจะเลือกอย่างไรให้บ้านเมืองปลอดภัย สถาบันปลอดภัย ได้คนดีมาบริหาร อย่าให้ใครมาดูถูกว่าถูกชักจูงง่าย อัดถ้านักการเมืองกิริยาไม่เหมาะสมจะเลือกเข้าไปทำไม ต้องเลือกคนดี สุภาพ ตั้งใจทำงานเพื่อชาติบ้านเมือง ประยุทธ์ออกทีวีช่อง 5 ช่อง 7 ยันกองทัพมีภารกิจสำคัญ เมื่อวานนี้ (14 มิ.ย.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก กล่าวชี้แจง “บทบาทของกองทัพต่อสถานการณ์ในปัจจุบัน” ทางสถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 และช่อง 7 โดย พล.อ.ประยุทธ์ระบุว่า ภารกิจหลักของกองทัพบกในสถานการณ์บ้านเมืองในปัจจุบัน ความเข้าใจทั้งในและนอกกองทัพ ตนคิดว่าเป็นสิ่งสำคัญในปัจจุบัน จะเห็นได้ว่าจากสถานการณ์ภายนอกได้เข้ากดดันกองทัพหลายเรื่องด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นนักการเมือง การทหาร หรือแม้กระทั่งจัดตั้งรัฐบาล หรือการทำงานตามพันธกิจต่างๆ ของกองทัพก็ได้ถูกกล่าวไปในทางที่จะทำให้เกิดความไม่เข้าใจขึ้นได้ในกองทัพด้วยกัน หน้าที่โดยตรงในการรักษาอธิปไตยตามแนวชายแดน ซึ่งมี 7 กองกำลังในการดูแลโดยปฏิบัติร่วมกันระหว่างทหารหลัก ทหารพราน และตำรวจตระเวนชายแดน ภารกิจอื่นๆ คือ การจัดระเบียบพื้นที่ตามแนวชายแดน การรักษาความมั่นคงภายใน การรักษาสัมพันธ์อันดีกับประเทศเพื่อนบ้านที่เป็นพันธกิจ 4 ประการ ที่กองทัพบกได้ดำเนินการอยู่ กองทัพบกรักษาสิ่งแวดล้อม ตามที่ในหลวง-ราชินีรับสั่ง ปัจจุบันสถานการณ์ภัยคุกคามรูปแบบต่างๆ มีมากหลายประการ กองทัพบกจำเป็นที่จะเป็นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปเกี่ยวข้อง เช่น การรักษาทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งสำคัญที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ได้ทรงรับสั่งมาเป็นเวลา 30 ปีแล้วในการรักษาสิ่งแวดล้อม ประเทศไทยเป็นประเทศเกษตรกรรมเป็นหลัก และต้องพึ่งพาน้ำ ซึ่งมาจากฝนที่เกิดมาจากป่า หากเราไม่รักษาสิ่งเหล่านั้นไว้ ก็จะเกิดภัยพิบัติตามมาที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน โดยมีผลมาจากไม่รักษาสภาพแวดล้อมที่เกิดความสมดุลทางธรรมชาติ สิ่งที่กองทัพบกทำอยู่ทุกวันนี้ที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมในเรื่องการดูแลพื้นที่ป่า จัดกำลังเข้าไปดูพิสูจน์ทราบ รวมถึงการป้องกัน และปราบปรามเป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่โดยตรง พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า นอกจากนี้ยังได้มีการจัดตั้งโครงการต่างๆ ขึ้นมา เช่น โครงการพลิกผืนป่าด้วยพระบารมี โครงการดับไฟฟ้าด้วยพระบารมี โครงการ 8,400 คูคลองสนองพระปณิธาน ปัจจุบันมีโครงการปลูกต้นไม้ สร้างฝาย ขยายคูคลอง สนองพระมหากรุณาธิคุณ ซึ่งได้เปิดโครงการไปเมื่อเร็วๆ นี้ จะเห็นว่ากองทัพพยายามเข้าไปดูแลมีส่วนเกี่ยวข้อง แต่เราก็จะทำแต่เพียงผู้เดียวไม่ได้ โดยมีแนวคิดว่าจะทำอย่างไรให้ 3 ส่วน มาพบกันในการดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน เป็นผู้สนับสนุนงบประมาณ ส่วนเจ้าหน้าที่รัฐคือกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม ส่วนทหารก็มีหน้าที่ประสานงาน และส่วนสุด ท้ายคือประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ที่จะเข้าไปดูแลในการพิทักษ์ปกป้อง หากมารวมกันก็จะทำให้ภารกิจต่างๆ สำเร็จได้ด้วยดี กองทัพบกส่งทหารลงไปแก้ปัญหายาเสพย์ติดด้วย ลั่นประชาชนพอใจผลงาน ส่วนเรื่องการป้องกันยาเสพติดมีอยู่หลายทีมงาน ทั้งศูนย์ปฏิบัติการกองทัพบก โดยมีทั้ง 7 กองกำลังตามแนวชายแดน ซึ่งเป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์ 5 รั้วป้องกันของรัฐบาล เรามีอยู่ 5 รั้วที่เข้าไปเกี่ยวข้อง เพื่อไม่ให้มีการลักลอบนำสิ่งของผิดกฎหมายเข้ามา ที่ผ่านมาเราได้มีการจับกุมมีการปะทะอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากมีการร่วมมือกันระหว่างพลเรือน ตำรวจ และทหาร แต่ปัจจุบันจากการพิสูจน์ทราบของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปรามยาเสพติด (ปปส.) ที่รับผิดชอบโดยตรง ก็ได้ หารือมาว่าปัจจุบันว่าทำมีการแพร่หลายของยาเสพติดในพื้นที่ตอนในมากขึ้น มีการจับกุมมากขึ้น จึงได้มาสำรวจดูว่ามันเกิดอะไรขึ้น โดยปริมาณยาเสพติดที่แพร่ หลายในประเทศประมาณ 35% ส่วนที่เหลือก็อยู่บริเวณรอบนอกที่รอจะเข้ามาในพิ้นที่ตอนใน ดังนั้นเมื่อส่วนหนึ่งมีการเข้ามา เราจึงจะต้องมีกองกำลัง หรือมีการทำงานร่วมกันของชุดปฏิบัติการพิเศษ หรือ 315 ซึ่งเป็นการร่วมมือกันระหว่าง ป.ป.ส. ทหาร และ ตำรวจ โดยเป็นการริเริ่มของรัฐบาล และ ป.ป.ส. “เดิมมีการพูดคุยกันตั้งแต่วันที่ 6 เม.ย.ที่ผ่านมาว่า จะทำอย่างไรให้ลดการแพร่ระบาด 35% ที่ว่า ที่แพร่ระบาดในพื้นที่ กทม. ชุมชมต่างๆ เกือบ 2,000 แห่ง และ ปริมณฑล โดยเรามีฐานข้อมูล และลงไปดูว่าจะทำวิธีใดที่เร็วที่สุดให้ซื้อขายกันไม่ได้ ถ้าซื้อขายกันไม่ได้อย่างอื่นก็จะเบาลงบ้าง ในส่วนการแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน คือ การบำบัดรักษา โดยมีอยู่ 2 อย่าง คือราชการ หรือสังคมตัวเอง โดยจะต้องใช้เวลา สถานที่ เราก็มามองว่าเร็วที่สุดเพื่อสนองต่อประชาชนว่าจะทำให้ยาเสพติด หมดไปจากชุมนุม เนื่องจากมีสิ่งของหาย มีการทุจริตผิดกฎหมายมากขึ้น ก็มาจากสาเหตุดังกล่าว เราจึงได้ลงไปช่วย แต่เรียนว่าทั้งหมดภายใต้การดูแลควบคุมเป็น ของตำรวจ และ ป.ป.ส. เป็นหลัก ทหารไปเพิ่มเท่านั้นเนื่องจากกำลังมีไม่เพียงพอ จึงได้ขอทหารลงไปช่วย และทหารลงไปก็ได้มีการอบรม และแต่งตั้งเป็นเจ้าพนักงานตามกฎหมายโดยทาง ป.ป.ส. เป็นผู้แต่งตั้ง ดังนั้นทุกคนไปทำงานมีอำนาจตามกฎหมาย เราไม่ได้ลงไปปราบปราม แต่ลงไปทำหน้าที่จัดทำฐานข้อมูล ระบบ การป้องกันให้เข้มแข็งกับสังคม” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า การที่ลงไปทำงานในครั้งนี้เป็นผลดีมากกว่าผลเสีย และได้รับการตอบสนองจากประชาชน ว่าเขาพอใจกับผลงานที่ทหารลงไปปฏิบัติ การทำ หน้าที่ของทหารทำอย่างนิ่มนวล และลงไปพบปะพูดคุยไปทำความรู้จักกัน และขอร้องว่าหากพบใครกระทำผิดกฎหมายก็แจ้งให้เจ้าหน้าที่ได้รับทราบ ไม่เคยไปข่มขู่ ใครทั้งสิ้น และไม่เคยไปดูว่าพื้นใดเป็นหัวคะแนนนั้นคะแนนนี้ ไม่ได้สนใจเรื่องนี้ แต่สนใจว่าจะทำอย่างไรให้ปัญหายาเสพติดหมดไปจากชุมชนดังกล่าว และจะทำ อย่างไรให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล เราไม่ต้องการที่จะไปต่อต้าน หรืออะไรต่างๆ ทำอะไรก็ทำไป แต่ท่านอย่าทำผิดกฎหมายเท่านั้นเอง ตนขอร้องแค่นั้น ลั่นสนับสนุนเลือกตั้ง แต่ประชาชนถูกชักจูงโดยกลุ่มคนบางประเภท พล.อ.ประยุทธ์ยังกล่าวถึงการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 3 ก.ค.นี้ว่า เราจะสนับสนุนการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตยอย่างเต็มที่ อยากให้ประเทศชาติผ่านพ้นห้วงเวลาที่ไม่สงบสุขไปได้ด้วยดี สิ่งที่ตนเป็นห่วงคือ เรื่องสื่อ ตนเรียนว่าสื่อเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้ประชาชนได้รับรู้ความเป็นไปมาของบ้าน เมือง เป็นฐานันดรหนึ่งที่สำคัญ แต่ตนเรียนว่าปัจจุบันนั้นมีผลกระทบมากกับสังคม และประชาชน เพราะว่าประชาชนถูกชักจูงไปโดยกลุ่มคนบางประเภท บางจำพวกที่ไม่ได้ปรารถนาดี หรือคิดว่าปรารถนาดีก็ตาม แต่สิ่งที่กลับมาทำให้เกิดผลตอบสนองย้อนกลับมาทำให้กองทัพมีปัญหากับประชาชน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการรักษาความสงบเรียบร้อย การ ดูแล ดังนั้นสื่อจะต้องช่วยเรา และช่วยประเทศชาติให้ผ่านพ้นเวลาวิกฤตนี้ไปให้ได้ อัดทีวีดาวเทียมทำให้เกิดความแตกแยก ถ้าต้องการให้ประเทศไปได้ ต้องหยุดได้แล้ว พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ปัจจุบันเราจะมีสื่อในระบบ และนอกระบบ สื่อในระบบจะเห็นได้จากทั่วไปสื่อสิ่งพิมพ์ โฆษณาทีวี ส่วนอีกสื่อหนึ่งที่รับจากดาวเทียมที่ออกอากาศอยู่ทุกวันนี้ทำให้เกิดการแตกแยกกันหรือเปล่า แต่ตนก็ไม่แน่ใจตรงนี้ แต่ถ้าเราต้องการให้ประเทศชาติไปได้ และปรองดอง คิดว่าสื่อทั้งสองฝ่ายจะต้องเลิก หยุดได้แล้ว วันเวลาที่ผ่านมา สื่อบางสื่อทำให้เกิดเหตุต่างๆ เหล่านี้เกิดขึ้น ตนไม่ได้บอกว่าอันไหนถูกหรือผิด แต่ตนถามว่าความควรหรือไม่ควร เหมาะสมหรือไม่ เหมาะสม ถ้าต่างฝ่ายต่างบอกว่าไม่เกี่ยวข้องกันและไม่เอื้อประโยชน์ให้ใครก็ไม่น่าจะ มาออกอากาศในตอนนี้ และที่ผ่านมาก็ทำให้ประชาชนเป็นสองฝักสองฝ่าย ตน คิดว่าวันนี้ต้องไม่มีฝักฝ่ายกันได้แล้ว ฉะนั้นอย่ามาบอกว่าตนเป็นทหาร มาห้ามสื่อ มีอำนาจบาตรใหญ่ไม่ใช่ แต่เป็นความคิดส่วนตัวในฐานะประชาชน เรื่องนี้ทางคณะ กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะต้องมาดูแลหรือเปล่าตนไม่รู้ “การออกมาพูดทุกวันนี้ ผมพยายามฟังบ้างไม่ฟังบ้าง บางวันเวลาก็ไม่ค่อยเป็นธรรมกับผมเท่าไหร่ ไม่เป็นธรรมกับกองทัพ แต่ผมก็ไม่ได้ปฏิเสธอะไรทั้งสิ้น หรือยอมรับ แต่ผมไม่ได้ให้ความสนใจมากกว่า แต่ประชาชนอีกระดับหนึ่งส่วนหนึ่งเขาฟังอยู่ ผมยกตัวอย่างว่าเคยได้รับโทรศัพท์จากต่างประเทศโทรมาหาผม และตำหนิผม ในฐานะที่เป็นผู้บัญชาการทหารบก ในการปกป้องดินแดนไม่ได้ เรื่องของการทำร้ายประชาชน ผมพยายามอธิบายแต่ก็ไม่เข้าใจ และบอกว่าฟังมาจากสื่อที่ผมระบุ 2-3 สื่อที่ว่านี้ เขาคิดว่าเป็นแบบนี้ ผมถือว่าอันตราย เพราะมันไม่ใช่แค่ในประเทศ แต่ต่างประเทศด้วย และเราคิดว่าเราจะอยู่กันแบบนี้ต่อไปหรือ ฉะนั้นสังคมจะต้องมาดู และลงความเห็นว่าจะปล่อยให้มีสื่อแบบนี้ต่อไปหรือไม่ทั้งสื่อ ผมรู้ผมพูดวันนี้ก็จะต้องมีใครมาโจมตีผมแน่นอน แต่ก็ไม่เป็นไรผมยอมอยู่แล้ว ไม่เป็นไร ผมเรียนตรงนี้และก็อย่าย้อนกลับไปอีก 6 เดือนนี้ กับก่อนหน้านี้มันคนละเรื่อง” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว ขอร้องประชาชน 60 ล้าน เรื่องสำคัญคือรักษากฎกติกาบ้านเมือง พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ทั้งหมดยืนหยัดด้วยกฎหมายใครผิดก็ว่าไปตามผิด กฎหมายเปิดโอกาสให้ต่อสู้ได้อยู่แล้วตามกระบวนการยุติธรรม ใครมีโทษมากโทษน้อย ก็สู้กันไป แก้กันไป แต่ท่านบอกว่ากลไกไม่ถูก ผมว่าไม่ได้ เพราะการดำเนินการกระบวนการยุติธรรมทั้งหมดไม่ว่าจะตั้งอะไรมาก็จะต้องเข้า สู่กระบวนการยุติธรรม เราไปแตะต้อง หรือละเมิดไม่ได้ก็ต้องใช้ตามหลักฐานพยานต่างๆ ที่มีอยู่ใครผิด ใครถูกก็สู้กันไป ละเมิดไม่ได้ ขอร้องประชาชนทั้งหมด คนไทย 60 กว่าล้าน เรื่องสำคัญก็คือการรักษากฎกติกาของบ้านเมือง สิ่งที่เกิดขึ้นในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา เอาละผมจะไม่พูดว่ามันจะยังไง แต่ผมพูดในฐานะเราเป็นเจ้าหน้าที่ เราเสียใจที่มีประชาชนผู้บริสุทธิ์ มีทั้งเจ้าหน้าที่บาดเจ็บ เสียชีวิต มันไม่ควรจะเกิดแม้แต่เพียงคนเดียว คนเดียวก็ไม่ควรจะเกิดขึ้น เพราะเป็นคนไทยด้วยกัน แต่ถามว่าทำไมมันเกิดขึ้น ท่านต้องย้อนกลับไปดู เอาละเราจะไม่พูดว่ามันเพราะอะไร แต่ผมถามว่ามันควรเกิดขึ้นอีกได้ไหม มันไม่น่าจะเกิดขึ้นได้อีกแล้ว ต้องว่ากันไปตามผิดตามถูก ที่ผ่านมาใครผิดใครถูก ไปว่าตามกฎหมายดีกว่า ถ้าเราเถียงกันไปเถียงกันมา ถ้าโยนกันไปกันมาไม่ได้ การเลือกตั้งคือเลือกคนดี มีคุณธรรม คือรู้ว่าอะไรดี อะไรไม่ดี สิ่งสำคัญนี้ก็คือการแก้ปัญหาชาติบ้านเมืองด้วยการออกมาเลือกตั้งเป็นสิ่งสำคัญ แล้วก็เลือกคนดีเข้ามา คนดีผมบอกแล้วว่า การที่มีคุณธรรมสำคัญ การที่คนทุกคนต้องมีคุณธรรม คือตัวของตัวเองมีคุณธรรม รู้ว่าอะไรดีหรือไม่ดี รู้อะไรถูก รู้อะไรผิด แล้วไม่ไปทำมัน นี่แหละมีคุณธรรม และสร้างจริยธรรมของท่านขึ้นมาในองค์กรของท่าน อย่างของผมก็ในกองทัพบกต้องมีคนดีๆ เยอะๆ แล้วช่วยกันประคับประคองสร้างวัฒนธรรมที่ดีในองค์กรให้เกิดขึ้น นี่คือสิ่งที่อยากขอร้องประชาชนว่า เราเสียใจ เราไม่อยากให้เกิดขึ้นอีก ทั้งคู่น่ะ ไมว่ากี่คนก็ตาม ทั้งทหารเจ้าหน้าที่ ก็ต้องดูแลกันไป “เมื่อกี้เรียนไปแล้วว่า ทหารเรานั้นจะทำหน้าที่เพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ เป็นทหารของประชาชนอย่างแท้จริง ก็จะทำทุกอย่างเพื่อให้ประเทศชาติผ่านพ้นวันเวลาที่ไม่เรียบร้อยไปให้ได้ ด้วยวิธีการอันถูกต้อง อันชอบธรรม ตามกฎหมาย” มีคนทำผิดกฎหมายเกี่ยวกับสถาบันกษัตริย์มากขึ้น แบบไม่ปกติ จึงต้องออกมาพูด ในช่วงนี้ จากการติดตามของฝ่ายความมั่นคงเห็นว่ามีการกระทำผิดกฎหมายเกี่ยวกับสถาบันมากขึ้น ผมเรียนว่า อันที่จริงแล้วเรื่องนี้ทุกคนทราบดีอยู่แล้วว่า เรื่องสถาบันเราจะให้ความระมัดระวังเป็นอย่างยิ่ง ในเรื่องการดำเนินการตามกฎหมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในเรื่องนักวิชาการในเรื่องเกี่ยวกับสถาบัน คิดว่า มีมานานแล้วตั้งแต่ พ.ศ. 2475 ก็มีเรื่องนี้มาโดยตลอด แต่ผมเรียนว่าต้องให้ความเป็นธรรมกับสถาบันด้วยว่า ท่านก็ทรงทำทุกอย่าง อยู่ภายใต้กฎหมาย อยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญมาโดยตลอดตั้งแต่ปี 2475 เป็นต้นมา ในวิธีการตามปกติของประเทศที่เป็นประชาธิปไตย แน่นอนต้องมีคนกลุ่มหนึ่งต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลง ต้องอะไรต่างๆ แต่มันเป็นวิธีการตามปกติ แต่วันนี้ไม่ปกติ ที่ผมจำเป็นต้องออกมาพูด หรือทหารต้องออกมาเคลื่อนไหวบ้าง อะไรบ้าง ต้องมาทำความเข้าใจกับประชาชน ไม่ใช่ว่าทหารจะเป็นผู้ที่ผูกขาดความจงรักภักดี ไม่ใช่ แต่ในฐานะที่ทหารเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ เจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคง แล้วเป็นประชาชนคนไทยคนหนึ่งที่ต้องพิทักษ์ปกป้องการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข อัดคนทำผิดเป็นกลุ่มซึ่ง “ไม่ปกติ” และ “อยู่ต่างประเทศ” สถาบันทรงมีคุณประโยชน์ต่อแผ่นดิน ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาประเทศไทยเป็นประเทศทุกวันนี้เพราะสถาบันพระมหากษัตริย์ รวบรวมผืนแผ่นดินผืนนี้ให้กับลูกหลานคนไทยทุกคนมาจนถึงทุกวันนี้ พระองค์ไม่เคยลงไปเกี่ยวข้องในเรื่องใดๆ ก็ตามที่ไม่ใช่พระราชกิจของพระองค์ท่าน ผมเรียนง่ายๆ ว่า ท่านดูแลแต่ทุกข์สุขของประชาชนโดยตลอด ถึงวันนี้พระองค์ทรงมีพระชนม์พรรษามากขึ้น ท่านทรงทำพระราชกรณียกิจมากว่า 60 ปี วันนี้พระองค์ท่านน่าจะทรงพักผ่อนด้วยความสบายพระราชหฤทัย และเฝ้าทอดพระเนตรเห็นความก้าวหน้าของประเทศไทย เห็นความมั่นคง ยั่งยืน ความสุขของประชาชน แต่ผมก็เสียใจ ที่มีคนบางกลุ่มซึ่งไม่ปกติ เพราะในการกระทำผิดกฎหมายเรื่องนี้มีมากขึ้น โดยเฉพาะช่วงนี้ ช่วงเลือกตั้ง มีมากขึ้น แล้วก็มีมากขึ้นโดยกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งซึ่งเกี่ยวกับกลุ่มคนที่อยู่ต่างประเทศทั้งสิ้น ที่อยู่ต่างประเทศผมไม่ได้พูดถึงระดับอื่นๆ ผมพูดถึงเอาแค่ง่ายๆ นายใจ (อึ๊งภากรณ์) ใช่ไหม อันนี้ นายจักรภพ (เพ็ญแข) ผมพูดได้ เพราะมันผิดกฎหมายอยู่แล้ว คนผิดกฎหมายผมไม่กลัวที่จะพูดน่ะ แล้วพยายามทำให้สถาบันเสียหาย แล้วเกี่ยวพันยึดโยงกับคนอีกหลายกลุ่ม ผมถือว่าเรายอมไม่ได้ พระองค์ท่านดูแลประชาชนมาหลายสิบปี แต่เด็กรุ่นหลังอาจไม่เข้าใจ คำว่า ยอมไม่ได้ คือยอมให้คนทำผิดกฎหมายไม่ได้ เราจะทำอย่างไร เพราะฉะนั้นประชาชนทุกคนก็ต้องออกมาช่วยกัน ช่วยกัน ไม่ใช่ปกป้องในสิ่งที่ไม่ควรจะต้องทำ ปกป้องในสิ่งเป็นความผิด ไม่ใช่ ต้องช่วยกันดูแลพระองค์ท่าน เพราะพระองค์ท่านดูแลพวกเรากันมา ถ้าเป็นผมก็ 56-56 ปีเข้าไปแล้ว คนอื่นๆ ก็คงใกล้เคียงกันแหละมากกว่านี้ด้วยซ้ำ เพราะบางคนก็อายุมากกว่าผม แต่เด็กรุ่นหลังอาจจะไม่เข้าใจ อาจจะไม่ทันเท่าไหร่ อัดพวกแก้กฎหมายอาญา ม.112 “ผมคิดว่าไม่ใช่เรื่อง” แต่ท่านไม่เคยเรียกร้องความเข้าใจจากใคร ท่านไม่เคยมาตอบคำถามใครได้ เพราะสิ่งกล่าวอ้างทั้งหมดผมดูแล้วมันไม่เป็นธรรม ไม่สุภาพด้วยประการทั้งปวง เพราะฉะนั้นก็เป็นสิ่งที่สังคมต้องดูว่า เกิดจากที่ไหนอย่างไร แล้วมันเกี่ยวพันกับเรื่องอะไร ทำไมถึงมากขึ้นในตอนนี้ ไม่ว่าจะเว็บไซต์ เฟซบุ๊ค หรือว่าสื่อสิ่งพิมพ์ โฆษณา ทั้งหมดน่ะมันระดมกันขึ้นมาในช่วงนี้มาก มันควรจะเกิดขึ้นไหมในช่วงเลือกตั้ง ผมถามมันควรจะเกิดขึ้นไหม แม้กระทั่งก่อนหน้านี้ก็ตาม ไม่ควรเกิดขึ้น แล้วก็สถาบันไม่เคยสั่งให้ใครทำโน่นทำนี่ ไม่เคย มีแต่ท่านมาช่วยเสริมว่าทำอย่างไรประชาชนจะมีความสุขอย่างยั่งยืน ท่านทำแค่นั้นแหละ เพราะฉะนั้นอยากให้ความเป็นธรรมกับสถาบันด้วย ไม่อยากให้คนไปละเมิดท่าน กฎหมายมาตรา 112 อะไรที่ว่าก็มีคนจะมาล้มเลิกอะไรกันต่างๆ ผมคิดว่าไม่ใช่เรื่อง ถ้าสถาบันท่านอยู่ของท่านดีๆ อยู่แล้ว แล้วท่านไม่ไปยุ่งกับสถาบัน ก็คือ ไม่ไปละเมิดหรือว่ากล่าวในสิ่งที่ไม่ถูกตามต้อง ผมถามว่าท่านจะถูกดำเนินคดีหรือไม่ ซึ่งจริงๆ แล้วท่านก็เคยรับสั่งว่าท่านประสงค์ไม่ให้ดำเนินคดี แต่สิ่งที่ท่านทรงพระเมตตากลับกลายเป็นว่าทำให้คนเหล่านี้ได้ใจหรือเปล่าผมไม่แน่ใจนะว่า เออยังไงก็ไม่โดน ก็เลยละเมิดมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งคนดีส่วนใหญ่เขายอมได้ไหม ก็ไม่ยอม เมื่อไม่ยอม พอเจ้าหน้าที่ทำงานก็ถูกดดันไปว่าทำไมเจ้าหน้าที่ไม่ทำงาน พอเจ้าหน้าที่ทำงานก็ถูกยกระดับมาว่าเออ อย่างนั้นต้องต่อต้านมาตรา 112 ผมถามว่ากลไกต่างๆ เกิดขึ้นอย่างไร เพราะใคร แล้วมันต้องแก้ด้วยอย่างไร ก็ฝากคำถามนี้ให้สังคมไปแก้ละกัน ช่วยกัน ขอให้ประชาชนไปเลือกตั้งให้มากๆ ให้เกิดการเปลี่ยนแปลง เรื่องสุดท้ายที่อยากฝากไว้คือ การเลือกตั้ง ความร่วมมือของประชาชนทุกหมู่เหล่า ทุกพวกทุกฝ่ายนะ ช่วยกันไปเลือกตั้งเถอะครับ ผมทราบว่ายอดมีประมาณสัก 30-40 ล้าน ที่จะต้องออกมาเลือกตั้ง ตามที่มีสิทธิเลือกตั้ง ออกมาให้มากๆ แล้วเลือกตั้งให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ถ้าท่านปล่อยให้การเลือกตั้งเป็นเหมือนเดิม คือกลุ่มที่มาเลือกก็เลือกเหมือนเดิม กลุ่มที่ไม่เคยเลือกก็ไม่เคยเลือกเหมือนเดิม เราก็ได้อะไรแบบเดิมๆ ตลอด เพราะฉะนั้นอยากฝากให้ทุกคนออกมาเลือกตั้ง ใช้สติมีเหตุผล รู้จักคิดว่า ว่าจะเลือกอย่างไร ทำอย่างไรบ้านเมืองปลอดภัย ทำอย่างไรสถาบันจึงจะปลอดภัย ทำอย่างไรคนดีจึงจะได้มาบริหารชาติบ้านเมือง สิ่งต่างๆ เหล่านี้ต้องคิดนะครับ อยากให้ประชาชน อย่าให้คนเขาดูถูก ดูถูกว่าท่านชักจูงง่าย ชักจูงไปไหนก็ได้ ไปเลือกใครท่านก็ไปเลือก โดยไม่ได้ดูว่าคนนั้นดีหรือไม่ มีคุณธรรมหรือไม่ เขาทำผิดกฎหมายหรือไม่ กิริยาที่นักการเมืองบางท่านใช้ไม่เหมาะสม แล้วจะเลือกเขาเข้าไปทำไม เลือกคนที่ดี คนที่สุภาพ ตั้งใจทำงานเพื่อชาติบ้านเมืองเข้าไปทำงานแล้วกัน

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท