Skip to main content
sharethis

นักวิจารณ์หนังชื่อดังส่งข้อความมาแจ้งให้ทราบว่า The Forgotten ฉบับ Uncut สารคดีของวชร กัญหาเป็นผู้กินกับและตัดต่อ ที่หลิ่มหลีเป็นนายทุนและประสานงา เอ้ยประสานงานให้ และ อำนวยการสร้างให้นั้น ได้เข้ารอบเทศกาลหนังสั้นครั้งที่ 15 นี้ ในรางวัล “ดุ๊ก” เป็นหนึ่งในสิบหนังสารคดีที่เข้ารอบชิง กรี๊ด สิคะ กรี๊ดดดดดด ดีใจเป็นที่สุด เสียดายประกวดหนังสารคดี ไม่เหมือนประกวดนางงาม จะได้มีเข้ารอบห้าคนสุดท้ายแล้วตั้งคำถามโน่นนี่ ...ให้หลิ่มหลีได้ตอบบ้างอะไรบ้าง อยากแสดงความสวยเอ้ย ความฉลาดกับเขาบ้าง อะไรบ้าง ย้อนนึกถึงเมื่อต้นปีที่คิดทำสิ่งนี้ ก็ได้น้องๆมาจุดประกายให้เกิดความอยากทำ น้องเอ๋ที่มาบอกถึงเรื่องผู้ต้องขังมากมายหลายคนที่โดนจับกุมโดยไม่ได้รับความช่วยเหลืออย่างแท้จริง หลิ่มหลีก็เดินไปเดินมา ก็สะดุดไปพบญาติลูกเมียคนเหล่านั้น ได้เห็นพวกเขาร้องไห้ ได้คุยได้ฟังพวกเขาคุยกัน จำได้เลยว่าเป็นวันวาเลนไทน์ของปีนี้แหละ ได้เห็นคนหลายคนรับปากว่าจะช่วยเหลือ ดูเหมือนหลิ่มหลีจะเป็นแค่ผู้หญิงสลิ่มนอกกลุ่มที่แปลกแยกแตกต่าง เหมือนจะช่วยเหลืออะไรไม่ได้เท่าไร แต่ก็ทำให้เราค่อยๆคิดตามว่า เราน่าจะพอทำอะไรได้บ้างเล็กๆน้อยๆ ก็เลยติดต่อเรื่องครอบครัวผู้ที่อยู่ในห้องขัง หลายๆคนก็บอกว่า ก็ออกมาหลายรายการแล้ว ก็ไม่เห็นจะช่วยอะไรกันได้ หลิ่มหลีอยากจะบอกว่า ณ ตอนนั้น แม้แต่ นปช เอง ก็ยังไม่รู้ว่าคนแนวร่วมของตนเองติดคุกอยู่กี่คน นึกแล้วก็สมเพช เชอะ แกนนำหลัก ไม่อยากจะพูด ไม่อยากจะวิพากษ์วิจารณ์อะไรมาก ความใส่ใจที่มีให้กับผู้ต้องขัง หลิ่มหลีมองแล้วก็...บอกกับตัวเองว่า ฉันไปทำของฉันคนเดียวในหนทางของฉันดีกว่า คิดไม่เหมือนกัน มองไม่เหมือนกัน ไปเกี่ยวข้องมาก ก็จะไปป่วนเขาเปล่าๆ หลิ่มหลีก็เดินออกมา แล้วก็ติดต่อหาทางด้วยตัวเองกับพี่ที่รู้จักกันที่จังหวัดเลย การติดต่อเป็นไปได้ยากเย็นมาก เพราะคนเหล่านั้นระวังตัวสูง พวกเขาเพิ่งโดนกวาดล้าง โดยเก็บ โดนจับ โดนฆ่า มันก็เป็นธรรมดาที่พวกเขาจะระวังตัว ทำตัวให้เงียบๆเข้าไว้ หลิ่มหลีใช้เวลาถึง สามเดือน กว่าจะติดต่อพวกเขา ขอเข้าพื้นที่ได้ หลิ่มหลีพร้อมกับวชร และเอ้ สามคนขับรถเดินทางตรงไปถึงจังหวัดเลย และเข้าจังหวัดอุดรธานี เพื่อไปหาแกนนำของท้องถิ่น พวกเขามีรายชื่อคนของเขาครบ และแกนนำก็พาพวกเราเข้าไปเยี่ยม ทุกอย่างเต็มไปด้วยความหวาดระแวง เหล่าอดีตผู้ต้องขังที่อยู่ในสารคดีทั้งหมด ล้วนแล้วแต่ไม่ไว้ใจหลิ่มหลีและทีมงานเลย เห็นหน้าเราขาวๆ ก็พูดว่า ไอ่พวกนี้เป็นพวกรัฐบาล (อภิสิทธิ) หรือเปล่า พวกคุณเป็นพวกไหน ถ้าเป็นพวกรัฐ ไม่คุยด้วย เราต้องให้แกนนำท้องถิ่นและพี่ต่อที่จังหวัดเลย อธิบายให้ฟัง ให้ได้ไว้ใจว่า เราไว้ใจได้จริงๆ ไม่ใช่พวกรัฐ ไม่ได้มาหลอกล่อ แต่มาเพื่อทำสารคดี พอโดนถามต่อว่า จะออกช่องไหน ..ก็ตอบไม่ได้อีก เพราะไม่ได้รู้จักพวกช่องทีวีอะไรเลย แล้วก็ทำ... เพื่อที่จะทำ คุณลุงคนแรกที่เราเข้าไปพบ ลุงสมาน เป็นเจ้าของไร่ยางพารา รวยเลยล่ะ ถ้าได้ดูในหนังสารคดี ก็คือคุณลุงที่ใส่เสื้อสีม่วง ตอนแรกที่เราถ่ายทำ แกด่าอย่างเดียว ด่าจนเอาไม่อยู่ หลิ่มหลีอยู่ด้านนอก ก็ต้องเดินเข้าไปหาลุงข้างใน ใช้วิธีการตั้งคำถามแทน แกก็ตอบเรื่อยๆ ตอบไปตอบมา แกก็ร้องไห้ออกมา หลิ่มหลีก็ได้แต่สลดในใจ ลับหลังลุงแก เราให้ วชร ไปคุยกับครอบครัวของลุง เมียลูกชายลูกสาวร้องไห้กันใหญ่ น่ารันทดใจมาก เราถ่ายทำอยู่จนดึก ได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีในที่สุด หลิ่มหลีและทีมงานจากมาด้วยการฝากของฝากไว้ให้ ของที่หลิ่มหลีไปเดินซื้อมาเพื่อให้เป็นของกำนัลจากใจจริงๆ ให้เงินแกด้วยแต่แกคืนมา ดีใจที่แกรับของฝากจากหลิ่มหลี ทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำเป็นเงินทองของหลิ่มหลีที่เก็บมาเพื่อการนี้โดยเฉพาะ ตกดึก เรานอนบ้านแกนนำที่อุดรธานี นอนไม่หลับ ร้อน หลิ่มหลีเคยนอนแต่ห้องแอร์ เจอแบบนี้ แทบแย่ เหมือนกัน น้ำที่อาบ ในน้ำก็มีปลาอยู่ ปลาที่กินพวกลูกน้ำ ปลาซอกเกอร์มั้ง แต่มองไม่ชัด ก็คิดว่าเป็นปลาดุก กรี๊ดสลบ ทุกอย่างมันเป็นอะไรที่ชาวบ้าน แต่เราก็ไม่ได้รังเกียจ หลิ่มหลีแค่ไม่ชิน อันนี้ไม่ได้อวดว่าเก่ง ...แต่มันเป็นโฮมสเตย์แท้ๆ เขาก็อุตส่าห์เลี้ยงอาหารเราด้วย ไข่มดแดง ของแพงหายาก กับน้ำพริกเขมร อร่อยชิบ ..ไม่เคยกิน ก็ได้หัด วันรุ่งขึ้น เราเดินทางต่อไปหาคุณพี่อีกสองคน ดูเหมือนการติดต่อสื่อสารระหว่างแกนนำกับพรรคพวกจะราบรื่น พี่ๆอีกสองคนต้อนรับเราอย่างดี และให้สัมภาษณ์แบบที่เรียงลำดับเรื่องมาล่วงหน้าแล้ว แตกต่างจากลุงสมานที่ไม่ได้เตรียมคำตอบอะไรไว้ เป็นธรรมชาติมาก แต่พี่อีกสองคนก็เป็นธรรมชาติในการตอบคำถามเช่นกันแต่ก็ระงับความรู้สึกได้ดี เราไม่สามารถดึงอารมณ์ของแกออกมาได้มาก นอกจากอารมณ์เซ็งๆ ก็โอเค เรายอมรับกันได้กับภาพและโทนเสียงที่ได้มา เราได้เก็บ Footage หลายๆช๊อต หลายๆช๊อตไม่ได้เก็บ เสียดายเหมือนกัน แต่เราก็ตัดสินใจเดินทางเข้า กทม .. ส่วนที่เป็นสารคดีที่ได้เข้าชิงครั้งนี้ เป็นส่วนของ วชร ตัดต่อเองล้วนๆ แต่ส่วนที่พี่หลีขอมา เป็นส่วนที่เป็นการสัมภาษณ์ และมีความรู้สึกว่ามันไม่พร้อม ไม่ครบ ขาดอะไรบางอย่างด้วย จึงตัดสินใจขอเข้าพบ คุณเยาวลักษณ์ ทนายที่ชำนาญด้านสิทธิมนุษยชน ซึ่งก็ได้มาให้ความรู้ถึงความน่าเศร้าของเหล่าอดีตผู้ต้องขังเหล่านี้ ที่โดนกวาดเข้าไปอยู่ในห้องขังทั้งๆที่ไม่ได้ทำความผิดอะไรเลย และไม่แม้แต่จะเข้าไปชุมนุม พวกเขาเหล่านี้คือคนอีกกลุ่มหนึ่งที่แค่เห็นการเกิดไฟไหม้ เพราะเข้าไปทำธุระในเมือง เดินไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น ได้เห็นและ งง งวย กับคนที่กระทำการเผาบ้านเผาเมืองอย่างแท้จริง แต่แล้วกลับโดนจับไปขังแล้วพอถึงเวลาก็โดนปล่อยออกมาแบบ งง งง ทั้งๆที่ก่อนหน้านั้น มีทนายถึงสามคนสับเปลี่ยนกันไปขอประกันตัว ณ ขณะที่เราสัมภาษณ์อยู่ที่นั่น พวกเขายังต้องไปรายงานตัวทุก 15 วัน ด้วยข้อหาก่อการร้าย ซึ่งอัยการไม่ได้ส่งฟ้องพวกเขาเลย พวกเขาไม่รู้ว่าจะหาทางแก้ไขปัญหาของพวกเขาอย่างไร พวกเขาไม่รู้ว่าจะช่วยเหลือตัวเองอย่างไร ไม่มีความรู้ ไม่มีทางแก้ไข ได้แต่กระทำไปตามคำสั่งของคนที่อยู่ในเครื่องแบบ สำหรับหลิ่มหลีแล้ว เรื่องน่าเศร้าที่สุด อาจจะเป็นเรื่องที่มีการฆ่ากันกลางเมือง แต่คนตายไปแล้ว ..พวกเขาก็เหมือนพ้นทุกข์ในทางพุทธศาสนา วัฏสงสาร ก็คงทำให้พวกเขาได้ไปสู่สังคมนิพพานที่ไม่ได้อยู่บนผืนแผ่นดินนี้ แต่คนที่ยังมีชีวิตอยู่ ยังไม่ได้รับความยุติธรรม พวกเขาได้ชื่อว่าเป็น “เหยื่ออธรรม” อย่างแท้จริง สารคดีชิ้นนี้ ไม่ได้ทำเพื่อให้ไปเป็นเครื่องมือทางการเมืองใดๆทั้งสิ้น จึงทำให้หลิ่มหลียังเก็บงานชิ้นนี้ไว้เสมอ เสร็จนานแล้ว แต่ไม่เอาออกมาเผยแพร่ ... ไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองรออะไร ส่วนหนึ่งเพราะ ความกลัวในเงามืด กลัวว่าพวกคนที่อยู่ในทีวีจะเดือดร้อน ในประเทศที่มีการตายที่ยังหาคนผิดไม่ได้ ในประเทศที่มีการตายที่ทำให้ดูเหมือนเป็นอุบัติเหตุได้ หลิ่มหลีกลัว ... แสนกลัว เหล่ามือที่มองไม่เห็น มือที่ประจบประแจง มือฆาตกรอำมหิต หลิ่มหลีคิดมากไปหน่อย เพราะเป็นผู้หญิงคิดเยอะ แต่..วชร กัญหา คือมืออาชีพที่นำผลงานตัวเองออกสู่สายตาสาธารณะเสมอๆ และชิ้นนี้ก็เป็นผลงานชิ้นหนึ่งที่เขาทำให้เข้าตากรรมการรอบคัดเลือกในงานหนังสั้นมาราธอน ... และได้เข้าชิงรางวัล ผลงาน The Forgotten ที่เข้ารอบ เป็นงานตัดต่อในรูปแบบของหนังสั้น (สั่น...ฮ่า อะไรว่ะ แม่ง 9yh’ 123 นาที)จะฉายในวันเสาร์ที่ 27 สิงหาคมนี้ เวลา 11.00 น. ที่หอศิลปกรุงเทพมหานคร บีทีเอสสุดทายสนามกีฬา ... ดีใจที่เข้ารอบ ...ขอแสดงความยินดีที่เข้ารอบ และอยากเชิญชวนให้ ทุกคนไปดู หนังเทศกาลหนังสั้นโดยมูลนิธิหนังไทย (Thai Film Foundation) ครั้งที่ 15 กัน มันเป็นอะไรที่สอดแทรกความคิดของคนอีกกลุ่มหนึ่งอย่างแท้จริง โดยงานจะจัดขึ้นตั้งแต่วันที่ 18 – 28 สิงหาคม ศกนี้ (งดวันจันทร์ที่ 22 ส.ค.) ณ ห้องออดิทอเรี่ยม ชั้น 5 และ ห้องประชุม ชั้น 4 หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร (สี่แยกปทุมวัน) โดยวันธรรมดาฉายตั้งแต่ 17.00 - 20.30 น. ส่วนวันเสาร์-อาทิตย์ จะฉายตั้งแต่ 11.00 – 20.30 น. สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่มูลนิธิหนังไทย 080-557-9709 หรือ thaishortfilmfestival@gmail.com และ ติดตามตารางฉายหนังได้ที่ http://www.thaifilm.com/ หรือ http://www.facebook.com/thaifilmfoundation

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net