นักศึกษาใต้รวมตัวกันยื่นหนังสือให้แก่ผู้ว่าฯ พร้อม ประธาน คกก.อิสลาม และชมรมมุสลีมะฮฺ นครศรีฯ กรณีการเรียกร้องเพื่อให้นักศึกษาหญิงมุสลิมได้ใส่ผ้าฮีญาบในขณะไปฝึกสอน หรือ ฝึกประสบการณ์วิชาชีพครู แต่จากการเรียกร้องต่อผู้มีอำนาจสูงสุดในสถาบันนั้นถือว่า ปีการศึกษา 2555 นี้นักศึกษาทุกคนสามารถใส่ผ้าฮีญาบได้ แต่เหตุ ไฉนในอีกหนทางหนึ่งนักศึกษากลับถูกคุกคาม จึงนำมาสู่การยื่นหนังสือให้แก่ผู้มีอำนาจสูงสุดของจังหวัดนครศรีธรรมราช เมื่อวันศุกร์ ที่ 2 ธ.ค. 2554 ที่ผ่านมา หลังจากการรวมตัวกันของนักศึกษาเพื่อเรียกร้องให้เพื่อนนักศึกษาหญิงมุสลิมในสถาบันแห่งหนึ่งได้ใส่ผ้าคลุมฮีญาบมานานหลายปี แต่กลับไม่มีความคืบหน้าใดๆ อาจจะเป็นเพราะการรวมตัวที่ไม่เข้มแข็งพอของเหล่านักศึกษาในครั้งที่ผ่านมานั้น เป็นการรวมตัวเฉพาะนักศึกษาในสถาบันที่ได้รับผลกระทบเพียงสถาบันเดียว จึงอาจจะไม่มีพลังพอในการต่อรองกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง นักศึกษาหญิงมุสลิมยังคงต้องถอดผ้าคลุมฮีญาบในขณะฝึกสอนในสถานศึกษาต่างๆตามที่มหาวิทยาลัยได้สรรหาไว้ ด้วยความที่กลัวว่าจะกระทบกับการเรียนของตนเอง ส่งผลให้นักศึกษาหญิงมุสลิมต้องยินยอมแต่โดยดี แต่เมื่อถึงปี 2554 ความคืบหน้าในเรื่องดังกล่าวก็ยังคงเฉกเช่นกับปีที่ผ่านๆมา จนมาถึงช่วงกลางเดือนพฤศจิกายนกระแสการห้ามสวมฮีญาบกลับเล็ดลอดออกมาจากรั่วสถาบันดังกล่าว ส่งผลให้เกิดการรวมตัวกันของนักศึกษาจากหลายๆสถาบันในนาม “เครือข่ายนักศึกษาคัดค้านการห้ามสวมฮีญาบ” โดยมี 24 องค์กรนักศึกษาด้วยกัน เริ่มจากการพูดคุยกันของนักศึกษาที่ได้รับผลกระทบโดยตรงเป็นกลุ่มเล็กๆกับอาจารย์ที่เกี่ยวข้องเป็นการส่วนตัว แต่กลับหาทางออกให้นักศึกษาไม่ได้ จนนำมาสู่การรวมตัวกันของนักศึกษาเป็นกลุ่มก้อนใหญ่ในนามเครือข่ายดังกล่าว และออกแถลงการณ์ฉบับที่ 1 เพื่อเรียกร้องให้นักศึกษาในสถาบันลุกขึ้นมาเรียกร้องพร้อมๆกัน จนนำมาสู่การตั้งโต๊ะเจรจากับผู้มีอำนาจสูงสุดในสถาบันแห่งนั้น คำตอบที่ได้มาคือ ทางมหาวิทยาลัยได้ประกาศอนุญาตให้นักศึกษาหญิงมุสลิมได้สวมผ้าฮีญาบตั้งแต่ต้นเดือนกุมภาพันธ์ ปีการศึกษา 2554 แล้ว แต่เหตุไฉนผู้ที่นำประกาศฉบับอนุญาตนั้นกลับไม่มีการประกาศให้นักศึกษาทราบ หรือ เผยแพร่ หรือ นำมาสู่การเป็นบรรทัดฐานในการออกเป็นกฎระเบียบของคณะต่อไป ฉะนั้นจากการตกลงระหว่างเครือข่ายนักศึกษากับผู้มีอำนาจสูงสุดในสถาบันสามารถสรุปได้ดังนี้ “หลังจากวันนี้เป็นต้นไป นักศึกษาหญิงมุสลิมในคณะๆหนึ่ง ที่ต้องออกฝึกสอน สามารถสวมฮีญาบได้...แต่กระนั้นแล้วเอาเข้าจริงตอนนี้นักศึกษาที่ออกโรงเพื่อไปฝึกสอนตามโรงเรียนต่างๆนั้น “จะรู้ถึงการอนุญาตครั้งนี้หรือเปล่า...ไม่รู้ ? หากการอนุญาตครั้งนี้ไม่ได้มีการประสานงาน หรือแจ้งข่าว และทำความเข้าใจโดยคณะอาจารย์ที่เกี่ยวข้องด้วยความจริงใจอย่างทั่วถึง” อีกส่วนหนึ่งของช่วงเวลาแห่งการเรียกร้องนั้น กลับถูกตอบโต้กลับมาในรูปแบบต่างๆที่เหมือนกับว่าละครเรื่องนี้คงจะไม่จบกันง่ายๆ เฉกเช่น มีการขมขู่นักศึกษาที่เกี่ยวข้องเพื่อถามถึงผู้ที่จุดกระแสเรื่องฮีญาบนี้ขึ้นมา และถามถึงแกนนำนักศึกษาผู้ที่ออกแถลงการณ์ รวมทั้งได้มีการแบล็คเมล์รูปภาพนักศึกษาที่เรียกร้องในเรื่องดังกล่าวผ่านสื่อออนไลน์ หรือ Facebook ในทางที่เสื่อมเสีย อย่างใจความว่า“เปิดโปง มาแล้ว เจ้าเด็กบ้า ไปฝึกงานในสถาบันมีชื่อเสียงไม่ได้ เพราะตัวเองเอาแต่หมกมุ่น เรื่อง การยุยง เพื่อสร้างความแตกแยก เลยกุเรื่อง มหาลัยนครฯห้ามสวมฮิญาบ เพื่อหวังหลอกนักศึกษาทั่วประเทศรวมกลุ่มเพื่อไม่ต้องการให้ภาคใต้สงบ โปรดดูโฉมหน้า แล้วประวัติจะลงให้ชมต่อไป ติดตามชม (เด็กบ้าเอ้ย...สนใจเรียนหนังสือมีงานทำดีๆเหอะไป้)” โพสต์โดย เจ ขุนเณร ยะลา โดยมิทราบว่าบุคคลที่มีนามแฝงผู้นี้ จะมีส่วนเกี่ยวข้องกับสถาบันแห่งนี้หรือเปล่า แต่ทั้งนี้การถูกคุกคามโดยมือที่สามนั้น ส่งผลให้นักศึกษาเกิดการหวาดผวาที่จะเรียกร้องในเรื่องดังกล่าวต่อไป จากการถูกคุกคามดังกล่าวส่งผลให้ทาง “เครือข่ายนักศึกษาคัดค้านการห้ามสวมฮีญาบ” รวมตัวกันประมาณ 60 กว่าคน นำโดย นายมูหามะนาซูวันดี สาแม ผู้ประสานงานเครือข่ายฯ เพื่อยื่นหนังสือให้แก่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องภายในจังหวัดนครศรีธรรมราช เมื่อวันศุกร์ ที่ 2 ธันวาคม 2554 เวลาประมาณ 14.45 น. การยื่นหนังสือครั้งนี้มีวัตถุประสงค์หลัก เพื่อให้ผู้หลักผู้ใหญ่ของบ้านเมืองรับทราบถึงข้อมูลข้อเท็จจริงที่มาจากนักศึกษาเอง และป้องกันการบิดเบือนจากมือที่มองไม่เห็นอีกทางหนึ่ง จากการสัมภาษณ์หนึ่งในแกนนำเครือข่ายนักศึกษาคัดค้านการห้ามสวมฮีญาบ นายอีสมาแอล ฮายีแวจิ ประธานสภานักศึกษา มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ กล่าวว่า การมายื่นหนังสือให้แก่ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช นายกสมาคมชมรมมุสลิม (มุสลีมะฮ์) นครศรีธรรมราช และประธานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดนครศรีธรรมราชนั้น ไม่ได้ต้องการเรียกร้องเพื่อให้หน่วยงานเหล่านี้เข้าไปพูดคุยกับผู้หลักผู้ใหญ่ในสถาบันดังกล่าว แต่เพียงต้องการให้หน่วยงานเหล่านี้ได้รับทราบถึงข้อมูลข้อเท็จจริงที่เป็นข้อมูลมาจากนักศึกษาเอง อีกทั้งเพื่อเป็นภูมิคุ้มกันให้แก่พวกเราด้วย หลังจากที่มีการถูกคุกคามจากมือที่ 3 และนายมูหามะนาซูวันดี สาแม ผู้ประสานเครือข่ายฯ ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า หลังจากที่ยื่นหนังสือให้หน่วยงานใหญ่ๆต่างๆในตัวเมืองนครศรีธรรมราชนั้น ยังไม่รู้เลยว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับตัวผมเอง แต่ที่แน่ๆมหาลัยต้องเรียกผมไปพบแน่ เนื่องจากผมเองก็เรียนในคณะและชั้นปีเดียวกันกับเพื่อนๆนักศึกษาที่ไปฝึกสอน แต่ผมก็พร้อมเสมอ เพราะผมเชื่อว่าสิ่งที่ผมทำนี้มันเป็นสิ่งที่ถูกต้อง ผมทำเพื่อเพื่อนๆนักศึกษาคนอื่นๆและรุ่นน้องๆต่อไปได้ใส่ผ้าฮีญาบ ผมไม่ได้ทำเพื่อตัวผมเอง ส่วนนายสือกรี เตะ นายกสโมสรนักศึกษาคณะวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและการเกษตร มหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา ได้ให้สัมภาษณ์ว่า ถึงแม้ว่าผมจะเรียนอยู่ต่างสถาบัน แต่หากการละเมิดต่อสิทธินักศึกษาเกิดขึ้น ณ ที่ใดแล้ว พวกเราก็พร้อมจะรวมตัวและช่วยเหลือซึ่งกันและกัน การยื่นหนังสือครั้งนี้ เริ่มยื่นหนังสือให้แก่ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช ณ ศาลากลางจังหวัดนครศรีธรรมราช โดยมีนายวุฒิ ศิลปะไพบูลย์ ปลัดอำเภอเมืองนครศรีธรรมราช และนายอธิวัฒน์ ยอดหวาน หัวหน้าศูนย์วัฒนธรรมจังหวัดและนิติกรสำนักงานจังหวัด รับหนังสือแทน ต่อมาเวลา 15.30 น. เครือข่ายนักศึกษาฯ ดังกล่าวได้เดินทางไปยื่นหนังสือให้แก่ นางซาเราะห์ ยิ่งกุลเชา นายกสมาคมสตรีมุสลิม (มุสลีมะฮ์) นครศรีธรรมราช ต่อด้วยเวลา 16.00 น. เดินทางไปยื่นหนังสือให้แก่ประธานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดถึงบ้านพัก เนื่องจากวันศุกร์สำนักงานคณะกรรมอิสลามเป็นวันหยุดทำการ จากการยื่นหนังสือครั้งนี้ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดังกล่าวก็รับเรื่องเพื่อรับทราบแต่โดยดีและพร้อมที่จะเข้ามาช่วยเหลือหากครั้งหน้าทางเครือข่ายนักศึกษาเข้ามายื่นหนังสือเพื่อร้องเรียนต่อไปดังคำพูดของ นางซาเราะห์ ยิ่งกุลเชา นายกสมาคมสตรีมุสลิม (มุสลีมะฮ์) นครศรีธรรมราช กล่าวว่า \ ประเด็นนี้ถือว่าเป็นประเด็นหลักของสมาคมฯที่จะต้องเข้ามาร่วมแก้ไขและทำความเข้าใจในเบื้องต้น หากนักศึกษาเข้ามาขอความช่วยเหลือ ทางเราก็พร้อมที่จะให้ความช่วยเหลือ ซึ่งแน่นอนว่าหากการเรียกร้องของนักศึกษาครั้งนี้ไม่เป็นไปตามคำพูดหรือการให้คำมั่นสัญญาของผู้มีอำนาจสูงสุดในสถาบัน หรือการถูกคุกคามโดยมือที่มองไม่เห็น การออกโรงครั้งต่อไปคงจะเกิดขึ้นอีกเมื่อเร็ววัน ดังนั้นฝากถึงผู้หลักผู้ใหญ่ที่มีส่วนเกี่ยวข้องให้ความตระหนักและให้ความสำคัญในการเรียกร้องของนักศึกษาครั้งนี้ด้วย ตามความเชื่อที่ว่า กระบอกเสียงนักศึกษา คือ เสียงที่ บริสุทธิ์ อ้างอิงหนังสือที่ยื่นให้แก่ผู้ว่าฯ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หน่วยงาน เครือข่ายนักศึกษาคัดค้านการห้ามสวมฮีญาบ ที่ พิเศษ ๐๐๒/๒๕๕๔ ๒ ธันวาคม ๒๕๕๔ เรื่อง แจ้งเพื่อโปรดทราบ เรียน ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช สิ่งที่แนบมาด้วย ๑. รายชื่อองค์กรภาคี เครือข่ายนักศึกษาคัดค้านการห้ามสวมฮีญาบ ๒. ประกาศคณะครุศาสตร์ : หลักเกณฑ์และกิจกรรมการจัดประสบการณ์วิชาชีพครู ตามที่เครือข่ายนักศึกษาคัดค้านการห้ามสวมฮีญาบ ได้ยืนหนังสือเลขที่ ๐๐๑/๒๕๕๔ เมื่อวันที่ ๑ ธันวาคม ๒๕๕๔ ซึ่งมีรายละเอียดมูลข้อเท็จจริงดังต่อไปนี้ เนื่องจากทางหลักสูตรต่างๆในคณะครุศาสตร์ได้กำหนดให้นักศึกษาคณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราช ชั้นปีที่ ๔ ปฏิบัติการฝึกวิชาชีพประสบการณ์ครูตามสถานศึกษาต่างๆ โดยกำหนดระยะเวลา ๕ สัปดาห์ และนักศึกษา ชั้นปีที่ ๕ ในคณะดังกล่าวปฏิบัติการฝึกวิชาชีพประสบการณ์ครูตามสถานศึกษาต่างๆเช่นเดียวกัน โดยกำหนดระยะเวลา ๑ ปี รวมระยะเวลาทั้งสิ้น ๑ ปี ๑ เดือน ถึงจะจบหลักสูตรการศึกษานั้น ต่อมาเมื่อช่วงกลางเดือนพฤศจิกายน ปีการศึกษา ๒๕๕๔ มีเพื่อนนักศึกษาในคณะดังกล่าวได้แจ้งมายังเพื่อนนักศึกษาในสื่อออนไลน์ต่างๆ อย่างเช่น Facebook โดยมีใจความว่า “วันจันทร์ที่ ๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ นักศึกษา ชั้นปีที่ ๔ คณะคุรุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราช ทุกคนต้องปฏิบัติการฝึกวิชาชีพประสบการณ์ครูตามสถานศึกษาต่างๆ ตามที่หลักสูตรได้กำหนดไว้ โดยมีอาจารย์บางท่านได้กล่าวแก่นักศึกษาว่า “นักศึกษาหญิงมุสลิมต้องถอดผ้าคลุมหรือฮีญาบออก หากสถานศึกษาใดไม่อนุญาตให้คลุมฮีญาบ แต่ถ้าหากทางอาจารย์ทราบทีหลังว่า มีนักศึกษาหญิงมุสลิมคนใดฝ่าฝืน หรือดื้อรั้น ทางอาจารย์จะไม่ไปนิเทศเมื่อถึงวันกำหนดไปนิเทศนักศึกษา” นั่นก็หมายความว่า หากนักศึกษาหญิงมุสลิมผู้ใดใส่ผ้าคลุมหรือฮีญาบ ในสถานศึกษาที่ไม่อนุญาตให้คลุมฮีญาบ อาจจะไม่มีสิทธิจบการศึกษา โดยทางอาจารย์อ้างเหตุผลว่า \"เพื่อความเท่าเทียม & ความเป็นสากล\"ซึ่งจำนวนนักศึกษาหญิงมุสิลิม ชั้นปีที่ ๔ จะเห็นได้ว่าในเวลา ๑ เดือน กับอีก ๑ ปี นักศึกษาหญิงมุสลิมตามคณะและจำนวนดังกล่าวบางส่วน จักต้องยอมเสียเกียรติถอดผ้าคลุมหรือฮีญาบของตนเองออกด้วยความจำใจ ซึ่งฮิญาบที่หมายความว่า “การปกปิด\" เพื่อให้มุสลิมรำลึกถึงอัลลอฮ์ตลอดเวลา ฉะนั้น ระหว่างกฎระเบียบของมนุษย์ กับกฎข้อบังคับของอัลลอฮฺ (ซบ.) สิ่งไหนที่เราควรเลือกมากกว่ากัน ! แต่กระนั้นแล้วดังที่กล่าวไม่ได้หมายความว่านักศึกษามุสลิมในจำนวนดังกล่าวเป็นผู้กระทำผิด หากแต่ว่าทางคณะอาจารย์บางท่านที่ล้าหลังกับความเป็นสากลที่แท้จริงของการเคลื่อนไหวในโลกปัจจุบันตากหากที่เป็นผู้กระทำ....ขอแจ้งข่าวให้พี่น้องในโลกออนไลน์ได้รับทราบกันถ้วนหน้าเพื่อช่วยกันหาวิธีช่วยเหลือพี่น้องเรา แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นใช่ว่าทางเราที่เรียนอยู่ในพื้นที่มหาวิทยาลัยแห่งนี้ ไม่ได้ทำอะไรเลย แต่เพื่อจะได้ช่วยเรื่องนี้ให้ได้เร็วที่สุดก่อนที่นักศึกษามุสลิมจะต้องเสียเกียรติตนเองมากว่านี้” จากข้ออ้างโดยคณะอาจารย์ดังกล่าว ความว่า “ต้องการให้เป็นสากล และความเท่าเทียมระหว่างกัน” นั้นหารู้ไม่ว่ามันขัดกับหลักการศาสนาอิสลามทีได้บัญญัติไว้ในคัมภีร์อัล-กรุอานอย่างสิ้นเชิง รวมทั้งนโยบายหรือกฎระเบียบเหล่านั้นยังขัดต่อรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา ๓๗ ความว่า “บุคคลย่อมมีเสรีภาพบริบูรณ์ในการนับถือศาสนา นิกายของศาสนา หรือลัทธินิยมในทางศาสนา และย่อมมีเสรีภาพในการปฏิบัติตามศาสนธรรม ศาสนบัญญัติ หรือปฏิบัติพิธีกรรมตามความเชื่อถือของตน เมื่อไม่เป็นปฏิปักษ์ต่อหน้าที่ของพลเมืองและไม่เป็นการขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน ในการใช้เสรีภาพดังกล่าวตามวรรคหนึ่ง บุคคลย่อมได้รับความคุ้มครองมิให้รัฐกระทำการใด ๆ อันเป็นการรอนสิทธิหรือเสียประโยชน์อันควรมีควรได้ เพราะเหตุที่ถือศาสนานิกายของศาสนา ลัทธินิยมในทางศาสนา หรือปฏิบัติตามศาสนธรรม ศาสนบัญญัติ หรือปฏิบัติพิธีกรรมตามความเชื่อถือแตกต่างจากบุคคลอื่น\" ต่อมาจากข่าวสารที่แพร่สะพัดไปทั่วในโลกออนไลน์ ส่งผลให้เกิดการรวมตัวของนักศึกษา จำนวน ๒๔ องค์กรนักศึกษาด้วยกันในนาม“เครือข่ายนักศึกษาคัดค้านการห้ามสวมฮีญาบ” โดยมีวัตถุประสงค์หลัก คือ เรียกร้องให้นักศึกษาหญิงมุสลิม คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราช สามารถคลุมฮีญาบได้ทุกคน โดยเริ่มตั้งแต่ปีการศึกษา ๒๕๕๔ นี้และปีการศึกษาอื่นๆต่อไป รวมทั้งพร้อมที่จะเรียกร้องในเรื่องดังกล่าวหากเกิดขึ้นในมหาวิทยาลัยอื่นๆต่อไป เพื่อให้ได้มาซึ่งสิทธิทางศาสนาและสิทธิเสรีภาพดังที่กฎหมายรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยได้บัญญัติไว้ หลังจากนั้นได้มีการพูดคุยระหว่างแกนนำนักศึกษาในองค์กรต่างๆ พอสรุปปัญหา และขอเสนอแนะในเรื่องดังกล่าวได้ดังนี้ 1. ตามที่คณะครุศาสตร์ได้ประกาศเรื่อง การจัดประสบการณ์วิชาชีพครู ภาคการศึกษาที่ ๒/๒๕๕๔ ลงนามเมื่อวันที่ ๑๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ ตามเอกสารแนบท้ายข้อที่ ๓ เรื่องการแต่งกาย ความว่า “ในระหว่างการฝึกประสบการณ์วิชาชีพครู ให้นักศึกษาแต่งกายชุดนักศึกษาเรียบร้อยตามระเบียบมหาวิทยาลัยและตามที่โรงเรียนกำหนด กรณีนักศึกษาหญิงมุสลิม อนุโลมให้แต่งกายชุดนักศึกษาแบบคลุมฮิญาบได้ตามแบบที่คณะครุศาสตร์กำหนด ในสถานศึกษาที่อนุญาติให้แต่งกายชุดมุสลิมได้”ฉะนั้นจากการตีความในกฎระเบียบข้อนี้จะเห็นได้ชัดเจนว่า กรณีนักศึกษาหญิงมุสลิมนั้น “อนุโลมให้แต่งกายชุดนักศึกษาแบบคลุมฮิญาบได้ แต่ถ้าหากสถานศึกษาไม่ยอมรับก็ให้เปลี่ยนชุดแต่งกายเหมือนไทยพุทธ หรือแบบทั่วไป ตามระเบียบการแต่งกาย” แต่หลังจากนั้นปรากฏว่ามีอาจารย์บางท่าน ได้เอารายชื่อสถานศึกษาที่อนุญาตให้คลุมฮีญาบเก็บไว้ หรือไม่ยอมเปิดเผยให้นักศึกษามุสลิมได้ทราบ ซึ่งทางเราคิดว่าเป็นการกระทำที่มีเจตนาเพื่อจะกลั่นแกล้ง หรือ ละเมิดต่อสิทธิของนักศึกษา ต่อมาหลังจากนั้นมีนักศึกษาส่วนหนึ่งได้เข้าไปพบกับคณะอาจารย์ เพื่อขอความช่วยเหลือพิจารณาในกฎระเบียบดังกล่าว แต่กลับได้คำตอบมาว่า “ทางเราได้มีการช่วยเหลือเต็มที่แล้ว แต่ทางอาจารย์บางท่านไม่ยอมปฏิบัติตาม” ซึ่งทางเราคิดว่าการออกฎระเบียบนี้ น่าจะเป็นเรื่องความรู้สึกอคติส่วนบุคคลของอาจารย์บางท่าน ดังนั้น ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หรือหน่วยงานที่มีอำนาจสูงกว่าสมควรที่จะติดตามและเคร่งครัดในการออกกฎระเบียบต่างๆนี้ด้วย 2. จากกฎระเบียบดังกล่าวบางส่วนที่มีใจความว่า อนุโลมให้แต่งกายชุดนักศึกษาแบบคลุมฮิญาบได้ ในสถานศึกษาที่อนุญาตให้แต่งกายชุดมุสลิมได้” เท่านั้น ในข้อความส่วนนี้ทางเราคิดว่า ในฐานะที่หลักสูตรต้องรับผิดชอบในการสรรหาสถานศึกษาเพื่อให้นักศึกษาได้ฝึกประสบการณ์วิชาชีพครูนั้นหลักสูตรสมควรที่จะหาสถานศึกษาอื่นเพิ่มเติมที่อนุญาติให้นักศึกษาหญิงมุสลิมได้คลุมฮีญาบ และไม่สมควรเขียนเป็นกฎระเบียบในลักษณะนี้ ซึ่งแสดงถึงความไม่รับผิดชอบต่อนักศึกษาที่นับถือศาสนาอื่น ซึ่งขัดกับหลักศาสนาอย่างใหญ่หลวง อีกอย่างมหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราชแห่งนี้ก็มีนักศึกษาที่หลากหลายทั้งทางด้านศาสนา ภาษา และวัฒนธรรม ดังนั้นสมควรอย่างยิ่งที่จะต้องเปิดโอกาส เคารพในเสรีภาพ ในการปฏิบัติตามศาสนธรรม ศาสนบัญญัติ หรือปฏิบัติพิธีกรรมตามความเชื่อถือของตน ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยได้บัญญัติไว้ ทั้งนี้ทางองค์กรภาคีเครือข่ายนักศึกษาคัดค้านการห้ามสวมฮีญาบจึงแจ้งเพื่อโปรดทราบ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้รับการพิจารณาจากท่านในครั้งนี้ด้วยดี จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณา (นายมูหามะนาซูวันดี สาแม) ผู้ประสานงานเครือข่ายนักศึกษาคัดค้านการห้ามสวมฮีญาบ องค์กรนักศึกษาภาคี เครือข่ายนักศึกษาคัดค้านการห้ามสวมฮีญาบ 1. สมาพันธ์นิสิตนักศึกษามุสลิมแห่งประเทศไทย (สนมท.) 2. สหพันธ์นิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย (สนนท.) 3. สหพันธ์นิสิตนักศึกษาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (สนน.จชต.) 4. สภานักศึกษา ม.วลัยลักษณ์ 5. ชมรมวิทยุวลัยลักษณ์ ม.วลัยลักษณ์ (Radio) 6. ชมรมภาษาและวัฒนธรรมมลายู ม.วลัยลักษณ์ (MLCC-WU) 7. กลุ่มนักกิจกรรมนักศึกษา 3 จังหวัดชายแดนใต้ (PNY) ม.ราชภัฏนครศรีธรรมราช 8. ชมรมมุสลิมสายสัมพันธ์ ม.ราชภัฏนครศรีธรรมราช 9. องค์กรนิสิตนักศึกษามลายูมุสลิมสุราษฎร์ธานี (OMIS) 10. เครือข่ายกิจกรรมนักศึกษาเพื่อฟื้นฟูสังคมและวัฒนธรรมจังหวัดชายแดนภาคใต้ (เขตภาคใต้ตอนบน) (PAKATAN) 11. สมาพันธ์นิสิตนักศึกษาจังหวัดสงขลา (สนส.) 12. ชมรมมุสลิม ม.ราชภัฏสงขลา 13. ชมรมมุสลิม ม.ทักษิณ วิทยาเขตสงขลา 14. ชมรมสันติศึกษา (STP) ม.สงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่ 15. ชมรมภาษามลายู ม.สงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่ 16. กลุ่มกิจกรรมนักศึกษาเพื่อพัฒนาสังคมและวัฒนธรรมจังหวัดชายแดนภาคใต้ ม.สงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่ (Kawan-Kawan) 17. สมาพันธ์นักศึกษาจังหวัดปัตตานี (สนป.) 18. ชมรมสังคมศาสตร์ ม.สงขลานครินทร์ วิทยาปัตตานี 19. สมาพันธ์นิสิตนักศึกษาจังหวัดยะลา (สนย.) 20. องค์การบริหาร องค์การนักศึกษา ภาคปกติ ม.ราชภัฏยะลา 21. สโมสรนักศึกษาคณะวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและการเกษตร ม.ราชภัฏยะลา 22. ชมรมสืบสานวัฒนธรรม (จังหวัดชายแดนใต้) สถาบันการพละศึกษา วิทยาเขตยะลา 23. เครือข่ายนักศึกษาสานสัมพันธ์ (RISTU) จังหวัดยะลา 24. สมาพันธ์นักศึกษาจังหวัดนราธิวาส (สนน.)"
นักข่าวพลเมือง: นักศึกษาใต้รวมตัวยื่นหนังสือแก่ผู้ว่านครฯ กรณีผ้าฮีญาบ
Submitted on Wed, 2011-12-07 01:55
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)
ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
เรื่องที่เกี่ยวข้อง
ข่าวรอบวัน
2024-03-29 19:14
2024-03-29 18:10
2024-03-29 16:50
2024-03-29 16:08
2024-03-29 15:49
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล