หลังจากที่อามีนา ฟิลาลี หญิงสาวอายุ 16 ปี ฆ่าตัวตายเนื่องจากถูกบังคับให้แต่งงานกับชายที่ข่มขื่นเธอ นักกิจกรรมชาวโมร็อคโคก็ได้เรียกร้องให้มีการแก้กฏหมายที่อนุญาตให้ผู้ที่ข่มขืนแต่งงานกับเหยื่อได้เพื่อรักษาเกียรติยศของครอบครัวฝ่ายเหยื่อ
เมื่อวันที่ 15 มี.ค. สำนักข่าวอัลจาซีร่ารายงานว่า นักกิจกรรมในโมร็อคโคเรียกร้องให้ยกเลิกกฎหมายที่อนุญาตให้ผู้ที่ข่มขืนกระทำชำเราสามารถแต่งงานกับเหยื่อได้ หลังจากที่เหยื่อผู้หญิงอายุ 16 รายหนึ่งฆ่าตัวตาย
เหยื่อชื่อ อามีนา อัล ฟิลาลี อายุ 16 ปี ฆ่าตัวตายด้วยการกินยาเบื่อหนูขณะอยู่ที่เมืองลาราเช หลังจากถูกทุบตีขณะที่ถูกบังคับให้แต่งงานกับชายที่ข่มขืนเธอ
ชายที่ข่มขื่นเธอออกจากคุกได้โดยการอ้างถึงมาตราหนึ่งในกฎหมายอาญาที่ทำให้เขาสามารถพ้นผิดได้หากเหยื่อข่มขืนของเขากลายเป็นภรรยาเขา
นักกิจกรรม อาบาดิลลา มาแอเลไนน์ เขียนไว้ในเว็บทวิตเตอร์ว่า "อามีนา อายุ 16 ปี ถูกล่วงละเมิดถึงสามครั้ง จากผู้ที่ข่มขืนเธอ จากประเพณี และจากกฎหมายมาตรา 475 ของกฎหมายโมร็อคโค"
มีการรณรงค์ทางอินเตอร์เน็ตและมีแผนการชุมนุมเรียกร้องในวันเสาร์ (17 มี.ค.) เพื่อเรียกร้องให้ยกเลิกกฎหมายดังกล่าว ซึ่งทางผู้รณรงค์เรียกว่าเป็นกฎหมายที่ "น่าอับอาย"
ถูกครอบครัวตัดสัมพันธ์
กลุ่มสิทธิสตรีบอกว่า กฎหมายฉบับนี้ให้ความชอบธรรมกับประเพณีที่อนุญาตให้ผู้ข่มขืนแต่งงานกับเหยื่อได้โดยถือเป็นการรักษาเกียรติยศศักดิ์ศรีของครอบครัวฝ่ายหญิงเอาไว้
กฎหมายของโมร็อคโคระบุว่า การข่มขืนกระทำชำเรามีโทษจำคุก 5 ถึง 10 ปี และเพิ่มโทษเป็น 10 ถึง 20 ปี หากเหยื่อเป็นผู้เยาว์
บิดาของฟิลาลีกล่าวว่า เมื่อเขาทราบข่าวเรื่องลูกสาวถูกข่มขืน เจ้าหน้าที่ศาลได้แนะนำทางเลือกให้ลูกสาวเขาแต่งงานกับคนร้าย
"อัยการแนะนำให้ลูกสาวผมแต่งงาน เขาบอกว่า 'ไปทำพิธีหมั้นเลย'" ลาห์เคน ฟิลาลี กล่าวในเว็บข่าว goud ma
สื่อท้องถิ่นรายงานอีกว่าหญิงผู้เป็นเหยื่อปรับทุกข์ให้ครอบครัวเธอฟังว่าเธอถูกกระทำทารุณโดยชายผู้ที่ข่มขืนเธอ แต่ครอบครัวของเธอก็ตัดสัมพันธ์เธอไป ยิ่งเป็นการตอกย้ำให้เธอฆ่าตัวตาย
สิทธิสตรี
ในสังคมบางแห่งรวมถึงในโลกอาหรับ การสูญเสียพรหมจรรย์นอกสมรสถือเป็นเรื่องเสื่อมเสียเกียรติ์ครอบครัว และมักจะมีการเตรียมการให้เหยื่อที่ถูกข่มขืนแต่งงานกับคนที่กระทำชำเราเธอ
ผู้เห็นเหตุการณ์เล่าว่าสามีของเธอโกรธมากเมื่อรู้ว่าเธอดื่มยาเบื่อหนู เขาลากทึ้งผมเธอออกมากลางถนนแล้วเธอก็เสียชีวิตในเวลาต่อมา
ในเฟสบุ๊คมีเพจที่สร้างชื่อว่า "พวกเราทุกคนคืออามีนา ฟิลาลี" นักรณรงค์ยังได้เรียกร้องให้ผู้พิพากษาที่ตัดสินให้มีการแต่งงานถูกขังคุกด้วย
โมร็อคโคเคยแก้ 'กฎหมายครอบครัว' เมื่อปี 2004 ที่ผ่านมา เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของสตรี แต่นักกิจกรรมบอกว่ายังคงมีสิ่งที่สามารถพัฒนาได้อีก ข้อเสนอการปฏิรูปรัฐธรรมนูญในโมร็อคโคก็มีขำเสนอในเชิงส่งเสริมสิทธิมตรีเพิ่มเข้าไปด้วย
รัฐบาลโมร็อคโคสำรวจพบว่าผู้หญิงโมร็อคโคร้อยละ 25 ถูกกระทำชำเราทางเพศอย่างน้อยหนึ่งครั้งในชีวิต
ที่มา:
Moroccans call for end to rape-marriage laws, Aljazeera, 15-03-2012
http://www.aljazeera.com/news/africa/2012/03/2012315134325471675.html