Skip to main content
sharethis

กรรมการสิทธิฯ ลงตรัง จัดประชุมรับฟังการชี้แจงข้อเท็จจริงโรงไฟฟ้าถ่านหิน แนะบอกทั้งข้อดีข้อเสีย สผ.ชี้โรงไฟฟ้าถ่านหินตรังไม่ควรตั้งพื้นที่แรมซาร์ไซต์ ย้ำศึกษาให้ดี ผู้ช่วย กฟผ.ลั่นไม่สร้างหากอยู่ในแรมซาร์ไซต์

 
 
 
เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 17 กรกฎาคม 2555 ที่ห้องประชุม 131 อาคารอำนวยการ วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนีตรัง อำเภอเมือง จังหวัดตรัง นายแพทย์นิรันดร์ พิทักษ์วัชระ ประธานอนุกรรมการด้านสิทธิชุมชนและฐานทรัพยากร ในกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) และคณะอนุกรรมการฯ จัดประชุมรับฟังการชี้แจงข้อเท็จจริงด้วยวาจาโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินจังหวัดตรัง ขนาด 800 เมกะวัตต์ ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.)
 
หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลในอำเภอกันตัง นายอำเภอกันตัง ปลัดจังหวัดตรัง พลังงานจังหวัดตรัง เจ้าหน้าที่ของ กฟผ. ตัวแทนสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) ทรัพยากรและธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดตรัง โดยมีชาวบ้านอำเภอกันตัง และอำเภออื่นๆ ในจังหวัดตรัง องค์กรพัฒนาเอกชน (NGOs) ร่วมรับฟังประมาณ 200 คน
 
นายชวการ โชคดำลีลา วิศวกร 9 กฟผ.หัวหน้าศูนย์พลังงานไฟฟ้าจังหวัดตรัง ชี้แจงว่า โครงการไฟฟ้าถ่านหินจังหวัดตรัง ขนาด 800 เมกะวัตต์ ซึ่งใช้ถ่านหินซับบิทูมินัส ขณะนี้อยู่ระหว่างศึกษาศักยภาพและความเป็นไปได้ของพื้นที่ และให้ข้อมูลรับฟังความคิดเห็นของประชาชนในพื้น หลังจากนี้จะเปิดให้ศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้น (IEE) โดยใช้กระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชน โดยใช้ระยะเวลาดำเนินการ 8 เดือน จากนั้นให้ประชาชนเสนอพื้นที่พร้อมกับร่วมศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ (EHIA) ใช้ระยะเวลา 12 เดือน
 
การดำเนินการเสนอพื้นที่เพื่อจัดซื้อที่ดิน ไปพร้อมๆ กับศึกษา EHIA ใช้ระยะเวลา 6-12 เดือน จากนั้นดำเนินขั้นตอนขออนุมัติโครงการ 1 ปี และดำเนินการก่อสร้าง 5 ปี โดยได้คัดเลือก 3 พื้นที่ ในอำเภอกันตัง คือตำบลบางสัก ตำบลนาเกลือ และตำบลวังวน เนื่องจากเป็นพื้นที่ติดทะเลในการขนถ่านถ่านหินจากอินโดนีเซีย
 
นายมนภัทร วังศานุวัตร ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดตรัง ชี้แจงว่า จังหวัดตรังมีพื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความสำคัญระหว่างประเทศ (แรมซาร์ไซต์) คือ พื้นที่ชุ่มน้ำอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม - เขตห้ามล่าสัตว์ป่าหมู่เกาะลิบง - ปากน้ำตรัง จังหวัดตรัง มีพื้นที่ประมาณ 515,745 ไร่ มีพะยูนฝูงใหญ่ 150 ตัว ปลาโลมา เต่า หญ้าทะเล และยังเป็นแหล่งทรัพยากรทางทะเลที่อุดมสมบูรณ์ ทั้งยังมีแหล่งท่องเที่ยวดึงรายได้เข้าสู่จังหวัด
 
ส่วนนางปิยนันท์ โศภนคณาภรณ์ ผู้อำนวยการสำนักวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (สผ.) ชี้แจงว่า หากพื้นที่มีศักยภาพสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินทั้ง 3 แห่ง เป็นพื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความสำคัญระหว่างประเทศ (แรมซาร์ไซต์) คงจะเข้าไปใช้ประโยชน์ไม่ได้ ต้องพิจารณาในการสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินในพื้นที่แรมซาร์ไซต์
 
 
ด้านนายสมชาติ ศรีปรัชญากุล  ผู้ช่วยผู้อำนวยการก่อสร้างโรงไฟฟ้า การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่ง ประเทศไทย (กฟผ.). กล่าวว่า หากเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความสำคัญระหว่างประเทศ (แรมซาร์ไซต์) กฟผ.จะไม่ดำเนินการสร้าง ตอนนี้ยังไม่ได้เลือกพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่ง กฟผ.จะจัดซื้อที่ดินสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินเมื่อรัฐบาลอนุมัติเท่านั้น
 
นายวุฒิชัย หวังบริสุทธิ์ ผู้ประสานงานเครือข่ายรักษ์บ้านเกิดวังวน ตำบลกันตัง กล่าวว่า แม้ กฟผ.ยังไม่ดำเนินการซื้อที่ดินเพื่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหิน แต่มีนายหน้ากำลังวิ่งเต้นเจรจาขอซื้อต่อรอราคาที่ดินกันอย่างกว้างขวางในพื้นที่ อีกทั้งพื้นที่ทั้ง 3 แห่งอยู่ในพื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความสำคัญระหว่างประเทศ (แรมซาร์ไซต์)
 
“กฟผ.เข้ามาเคลื่อนตั้งแต่ปลายปี 2553 จนเรามารู้เมื่อกลางปี 2554 โดยมุ่งเป้าหมายเข้าหาผู้นำ มีการล่ารายชื่อบอกว่าสร้างโรงไฟฟ้าแล้วจะได้ใช้ไฟฟรี ชาวบ้านก็นึกว่าเป็นแค่สถานีพักไฟ เพิ่งมาทราบเอาตอนหลังว่าจะสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหิน” นายวุฒิชัย กล่าว
 
นางสาวศยามล ไกรยูรวงศ์ ผู้อำนวยการโครงการเสริมสร้างจิตสำนึกนิเวศวิทยา (สจน.)  กล่าวว่า บทบาทของ กฟผ.กับหลักการธรรมาภิบาล ไม่ให้มีส่วนร่วมและการนำเสนอข้อมูลอย่างรอบด้าน กฟผ.ไม่ได้นำเสนอข้อมูลอย่างที่เราต้องการโดยพูดแต่ข้อดี ไม่พูดเรื่องผลกระทบ ขณะที่มองเอ็นจีโอว่าเอาแต่ค้าน ความจริงเรามีหน้าที่หาข้อมูลให้ชาวบ้านเรียนรู้ในภาพรวม ไม่ใช่แค่โรงไฟฟ้าถ่านหินตรัง แต่ให้ข้อมูลกับชาวบ้านถึงแผนพัฒนาภาคใต้ในภาพรวมด้วย
 
ด้านนายแพทย์นิรันดร์ พิทักษ์วัชระ ประธานอนุกรรมการด้านสิทธิชุมชนและฐานทรัพยากรฯ สรุปว่า กฟผ.มีปัญหาในการให้ข้อมูลและรับฟังความคิดเห็น ไม่ใช่ให้ข้อมูลแต่ผู้นำท้องถิ่น ผู้นำท้องที่ แต่ไม่ให้ข้อมูลชาวบ้าน แสดงว่าบริหารจัดการไม่ถูกต้อง ข้อมูลที่สะท้อนออกมาต้องมีทั้งข้อดีและข้อเสีย เมื่อมีปัญหาแล้วจะแก้ไขยังไง
 
“การมีส่วนร่วมแสดงความคิดเห็นไม่ใช่นำคนที่เห็นด้วยร่วมเวที โครงการของหน่วยงานอื่นบางพื้นที่ให้คนเซ็นต์ชื่อแล้วอ้างว่าเห็นด้วย นายอำเภอ นายก อบต.ก็สามารถมีส่วนร่วมได้โดยจัดเวทีเป็นกลางเพื่อให้ความรู้ว่าดีหรือไม่ดีอย่างไร ถ้าขืนเดินหน้าทำ EHIA ทั้งที่ยังมีความขัดแย้งมันจะเป็นระเบิดลูกใหญ่ของชุมชน” นายแพทย์นิรันดร์ กล่าวสรุป
 
 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net