Skip to main content
sharethis

“ในคำแถลงปิดคดี จำเลยมักจะถูกคาดหวังให้พูดว่าสำนึกผิด แสดงความเสียใจต่อสิ่งที่ได้กระทำไป หรือกล่าวถึงปัจจัยแวดล้อมที่จะทำให้โทษเบาลง แต่สำหรับกรณีของข้าพเจ้า และสำหรับเพื่อนร่วมวงคนอื่นๆ ด้วย เรื่องนี้ไม่จำเป็นเลย ข้าพเจ้าต้องการแสดงความเห็นถึงเรื่องสิ่งที่เกิดขึ้นกับเราสามคนมากกว่า...”

 
 
"FREE Pussy Riot" ภาพรณรงค์ปล่อยตัวสมาชิกวงดนตรี Pussy Riot โดย cactusbones (CC BY-NC-SA 2.0) 
 
หมายเหตุจากผู้แปล (ทิเรล ฮาร์เบอร์คอร์น (Tyrell Haberkorn)): ที่ศาลอาญา กรุงมอสโก ประเทศรัสเซีย วันที่ 17 สิงหาคม 2555 อิคัทเอรินา สามุทเสวิช (Ekaterina Samutsevich) มาเรีย อัลยอกินา (Maria Alyokhina) และ นาเดซดา ทอโลกอนิโกวา (Nadezhda Tolokonnikova) ถูกพิพากษาว่ากระทำผิดกฎหมาย ศาลสั่งลงโทษจำคุก 2 ปี ผู้หญิงสามคนนี้ถูกกล่าวหาว่า “(กระทำ)การเป็นอันธพาลซึ่งมีแรงจูงใจจากความเกลียดชังทางศาสนา (hooliganism motivated by religious hatred)” โดยเมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2555 ผู้หญิง 5 คนจากวง Pussy Riot ไปจัดการแสดงบนแท่นบูชาของวิหารแห่งพระคริสต์ผู้ช่วยให้รอด (Cathedral of Christ the Savior) ในกรุงมอสโคว์ โดยเต้นรำและร้องเพลง “โอ้พระแม่ ไล่ปูตินออกไป!” ในเวลาต่อมา ต้นเดือนมีนาคมปูตินชนะการเลือกตั้งครั้งที่ 3 
 
เพลงและการปฏิบัติดังกล่าวของวง Pussy Riot ไม่สุภาพไหม? น่าจะใช่ เป็นการไม่เคารพต่อศาสนา? น่าจะใช่ แต่เป็นอาชญากรรมไหม? ไม่ใช่ มันเป็นการแสดงความคิดเห็นทางการเมืองที่วิจารณ์ฝ่ายผู้มีอำนาจ สิ่งที่เป็นอาชญากรรมจริงก็คือ การฆาตกรรม การอุ้มตัวหายไป การกักขังโดยมิชอบ การซ้อมทรมาน การขโมย ซึ่งทั้งหมดนี้ก็มักกระทำโดยฝีมือของเจ้าหน้าที่ในระบอบปูตินเอง
 
พวกเธอถูกพิจารณาคดีในศาลเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ทั้งสามได้อ่านคำแถลงปิดคดีในศาล สถานีวิทยุ Echo Moskvy ตีพิมพ์ภาพคำแถลงที่เขียนด้วยลายมือในภาษารัสเซียในเว็บไซต์ของสถานี (คลิกดู) และฉบับแปลภาษาอังกฤษได้รับการเผยแพร่ในเว็บไซต์ของวารสาร n+1 (คลิกดู) ซึ่งประกอบด้วยคำอธิบายจากนักแปลหลายคนที่ร่วมกันแปลจากภาษารัสเซีย (คลิกดู)
 
สำหรับฉบับภาษาไทยซึ่งแปลมาจากฉบับภาษาอังกฤษนี้ ผู้แปลเลือกทำเพราะรู้สึกว่าคดีนี้แสดงถึงสถานการณ์อันตรายที่ไม่ได้จำกัดอยู่ในเฉพาะประเทศรัสเซียเท่านั้น การที่รัฐนำ “สิ่งศักดิ์สิทธิ์” มาใช้ในความขัดแย้งทางการเมืองเป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วง ความกล้าหาญของผู้หญิงสามคนนี้ (ที่ต่อต้านรัฐที่เลวร้าย ที่ยอมติดคุกเสียอิสรภาพของตนเองเพื่อช่วยผลักให้สังคมเปิดมากขึ้น) ทำให้ผู้แปลรู้สึกสะเทือนใจอย่างมาก ตอนนี้หลายๆ คนพูดว่า “เราทุกคนคือ Pussy Riot” (“We are all Pussy Riot”) แต่ผู้แปลก็เห็นว่ายังไม่ใช่ เรายังมีอิสรภาพ เรายังดำเนินชีวิตอยู่นอกคุก เพราะฉะนั้นเราควรจะใช้อิสรภาพเพื่อรณรงค์ให้ อิคัทเอรินา สามุทเสวิช มาเรีย อัลยอกินา และนาเดซดา ทอโลกอนิโกวา และคนอื่นๆ ที่สูญเสียอิสรภาพ ได้รับการปล่อยตัวกลับมาต่อสู้ต่อไป
 
คำแถลงปิดคดีดังต่อไปนี้เป็นเพียงหนึ่งในสามฉบับของผู้หญิงในวง Pussy Riot ที่ถูกดำเนินคดีและถูกตัดสินจำคุก กรุณารออ่านคำแปลคำแถลงปิดคดีอีกสองฉบับ... หรือร่วมลงมือแปลมาแบ่งปันกัน
 
000
 
 
คำแถลงของอิคัทเอรินา สามุทเสวิช (Ekaterina Samutsevich)
 
ในคำแถลงปิดคดี จำเลยมักจะถูกคาดหวังให้พูดว่าสำนึกผิด แสดงความเสียใจต่อสิ่งที่ได้กระทำไป หรือกล่าวถึงปัจจัยแวดล้อมที่จะทำให้โทษเบาลง แต่สำหรับกรณีของข้าพเจ้า และสำหรับเพื่อนร่วมวงคนอื่นๆ ด้วย เรื่องนี้ไม่จำเป็นเลย ข้าพเจ้าต้องการแสดงความเห็นถึงเรื่องสิ่งที่เกิดขึ้นกับเราสามคนมากกว่า
 
ตอนที่กิริลล์ กุนดยาเยว์ (Kirill Gundyayev) อดีตเพื่อนร่วมงาน (ที่เคจีบี) ของวลาดีมีร์ ปูติน รับตำแหน่งเป็นพระสังฆราชของคริสตจักรออร์โธดอกรัสเซีย หลายคนก็ได้เห็นชัดว่าวิหารแห่งพระคริสต์ผู้ช่วยให้รอด (Cathedral of Christ the Savior) กลายมาเป็นสัญลักษณ์สำคัญทางยุทธศาสตร์การเมืองของฝ่ายเจ้าหน้าที่รัฐ หลังจากนั้น วิหารแห่งพระคริสต์ฯ ก็เริ่มถูกใช้เป็นฉากหลังอันอลังการสำหรับการเมืองของฝ่ายความมั่นคง ซึ่งเป็นแหล่งอำนาจทางการเมืองหลักในประเทศรัสเซีย
 
เหตุใดปูตินจึงรู้สึกว่าจำเป็นต้องใช้ศาสนาและสุนทรียะของศาสนาให้เป็นประโยชน์? ทั้งที่เขาสามารถใช้เครื่องมืออำนาจทางโลกย์ของตนเอง เช่น บรรษัทที่อยู่ใต้การควบคุมของรัฐ หรือระบบตำรวจอันข่มขู่คุกคามของเขา หรือระบบยุติธรรมที่เชื่องเชื่อฟังเขา อาจเป็นได้ว่านโยบายแข็งกร้าวของระบอบปูตินที่ล้มเหลว เหตุการณ์เรือดำน้ำกุรสค์ (Kursk) การวางระเบิดทำร้ายพลเรือนในยามกลางวันแสกๆ ตลอดจนเหตุการณ์ไม่ดีไม่งามต่างๆ ที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่เขาดำรงตำแหน่งทางการเมือง ทำให้เขาต้องครุ่นคิดถึงความจริงที่ว่ามันถึงเวลาที่เขาควรจะโบกมืออำลาได้แล้ว มิฉะนั้นแล้วประชาชนรัสเซียก็จะช่วยให้เขาต้องออกไปในที่สุด นั่นล่ะเขาจึงรู้สึกถึงความจำเป็นที่จะต้องหาสิ่งที่มีพลังชักจูงจิตใจอันสูงส่งเหนือโลกียะเพื่อเป็นหลักประกันให้เขาคงอยู่บนยอดอำนาจสูงสุดต่อไปได้อีกนาน ฉะนั้นจึงจำเป็นที่ว่าเขาต้องใช้ประโยชน์จากสุนทรียะหรือความงามของศาสนา ซึ่งมีความสัมพันธ์ยึดโยงกับอดีตอันรุ่งเรืองของจักรวรรดิรัสเซีย ที่อำนาจไม่ได้มีที่มาจากทางโลกย์ อย่างการเลือกตั้งในระบอบประชาธิปไตยหรือประชาสังคม หากแต่มาจากพระเจ้าเอง
 
ปูตินกระทำการเช่นนี้สำเร็จได้อย่างไร? ถึงอย่างไรก็ตาม เราก็ยังมีรัฐทางโลกย์ และพื้นที่ความร่วมมือใดๆ ระหว่างศาสนจักรและการเมืองก็ควรที่จะให้สังคมที่มีความตื่นตัวและมีจิตสำนึกวิพากษ์วิจารณ์ได้จัดการรับมืออย่างจริงจัง จริงไหมคะ?
 
เป็นที่ชัดเจนว่าฝ่ายทางการได้ฉวยโอกาสใช้ประโยชน์จากข้อโจมตีที่มีต่อศาสนาในช่วงระบอบสหภาพโซเวียต ที่นิกายออร์โธดอกซ์ของรัสเซียมีภาพพจน์เป็นสิ่งตกค้างในอดีต เป็นสิ่งที่เคยถูกบดขยี้และทำลายโดยระบอบเผด็จการโซเวียต และดังนั้นจึงกลายเป็นวัฒนธรรมฝ่ายต่อต้าน ฝ่ายทางการได้เข้ามาฉวยยึดเอาภาพพจน์ของความเป็นสิ่งสูญหายทางประวัติศาสตร์นี้ไป และเอามานำเสนอใหม่ในรูปโครงการทางการเมืองเพื่อฟื้นฟูคุณธรรมจิตใจที่สูญหายไปของรัสเซีย ซึ่งเป็นโครงการที่แทบไม่เกี่ยวข้องอะไรเลยกับความพยายามรักษาประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของศาสนาคริสต์นิกายรัสเชียนออร์โธดอกซ์อย่างจริงจัง
 
ก็ค่อนข้างเป็นเหตุเป็นผลดีที่นิกายรัสเชียนออร์โธด็อกซ์ ซึ่งมีความสัมพันธ์ลึกล้ำกับอำนาจมายาวนาน จะกลายมาเป็นผู้สนับสนุนหลักของโครงการนี้ตามสื่อมวลชนต่างๆ จากอดีตสมัยโซเวียตที่องค์กรศาสนาจะต่อต้านความป่าเถื่อนของฝ่ายทางการในประวัติศาสตร์ด้วยตนเอง ปัจจุบันศาสนจักรรัสเชียนออร์โธด็อกซ์กลับเลือกปะทะกับวัฒนธรรมมวลชนร่วมสมัยที่ถูกมองว่าเป็นภัย ที่มีแนวคิดยอมรับเรื่องความหลากหลายและความแตกต่างในสังคม
 
การดำเนินนโยบายทางการเมืองที่น่าสนใจนี้ต้องอาศัยอุปกรณ์จัดแสงและถ่ายวิดีโอระดับมืออาชีพจำนวนมาก ต้องใช้ช่วงเวลาออกอากาศรายการสดทางช่องโทรทัศน์ระดับชาตินานหลายชั่วโมงในแต่ละครั้ง และต้องมีการถ่ายทำพื้นฉากหลังมากมายสำหรับรายการข่าวสอนใจทางศีลธรรมและจริยธรรม ประกอบการเสนอดำรัสของพระสังฆราชที่มีการแต่งถ้อยคำมาอย่างดี เพื่อช่วยให้ผู้เลื่อมใสศรัทธาทำการตัดสินใจทางการเมืองที่ถูกต้องในช่วงเวลาอันยากลำบากสำหรับปูตินก่อนการเลือกตั้ง ยิ่งไปกว่านั้น การถ่ายทำจะต้องมีอยู่อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ภาพสำคัญๆ จะได้ประทับอยู่ในความทรงจำและทันสมัยอยู่ตลดเวลา บรรดาภาพเหล่านี้จะต้องทำให้ผู้ชมรู้สึกว่า นี่คือธรรมชาติ มีความถาวรและจำต้องเป็นเช่นนั้น
 
การแสดงของเราในวิหารแห่งพระคริสต์ฯ ด้วยการร้องเพลง “โอ้พระแม่ ไล่ปูตินออกไป!” ทำลายภาพพจน์ที่ทางการได้ใช้เวลาสร้างสมมาเป็นเวลายาวนานในสื่อต่างๆ และได้เปิดโปงความจอมปลอมของภาพพจน์ดังกล่าว ในการแสดงของเราซึ่งไม่มีการให้พรจากพระสังฆราช เรากล้าที่จะเอาจินตภาพวัฒนธรรมออร์โธดอกซ์มารวมเข้ากับกับวัฒนธรรมการประท้วง เพื่อเสนอว่าวัฒนธรรมออร์โธดอกซ์ไม่ได้เป็นของคริสตจักรรัสเชียนออร์โธดอกซ์ พระสังฆราช และปูตินเท่านั้น หากแต่สามารถเป็นส่วนหนึ่งของการขบถลุกขึ้นสู้ของประชาชนรัสเซียได้ด้วยเช่นกัน
 
ผลจากการบุกวิหารของเราที่ได้รับการเผยแพร่จากสื่อต่างๆ อย่างกว้างขวางและเป็นที่แสลงใจต่อฝ่ายทางการคงสร้างความประหลาดใจแก่พวกเขาไม่น้อย ทีแรกฝ่ายรัฐพยายามแถลงว่า การแสดงของพวกเราเป็นเพียงการกระทำแผลงๆ ของคนหัวรุนแรงไร้หัวใจที่ไม่เชื่อว่าพระเจ้ามีอยู่จริง นี่เป็นความพลาดพลั้งอย่างมหันต์ของฝ่ายทางการ เนื่องจากว่าเมื่อถึงตอนนั้นเราก็เป็นที่รู้จักแล้วว่าเป็นวงดนตรีพังค์เฟมินิสต์ที่ต่อต้านปูติน ที่ปฏิบัติการโจมตีทางสื่อต่อสัญลักษณ์ทางการเมืองหลักของรัสเซีย
 
ท้ายที่สุด เมื่อพิจารณาถึงความเสียหายทางการเมืองและทางสัญลักษณ์ที่ไม่อาจย้อนกลับคืนได้ อันเป็นผลมาจากความคิดสร้างสรรค์บริสุทธิ์ของเรา ฝ่ายทางการตัดสินใจปกป้องสาธารณชนจากเราและความคิดนอกรีตของเรา ทำให้การผจญภัยในวิหารแห่งพระคริสต์ฯ แบบพังก์อันยอกย้อนของเราต้องยุติลง
 
ขณะนี้ข้าพเจ้ามีความรู้สึกหลายอย่างผสมกันเกี่ยวกับการพิจารณาคดีนี้ ในมุมหนึ่งเราคาดว่าจะถูกตัดสินว่าผิด เมื่อเปรียบเทียบกับกลไกความยุติธรรมแล้ว ถือได้ว่าเราไม่มีตัวตนอยู่เลย และเราก็แพ้ แต่ในอีกมุมหนึ่ง เราชนะ ทั้งโลกได้เห็นว่าการดำเนินคดีอาญาต่อเรานั้นเป็นการบิดเบือนสร้างขึ้นมา ระบบไม่สามารถปิดซ่อนลักษณะกดขี่ปราบปรามของคดีความนี้ไว้ได้ นี่เป็นการตอกย้ำอีกครั้งหนึ่งที่ทำให้โลกได้เห็นประเทศรัสเซียในมุมที่แตกต่างไปจากที่ปูตินพยายามนำเสนอในงานประชุมนานาชาติประจำวันของเขา เป็นที่ชัดเจนว่าขั้นตอนต่างๆ ที่ปูตินได้ให้สัญญาไว้ว่าจะดำเนินการเพื่อลงรากสร้างหลักนิติธรรมนั้นไม่เคยได้มีการปฏิบัติเลย และถ้อยแถลงของเขาที่ว่าศาลแห่งนี้จะเป็นกลางและตัดสินอย่างเป็นธรรมก็เป็นเพียงการหลอกลวงต่อประชาชนทั้งประเทศและประชาคมโลกอีกครั้งหนึ่งเท่านั้น
ขอบคุณค่ะ
 
 
 
 
 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net