Skip to main content
sharethis

ในช่วงสงครามกลางเมืองในซีเรีย นักข่าวบีบีซีลงพื้นที่ย่านพักอาศัยของกลุ่มนิกายอลาวียะห์ ซึ่งเป็นกลุ่มนิกายเดียวกับปธน.อัสซาด พบว่าคนกลุ่มนี้ยังคงสนับสนุนฝ่ายรัฐบาลและมองไปในทางเดียวกันว่าสงครามกลางเมืองในซีเรียเป็นแผนการของต่างชาติ

เมื่อวันที่ 1 ก.ย.2555 สำนักข่าวบีบีซีนำเสนอรายงานเรื่องเกี่ยวกับกลุ่มนิกายอลาวียะห์ ที่สนับสนุนประธานาธิบดีอัสซาด ในช่วงที่สงครามกลางเมืองทำให้ประเทศตกอยู่ในภาวะโกลาหลและมีผู้คนเสียชีวิตมากมาย

บีบีซีรายงานว่า พวกเขาได้ส่งนักข่าวลงไปในย่านของชาวนิกายอลาวียะห์ในกรุงดามาสกัส ที่มีผู้สนับสนุนประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด อยู่เป็นจำนวนมาก และมีความเชื่อว่าต่างชาติวางแผนทำลายซีเรีย

นักข่าวบีบีซีเปิดเผยว่า แม้ว่าในย่านของพวกเขาจะมีแง่ดีตรงที่ปลอดภัยและมีการเฝ้าระวังแน่นหนา แต่มันก็ยากในการขึ้นแท็กซี่จากจัตุรัสอุมายาดที่ใจกลางกรุงดามาสกัสไปในย่าน อัล-มัซเซห์ ทางฝั่งตะวันออก คนขับรถส่วนใหญ่รู้สึกกลัว

"มันเป็นย่านของพวกอลาวียะห์ พวกเราอาจจะถูกลักพาตัวหรือฆ่าทิ้งได้" คนขับรถคนหนึ่งบอกกับนักข่าว

ย่านนี้มีผู้พักอาศัยเป็นครอบครัวของทหารและสมาชิกกองกำลังรักษาความปลอดภัย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นนิกายอลาวียะห์ นิกายเดียวกับประธานธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด

มีคนขับแท็กซี่รายเดียวที่ยอมไปส่งนักข่าวบีบีซี ก่อนหน้านี้เขาได้ย้ายครอบครัวของเขาไปยังบ้านเกิดที่หมู่บ้านในภูเขาโกลัน ตั้งแต่ช่วงที่เกิดความวุ่นวายในเดือน มี.ค. 2554

"มันไม่สำคัญอีกแล้ว มีผู้คนเสียชีวิตอยู่ตลอดเวลา" คนขับแท็กซี่กล่าว

ชุมชนนิกายอลาวิยะห์ โดยเฉพาะผู้ที่มีญาติเป็นทหารหรือหน่วยรักษาความปลอดภัยเชื่อว่าซีเรียกำลังเผชิญกับการสมคบคิดจากต่างชาติ พวกเขาเชื่อด้วยว่าเหตุการณ์ในซีเรียตอนนี้จะไม่ทำให้ประธานาธิบดีอัสซาดถูกโค่นล้ม


'ใจกลางที่สำคัญของรัฐบาล'

การแบ่งขั้วระหว่างนิกายอลาวียะห์ซึ่งเป็นคนกลุ่มน้อยกับนิกายซุนนีซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ ทำให้มีความกลัวการล้างแค้น แต่ชีวิตในย่านของนิกายอลาวียะห์ก็ดำเนินไปอย่างปกติ ราวกับว่าไม่มีการสู้รบเกิดขึ้น

มีการโฆษณาเป็นจำนวนมาก ทั้งป้ายและรูปภาพของประธานาธิบดีอัสซาดมีอยู่ทุกที่ ขณะที่ในใจกลางย่านอัล-มัซเซห์ 86 มีคำขวัญจำพวก "อัสซาด หรือ วันพิพากษา" ถูกเขียนอยู่ตามกำแพง

"พื้นที่นี้เป็นใจกลางที่สำคัญของฝ่ายรัฐบาล" ซาอีด กล่าว เขาเป็นนักกฏหมายและลูกชายของเจ้าหน้าที่ทหารระดับสูงของซีเรีย "ผมไม่เห็นสัญญาณว่าจะมีการแบ่งแยกของกองทัพหรือฝ่ายผู้มีอำนาจเลย พวกเขาเป็นกำปั้นเดียวกันแล้วตอนนี้ มันยากที่จะแทรกซึมพวกเขา"

ในย่านชนชั้นกลาง มีเด็กๆ เล่นกันอยู่ในซอยที่สะอาดสะอ้าน มีวัยรุ่นเดินเตร็ดเตร่ไปมา ผู้อาศัยที่นั่นไปช็อปปิ้งกันจนดึก

ชาวอลาวิยะห์ในซีเรีย โดยเฉพาะในกรุงดามาสกัส เป็นกระดูกสันหลังของรัฐบาลจากการที่ครอบครัวอัสซาดซึ่งปกครองประเทศมาตั้งแต่ปี 2513 (1970) เป็นส่วนหนึ่งของนิกายนี้

ซาอีด กล่าวว่า มีชาวนิกายอลาวิยะห์ราว 500,000 คนในกรุงดามาสกัส จากทั้งหมด 2,000,000 คน ชาวดามาสกัสส่วนใหญ่เป็นนิกายซุนนี

"ผู้คนเริ่มหวาดกลัวมากขึ้น พวกเขารู้สึกไม่ปลอดภัยเมื่ออยู่ข้างนอก" ซาอีดกล่าว "หากพวกเราออกไปนอกเขต เราจะพยายามเลี่ยงตรอกซอกซอย และไม่อยู่ดึกเกินไป"


'ภัยจากภายนอก'

พื้นที่ย่านนี้ละเลยดามาสกัส และตั้งอยู่ที่ตีนเขาของทำเนียบประธานาธิบดีของซีเรีย ที่ซึ่งประธานาธิบดีใช้รับรองแขกอย่างเป็นทางการ

ทำเนียบล้อมด้วยกองทหารอื่นๆ และหน่วยรักษาความปลอดภัยของชาวอลาวิยะห์ รวมถึงกองทัพระดับสูงอย่างกองกำลังพิทักษ์สาธารณรัฐ (Republican Guard)

อาบู บาซิล นายพลอายุ 50 ปีกว่าๆ อาศัยอยู่ในบ้านขนาด 4 ห้องที่ไม่ได้หรูหรานัก ในบ่าน อัล-มัซเซห์ 86 ในห้องนั่งเล่นของเขามีภาพของฮาเฟซ บิดาของบาชาร์ อัล-อัสซาด ซึ่งเป็นเรื่องปกติของบ้านในละแวกนี้

อาบู เป็นผู้นำทัพที่มีหน้าที่ปฏิบัติการในเขตรอบนอกของกรุงดามาสกัส เขาเชื่อว่าสงครามในครั้งนี้เป็นสงครามนิกายที่มีต่างชาติหนุนหลังเพื่อทำสงครามต่อต้านซีเรีย รวมถึงพวกนักรบศาสนาและผู้ก่อการร้าย

สงครามครั้งนี้สำหรับอาบู เป็นสงครามที่นำโดยสหรัฐฯ และประเทศอื่นๆ รวมถึงกาตาร์ ซาอุดิอาระเบีย และตุรกี

เขาบอกว่ากองทัพรัฐบาลซีเรียจะไม่ยอมให้พวกนั้นมาล้มล้างรัฐบาล หรือมาทำให้ประเทศกลายเป็นอิสลาม และถูกควบคุมโดยพวก 'ตักฟีรี' (มุสลิมที่กล่าวหาว่ามุสลิมคนอื่นเลิกศรัทธาในศาสนา)

"ในฐานะของสถาบันกองทัพ พวกเรายอมให้เกิดเรื่องนี้ไม่ได้" อาบู บาซิล กล่าว "หน้าที่ของพวกเราในฐานะกองกำลังของชาติคือการรักษาสันติแบบอารยะ นอกเหนือจากการป้องกันประเทศจากภัยภายนอก"

อาบู บาซิล และเพื่อนทหารของเขารู้สึกแปลกใจเมื่อมีการประท้วงเกิดขึ้น เขาย้ำคำบอกเล่าของรัฐบาลว่ามี "ผู้ก่อการร้ายหลบซ่อนอยู่ในเขตชานเมืองและเขตชนบท"

เขาบอกว่าในฐานะที่เป็นสถาบันกองทัพ กองทัพไม่เคยสังหารประชาชนที่ไม่มีอาวุธ และพวกเขาช่วยเหลือให้ประชาชนออกจากพื้นที่อันตรายได้ จากนั้นจึงลงไปกวาดล้างผู้ก่อการร้าย

"ในตอนแรก พวกเราต้องปกป้องประธานาธิบดีและคอยอยู่รอบตัวเขา" อาบู บาซิล กล่าว "แต่สถานการณ์เปลี่ยนไปแล้วตอนนี้ ผมไม่ได้ต่อสู้เพื่อบาชาร์ แต่เพื่ออนาคตของลูกหลานผม และเพื่อตอบโต้การโจมตีของกลุ่มนิกาย"


'ความปรองดองในชาติ'

ด้วยความกลัวว่าจะถูกกองกำลังฝ่ายต่อต้านรัฐบาลจับตัวหรือสังหาร ทำให้ครอบครัวนิกายอลาวียะห์หลายคนย้ายไปอยู่ในเขตชายฝั่ง ซึ่งเป็นแหล่งที่พักหลบภัยของนิกายอลาวียะห์ในซีเรีย อย่างไรก็ตามทั้งทหารและกองกำลังรักษาความปลอดภัยต่างก็ต้องอยู่กับหน่วยของตัวเอง

อาบู อาลี นายพลอายุ 43 ปี ส่งครอบครัวตนเองไปอยู่ที่แถบชายฝั่งหลังจากที่คนวงในของอัสซาดถูกสังหารด้วยระเบิดเมื่อเดือน มิ.ย. ในกรุงดามาสกัส

เขาบอกว่ามันจะทำให้เขามีเสรีภาพในการต่อสู้เพื่อผู้นำทางการเมือง เพื่อต่อต้าน 'ผู้ก่อการร้ายพวกนั้น'

อาบู อาลี เป็นผู้บัญชาการของกองพลน้อยซึ่งเข้าร่วมการกวาดล้างย่าน อัล-มิดาน ทางตะวันตกเฉียงใต้ของกรุงดามาสกัสเมื่อเดือน ก.ค. ที่ผ่านมา อาลีบอกว่าเขาและเพื่อนทหารต่อสู้เพื่อปกป้องความปรองดองในชาติและไม่ให้มีการแบ่งแยก

"พวกเรากำลังปกป้องตัวเองจากการโจมตีของกลุ่มประเทศอ่าวอาหรับที่สนับสนุนนักรบศาสนา" อาบู อาลี กล่าวด้วยเสียงแหบแห้ง

"พวกเขาส่งนักรบศาสนามาจากประเทศต่างๆ ทั่วโลก แล้วพวกเขาก็อยากให้เราเงียบเฉยหรือ มันเป็นไปไม่ได้ พวกเราจะไม่ถอยหนีจนกว่าพวกเราจะทำความสะอาดประเทศ"

 

 

ที่มา
Damascus Alawites stand firm behind Assad, BBC, 01-09-2012
http://www.bbc.co.uk/news/world-middle-east-19425458

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net