Skip to main content
sharethis

สำนักข่าวอิศรา สัมภาษณ์ สมชาย หอมลออ ประธาน อนุกรรมการค้นหาความจริงกรณีการสลายการชุมนุม เมษา-พฤษภา 2553 ซึ่งจากที่ผ่านมาประเด็นดังกล่าวเป็นข้อถกเถียงที่ยังคงหาข้อสรุปไม่ได้ ประชาไทจึงได้นำบทสัมภาษณ์ดังกล่าวมานำเสนออีกครั้ง

*****************************

การค้นหา “ข้อเท็จจริง” ในเหตุการณ์ความรุนแรง ปี 2553 ยังไม่จบ แม้ว่า “คณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ (คอป.)” จะปิดรายงานฉบับสมบูรณ์ไปแล้ว 

 

โดยเฉพาะ “แกนนำเสื้อแดง-พรรคเพื่อไทย (พท.)” ที่ไม่พอใจ ผลสรุป คอป.อย่างยิ่ง และยื่นเรื่องให้รัฐบาลของเขาไม่ยอมรับรายงานฉบับนี้

ประเด็น “ชายชุดดำ” ที่ คอป.สรุปว่า มีส่วนสร้างความรุนแรงและสังหารไป 9 คน ระหว่างเหตุการณ์ “เม.ย.-พ.ค.เลือด 53” ยังคงร้อนเมื่อฝ่าย นปช.ตอบโต้ว่า ชุดดำไม่มีจริง ถ้ามีแต่ก็เป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ขณะที่พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ที่บริหารประเทศครั้งนั้น ก็ใช้รายงาน คอป. ทำกิจกรรมตามล่าหาชายชุดดำต่อไป

“ทีมข่าวอิศรา” สนทนากับ “สมชาย หอมลออ” อดีตกรรมการ คอป.  ซึ่งรับผิดชอบผลสอบข้อเท็จจริงความรุนแรง 53  

ล่าสุดเจ้าตัว เดินทางไปชี้แจงกับ คณะกรรมาธิการตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร เปิดข้อมูลใหม่ ยืนยันว่า คนชุดดำนอกจากโยงใย พล.ต. ขัตติยะ สวัสดิผล หรือ เสธ.แดง อดีตผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก ยังมีความเกี่ยวพันกันกับทหารพรานค่ายปักธงชัย จ.นครราชสีมา ด้วย

ทำให้เกิดข้อสงสัยว่า ยังมีข้อมูลอะไรที่ คอป.มีอยู่ในมือ แต่ไม่ถูกเปิดเผยออกมา ???

.......................................................


@ เสียงวิจารณ์ต่อรายงานคอป.ที่ออกมา สะท้อนอะไร

ผมขอท้าวความก่อน ในแง่การตรวจสอบค้นหาความจริงและทางทฤษฎี เราก็ระบุชัดเจนว่า ความจริงมันมีหลายชุด แต่สิ่งที่เราทำ เราพยายามรวบรวบรวมความจริงโดยการรับฟังจากทุกฝ่าย ไม่เฉพาะฝ่าย นปช.เท่านั้น เรารับฟังฝ่ายรัฐบาลขณะนั้น สื่อมวลชน นักกิจกรรมด้านสันติวิธี รวมทั้งคนที่อาจเกี่ยวพันกับคนชุดดำด้วย  

ความจริงที่เราเสนอมีหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ออกมาชุดหนึ่ง และเราก็บอกว่า ความจริงอันนี้มันอาจมีความจริงที่เพิ่มเติมเข้ามาอีกก็ได้ เพราะเหตุการณ์ผ่านไป การรับรู้ของคน การเปิดเผยข้อมูลของคนอาจมีเพิ่มมากขึ้น  ซึ่งเราไม่ได้บอกว่า เราเป็นความจริงหนึ่งเดียวเที่ยงแท้แน่นอน เพราะไม่มีความจริงอะไรที่สมบูรณ์แน่นอน แต่เราคิดว่าทุกคนสามารถโต้แย้งเสนอความจริง พยานหลักฐานเพิ่มเติม แต่ก็ต้องโดยเหตุผลและหลักฐานทางวิทยาศาสตร์

แต่ที่น่าเสียดายคือ การวิจารณ์รายงาน คอป.ที่ผ่านมาเป็นเรื่องของการใช้อารมณ์ คนจำนวนมากพูดถึงรายงานฉบับนี้โดยที่ยังไม่ได้อ่านเลย เพียงแต่ฟังเขาอีกที และที่น่าเสียใจคือ ในส่วนของนักวิชาการ ผมไม่ได้ห่วงตัวนักวิชาการนะ แต่ห่วงตัวลูกศิษย์ของนักวิชาการเหล่านี้ เพราะการวิจารณ์ของนักวิชาการกลุ่มนี้ไม่ได้ตั้งอยู่บนพื้นฐานของหลักวิชา และคนเหล่านี้ก็เป็นครูอาจารย์ในมหาวิทยาลัยไทย แล้วอย่างนี้ในมหาวิทยาลัยไทยมันจะเป็นอย่างไรในอนาคต ก็เป็นเรื่องน่าห่วงมากนะ  


ประเด็นอะไรที่คิดว่า ไม่เป็นธรรม

เรื่องที่ว่าเราไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ หรืออคติ จริงๆ แล้วก็ต้องพูดมาว่า หลักฐานของเราไม่ถูกอย่างไร แล้วเขามีหลักฐานที่ถูกต้องอย่างไร ก็ต้องเสนอมา เพื่อทำให้ความจริงมันสมบูรณ์ยิ่งขึ้น

รวมทั้ง กระทั่งเอาเรื่องส่วนตัว ประวัติของบุคคล  ไม่ว่าจะเป็นของผม หรือ อ.คณิต ณ นคร ประธาน คอป. ออกมาวิจารณ์  ซึ่งมันไม่ถูก เพราะรายงานฉบับนี้ไม่ได้เกิดจากผมคนเดียว หรือจาก อ.คณิตกับผม แต่มันเป็นการทำงานร่วมกันของคนนับร้อยคนและประชุมนับร้อยครั้ง กระทั่งออกมาโจมตีว่า มีคนเสื้อเหลืองอยู่ในกรรมการ ซึ่งความจริงแล้วมันก็มีคนหลากหลายอยู่ในคณะกรรมการหรือคณะอนุกรรมการ ดังนั้น อย่ามาพูดแบบตัดตอนหรือบิดเบือน

สิ่งที่เราต้องการชี้ให้เห็นก็คือ ข้อเสนอแนะให้กับรัฐบาล ฝ่ายค้าน ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องกับความขัดแย้งเพื่อให้เกิดการผลักดัน เปลี่ยนแปลงเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความรุนแรงขึ้นอีกในอนาคต ซึ่งส่วนนี้สำคัญมากนอกจากนี้ จากการตรวจสอบค้นหาความจริง เราพบว่า ทหารที่ปฏิบัติงานในพื้นที่นี้ ใช้กำลังเกินแก่เหตุในหลายกรณี เช่นมีการใช้อาวุธสงคราม มีการนำเอารถหุ้มเกราะออกมา รวมทั้งเราได้ศึกษาลักษณะการปฏิบัติการธรรมชาติต่างๆ ของทหารแล้ว ก็นำมาสู่ข้อเสนอของเราที่บอกว่า หากเกิดการชุมนุมในอนาคต  รัฐบาลต้องไม่นำทหารออกมาใช้ในการควบคุมฝูงชนอีก เพราะการใช้กำลังทหารโดยธรรมชาติแล้ว ไม่เหมาะที่จะนำมาใช้ควบคุมฝูงชน ไม่เฉพาะเหตุการณ์ปี 2553 เท่านั้น เหตุการณ์ก่อนๆ นั้นมันก็พิสูจน์ในจุดนี้อยู่ เราจึงมีข้อเสนอจุดนี้ออกมาเพื่อวางแนวทางให้รัฐบาลต่อไป เราจึงมีข้อเสนอที่ว่า ต้องมีการสร้างหน่วยดูแลฝูงชน เช่น ตำรวจที่ได้รับการฝึกเป็นอย่างดี ซึ่งน่ายินดีที่รัฐบาลชุดนี้ได้ตอบสนองเรื่องนี้ และมีการจัดตั้งหน่วยตำรวจฝึกดูแลฝูงชน

เรายังพบว่า การชุมนุมของ นปช.ไม่อยู่ในกรอบของการชุมนุมโดยสงบและปราศจากอาวุธ เพราะว่า มีความรุนแรง หรือมีการยุยงให้ใช้ความรุนแรงโดยผู้นำในการชุมนุม และก็มีความรุนแรงเกิดขึ้นหลายครั้ง จึงนำมาสู่ข้อเสนอของเราว่า ผู้นำในการชุมนุม ไม่ว่าใครจะจัดขึ้น ต้องให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ในการดูแลความสงบเรียบร้อย ไม่ใช่คุณจัดชุมนุมแล้ว คุณห้ามเจ้าหน้าที่เข้า ทำให้พื้นที่การชุมนุมกลายเป็นเขตปลอดกฎหมาย เจ้าหน้าที่ไม่สามารถใช้บังคับกฎหมายในเขตพื้นที่การชุมนุมได้ ผู้ชุมนุมและผู้นำการชุมนุมหลายคนมีหมายจับ เจ้าหน้าที่ก็ไม่สามารถเข้าไปจับกุมได้

บางคนบอกว่า ข้อเสนอของเราเป็นข้อเสนอปกติ ก็อาจจะใช่ แต่สำหรับ นปช.อาจไม่ใช่ข้อเสนอที่เป็นปกติก็ได้ เพราะ นปช.ยืนยันมาตลอดว่า การชุมนุมของตัวเองเป็นไปโดยสงบและปราศจากอาวุธ  แต่จากการตรวจสอบของเรามันต่างจากที่เขายืนยัน และนี่ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ผมคิดว่า ผู้นำ นปช.บางส่วนไม่พอใจ เพราะสิ่งที่เราเสนอนั้น มันตรงข้ามกับสิ่งที่เขาโฆษณามาตลอด รวมทั้งเรื่องคนชุดดำด้วย ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติเมื่อมีการเสนอความจริงที่แตกต่างไปจากที่เขาพูด

@ แกนนำ นปช.ไม่เห็นด้วยกับ รายงาน คอป.ระบุว่า คอป.มีธง และมีอคติ

เฉพาะบางคน แค่คู่ผัวเมียคู่หนึ่ง แต่แทนที่เขาจะพูดมาว่า ข้อมูลเราไม่ตรงกับข้อเท็จจริงอย่างไร กลับมาบอกว่า คอป.รับคำสั่งใครมาหรือไม่ ผมบอกเลยว่า ผมกับเหวง ก็เคยอยู่พรรคคอมมิวนิสต์มาด้วยกัน แต่ผมไม่เคยเปลี่ยนไปอยู่พรรคนายทุน  ผมไม่เคยเป็นเครื่องมือพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่ง

@ เสียงตอบรับเป็นไงบ้าง มีแกนนำเสื้อแดงโทรมาบ้างไหม

ของผมยังดีนะ  ผมไม่เคยถูกคุกคามหรือถูกข่มขู่ แต่ที่ผ่านมาก็มีโทรไปด่าที่ออฟฟิศ คอป. 1-2 ราย

เรื่องชายชุดดำ นปช.พยายามโต้แย้งว่า ถ้ามีก็อยู่ฝ่ายทหาร หรือถ้ามีจริง ทำไมรัฐบาลอภิสิทธิ์ไม่ดำเนินการจับกุม

ถ้าอ่านรายงาน คอป.โดยละเอียดจะเห็นชัดว่า เราก็มีพยานหลักฐานชัดเจนเป็นรูปถ่าย และยังมีการปรากฏตัวของกลุ่มนี้ในหลายๆ ที่  ถ้าบอกว่า เป็นเรื่องของทหาร แต่สิ่งที่เรากำลังตรวจสอบคือ ความสัมพันธ์ระหว่างประชาชน  เช่น ผู้ชุมนุมหรือประชาชนที่ไม่ใช่ผู้ชุมนุม แต่ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมกับรัฐ ยกตัวอย่างเช่น การที่ เสธ.แดงออกมา วิพากษ์วิจารณ์ผู้บังคับบัญชาที่เป็นผู้นำกองทัพ และปฏิบัติงานในฐานะเป็นส่วนหนึ่งของรัฐ หมายถึงอะไร หมายถึง เสธ.แดงเป็นตัวแทนของกองทัพ ที่แตกแยกกันหรือ อันนั้นก็เป็นเรื่องส่วนบุคคลของ เสธ.แดง ไม่ใช่ในนามของกองทัพ ซึ่งในกลุ่มชายชุดดำนั้น อาจมีบางคนที่มีแบ๊คกราวน์เป็นทหารพราน

แต่การปฏิบัติการของชายชุดดำไม่ได้ปฏิบัติในฐานะ “รัฐ” หรือ หน่วยงานของรัฐ ถ้าจะบอกว่า เป็นแผนการณ์หรือนโยบายของกองทัพ ที่ส่งคนแบบนี้ออกมาเพื่อสร้างสถานการณ์  เราก็ไม่มีพยานหลักฐานที่จะโยงไปถึงขนาดนั้นได้ ซึ่งถ้าอีกฝ่ายมีหลักฐานว่า กองทัพเป็นผู้จัดตั้งคนชุดดำออกมาเพื่อปฏิบัติการบางอย่าง ก็ต้องแสดงออกมา แต่เราไม่พบ ไม่ว่าทางการข่าวหรือพยานหลักฐานต่างๆ มันก็เป็นเรื่องของบุคคล ทั้งเป็นบุคคลที่อยู่ในกองทัพบางคน หรือบุคคลที่อยู่นอกกองทัพรวมตัวกันปฏิบัติการโดยใช้อาวุธสงครามต่อต้านการปฏิบัติการของรัฐ ซึ่งในอนาคตเรื่องเหล่านี้ จะค่อยๆ พิสูจน์เอง แต่ที่แน่ๆ คือ มันมีกลุ่มบุคคลหนึ่งที่โจมตีทหารในพื้นที่ด้วยอาวุธสงคราม และคนกลุ่มนี้ได้รับการสนับสนุนจากการ์ด นปช.บางส่วน เรามีข้อยืนยันแน่นอน

@ เสื้อแดงวิจารณ์ว่า รายงาน คอป.เป็นอนุญาตสั่งฆ่าประชาชน  

ผมเข้าใจ... เพราะสิ่งที่เราเสนอนั้นมันขัดแย้งกับสิ่งที่เขาโฆษณา และสิ่งที่เขาโฆษณานั้น เขาไม่ได้โฆษณาให้สังคมเชื่อเขานะ เขาโฆษณาให้คนของเขาเชื่อเขา  ดังนั้น เมื่อเราเสนอข้อเท็จจริงในลักษณะที่แตกต่างกัน บางคนก็อาจจะกลัวว่า คนในกลุ่มเขาอาจจะแตกแถวออกมา ดังนั้น เวลาเขาให้สัมภาษณ์สื่อ เขาไม่ได้โจมตีผมนะ แต่เขาพูดให้คนของเขาฟังเพื่อต้องการที่จะรักษาขบวนของเขาไว้

@ รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ควรมีท่าทีหรือจุดยืนอย่างไรต่อรายงาน คอป.หลังจาก แกนนำรัฐบาลส่งสัญญาณว่าไม่ยอมรับรายงานฉบับนี้ ขณะที่เสื้อแดงฉีกรายงานทิ้ง และยื่นเรื่องให้รัฐบาลปรับปรุงรายงาน คอป.ใหม่        

รัฐบาลยิ่งลักษณ์ทั้งก่อนและหลังเลือกตั้งได้แถลงนโยบายชัดเจนต่อรัฐสภา นอกจากนั้นยังได้แถลงในที่ประชุมองค์การสหประชาชาติในหลายการประชุมด้วยว่า สนับสนุนการทำงานของ คอป. ดังนั้น ในแง่นี้รัฐบาลก็คงต้องทำตามนโยบายที่ได้แถลงไว้โดยนำข้อเสนอของ คอป.ไปปฏิบัติ ก็จะถือว่า เป็นการสนับสนุน คอป. เนื่องจาก คอป.มีรายงานที่หนา 300 หน้า แน่นอน นายกฯคงต้องใช้เวลาศึกษา ซึ่งก็มอบหมายให้ “คณะกรรมการติดตามผลการดำเนินงานตามข้อเสนอของคอป.” หรือ ปคอป.ที่ได้ตั้งขึ้นมาเพื่อที่จะนำข้อเสนอของ คอป. ไปปฏิบัติเป็นการเฉพาะ เท่าที่ทราบ ปคอป.ได้ประชุมแล้วมีมติว่า จะเอาข้อเสนอแนะของ คอป.ไปปฏิบัติ  ในเรื่องนี้ก็ต้องชมรัฐบาลว่า ข้อเสนอหลายข้อของ คอป.เขาก็เอาไปปฏิบัติแล้ว ไม่ว่าเรื่องการเยียวยา การควบคุมตัวจำเลยในคดีที่เกี่ยวกับการเมือง การย้ายที่คุมขัง กระบวนการสานเสวนา ที่รัฐบาลได้อนุมัติงบ 90 ล้านบาทเพื่อการนี้โดยให้กรมพัฒนาชุมชนดำเนินการ รวมถึง ร่าง พ.ร.บ.ปรองดอง ที่เราเสนอให้ชะลอไปเพื่อให้เป็น พ.ร.บ.ปรองดองจริงๆ รวมทั้งเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เป็นต้น ซึ่งก็ล้วนแต่เป็นข้อเสนอเพื่อนำไปสู่การปรองดองของคนในชาติ 

นายกฯเองก็ประกาศหลังจาก คอป.เปิดเผยรายงานมาว่า อยากให้มีการปรองดองเกิดขึ้น ดังนั้น ผมก็มีความเชื่อว่า รัฐบาลคงจะนำข้อเสนอของ คอป. ไปปฏิบัติ และผมก็เชื่อว่า จะได้รับความร่วมมือจากฝ่ายค้านและประชาชนทั่วไปรวมทั้ง นปช.ด้วย  ผมเชื่อว่า จะมีคนเพียงจำนวนน้อยที่พยายามไม่สนใจรายงาน คอป.

ข้อเสนอที่ด่วนที่สุดที่เราอยากให้รัฐบาลดำเนินการ คือรัฐบาลต้องดูแลหน่วยงานด้านกระบวนการยุติธรรมโดยต้องให้ความยุติธรรมกับทุกฝ่ายที่ขัดแย้งกันและเที่ยงธรรม ผู้นำรัฐบาลต้องไม่แสดงท่าที ส่งสัญญาณ ที่ทำให้เห็นว่า กระบวนการยุติธรรมได้ถูกใช้เป็นเครื่องมือของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ที่ผ่านมาในรัฐบาลชุดก่อน คอป.ก็พยายามท้วงติงว่า ความยุติธรรมนั้นจะต้องมีให้กับฝ่ายที่อยู่ตรงข้ามกับรัฐบาลด้วย ก็คือ นปช. แต่ตอนนี้รัฐบาลที่ นปช.สนับสนุนขึ้นมาเป็นรัฐบาล ก็ต้องอย่าละเลยที่จะให้ความยุติธรรมกับอีกฝ่ายหนึ่งด้วย เช่น ปัญหาผู้เสียชีวิต บาดเจ็บกับประชาชนที่อยู่ตรงข้ามกับ นปช. ชาวบ้าน ร้านค้า ที่ได้รับผลกระทบจากการชุมนุม  แต่ว่าที่ผ่านมา ผู้นำรัฐบาลบางคนยังส่งสัญญาณที่ทำให้มองเห็นว่า กระบวนการยุติธรรมชั้นต้นถูกแทรกแซง และถูกใช้เพื่อประโยชน์ของกลุ่มการเมืองบางกลุ่มเท่านั้นทำให้กลุ่มอื่นสงสัย ซึ่งรัฐบาลจะต้องเรียกความเชื่อมั่นในส่วนนี้คืนมา เพราะรัฐบาลชุดนี้เป็นรัฐบาลของทุกคน ไม่ใช่เป็นรัฐบาลของนปช.  

 ความเชื่อมั่นต่อกระบวนการยุติธรรมนั้น คอป.เน้นมาก เช่น ฝ่ายการเมืองต้องไม่ออกมาพูดถึงการชี้นำในคดีให้กับเจ้าหน้าที่ไม่ว่าจะเป็นดีเอสไอ หรือ สตช. ต้องให้เขาทำงานเป็นอิสระและเป็นมืออาชีพจริงๆ กล่าวคือ ในขณะที่ยังไม่สามารถหาพยานหลักฐานมาดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดได้ ก็ต้องไม่ออกมาพูดในทำนองที่ทำให้ผู้ที่กำลังแสวงหาความยุติธรรมนั้นเสียกำลังใจ  แต่ผมก็เชื่อว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังหาตัวผู้ที่กระทำความผิดอยู่ เช่น คนที่ยิง M79 ยิง RPG ใส่จนทหารตายหลายคน และทำให้กลุ่มคนรักสีลมเสียชีวิต แต่ว่าในส่วนนี้ก็คงได้รับความร่วมมือจากผู้ชุมนุมด้วย

@ องค์กรต่างประเทศ ให้ความสำคัญกับ รายงานคอป.แค่ไหน

ในวงการทูตในประเทศไทยเขาสนใจและให้การสนับสนุนข้อเสนอของ คอป.และเขาก็เห็นว่า สิ่งที่ คอป.ตีแผ่ออกไปนั้นเรียกว่า เป็นประวัติศาสตร์ของสังคมไทยก็ได้ คือได้ตีแผ่ข้อเท็จจริงออกไปต่อสังคมซึ่งในประเทศไทยยังไม่มีใครตีแผ่ข้อเท็จจริงที่เกิดจากปัญหาความขัดแย้งมาเลย และเขายังให้ความสำคัญกับข้อเสนอแนะของเรามาก เพราะเราต้องการป้องกันไม่ให้เกิดความรุนแรงขึ้นในอนาคต เป็นการเสนอแนะเพื่อสร้างพื้นฐานของประชาธิปไตยให้เข้มแข็งขึ้น  ข้าหลวงใหญ่ของสหประชาชาติก็ออกมาสนับสนุนชัดเจน ซึ่งรัฐบาลไทยเองก็รับปากแล้วว่า จะเอาข้อเสนอของ คอป.ไปปฏิบัติ รัฐบาลก็ต้องรักษาคำมั่นสัญญานี้ต่อสังคมนานาชาติ

@ คุณทักษิณ (ชินวัตร อดีตนายกฯ) ไม่วิจารณ์และไม่ยอมรับคอป.

อย่างที่บอก คอป.ไม่ได้ทำงานคนเดียว และประธาน คอป.ก็ไม่ใช่คนกำหนดหรือชี้ขาดอะไรได้ แม้แต่เรื่องที่บอกว่า คุณทักษิณยังไม่ควรกลับมาเมืองไทย อันนี้ก็ความเห็นของประธาน คอป. ไม่ใช่ของ คอป. ส่วนเรื่องที่คุณทักษิณกับ อ.คณิต จะมีความสัมพันธ์กันอย่างไรในอดีตหรือในปัจจุบัน อันนี้ก็คงไม่สามารถพูดได้

@ อยากเรียกร้องอะไรต่อคุณทักษิณ

ผมคิดว่ากระบวนการปรองดองมันต้อง inclusive คือ เปิดโอกาสให้ทุกฝ่ายที่เห็นขัดแย้งกัน ได้มีพื้นที่ในกระบวนการนี้  ต้องไม่ใช่เป็นกระบวนการ exclusive คือกีดกันคนบางคนออกไป อันนี้ต้องคิดกันเองเพราะหน้าที่ของ คอป.หมดแล้ว แต่เป็นหน้าที่ของรัฐบาล ฝ่ายค้าน ภาคประชาสังคม ต้องไปพูดคุยกัน

@ จากการค้นหาความจริงมา 2 ปี ส่วนตัวได้อะไรจากประสบการณ์ครั้งนี้

ได้ความรู้ใหม่ ประสบการณ์ในการตรวจสอบ ยิ่งทำเราได้เรียนรู้ แต่ก็ต้องยอมรับว่า เราเริ่มทำจากการที่เราไม่มีบทเรียนประสบการณ์เลย  เราอาศัยนักวิชาการของไทยส่วนหนึ่ง และการสนับสนุนของยูเอ็นดีพี ผู้เชี่ยวชาญด้านต่างประเทศ ไอทีซีเจ  สถานทูตสวิสเซอร์แลนด์ ในการเรียนรู้ประสบการณ์จากที่อื่น

ปีแรกเราจึงคลำทาง ฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ อีกอัน เราไม่มีอำนาจ เราก็เลยต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกฝ่าย ก็ต้องสร้างความเชื่อมั่นว่า เราพยายามทำงานอย่างเป็นทางการ  ฉะนั้น ช่วงแรกๆ ก็เป็นการพบปะพูดคุยกับคนเยอะแยะไปหมด  ส่วนการตรวจสอบ ค้นหาความจริง ก็เริ่มปีหลัง

ช่วงแรกความร่วมมือจากหลายฝ่ายน้อย รัฐบาลของคุณอภิสิทธิ์ (เวชชาชีวะ) ก็บอกว่าให้ความร่วมมือ แต่เอาเข้าจริง เจ้าหน้าที่ก็ไม่ได้ให้ความร่วมมือ ไม่ว่าเจ้าหน้าที่ทหารหรือตำรวจ ทหารเราได้รับความร่วมมือบ้าง ส่วนตำรวจเราไม่ได้รับความร่วมมือเลย ก็มาในช่วงหลังนี้ที่ได้รับความร่วมมือมากขึ้น  แต่ก็ยังไม่เต็มที่ นปช.ก็ให้ความร่วมมือ แต่ผู้ที่รู้เห็นเหตุการณ์จริงๆ ก็ไม่ค่อยมีโอกาสที่จะได้มาพบกับ คอป. หรือในหลายกรณี เราก็ไม่มีอิสระที่จะสัมภาษณ์โดยตรง เพราะมีแกนนำในบางระดับ ก็มานั่งอยู่ด้วย 

ช่วงหลังเราได้สัมภาษณ์เหยื่อ ครอบครัวของผู้เสียชีวิตได้รับบาดเจ็บมากขึ้น แต่ก็เป็นข้อมูลที่ไม่เต็มที่ เพราะเราตรวจสอบค้นหาความจริง ในขณะที่การดำเนินคดีอาญาควบคู่กันไป  คนที่จะเป็นพยานหรือผู้เสียหาย หรือ ผู้ละเมิดคดีก็มีความระมัดระวังในการที่จะให้ข้อเท็จจริงกับเรา ดังนั้น เราจึงไม่สามารถพึ่งข้อเท็จจริงจากกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งได้ ก็ต้องเอาหลายส่วนมาประกอบกัน จนกระทั่งเอาผู้เชี่ยวชาญไปดูสถานที่เอง

นอกจากนี้ พยานหลักฐานชิ้นสำคัญถูกทำลายไปเยอะ ด้วยเหตุต่างๆ เช่น หลักฐานจำนวนมาก ผู้ชุมนุมเก็บไปเพราะคิดว่า นี่แหละจะใช้เป็นหลักฐานเอาตัวผู้ฆ่ามาดำเนินคดี เช่น ปลอกกระสุนในพื้นที่ แต่หารู้ไม่ว่า เก็บไปมันใช้ไม่ได้ในทางพยานหลักฐาน กระนั้น รายงานหลายอย่างเราได้มาและเราเองก็ตรวจสอบได้เป็นประโยชน์มาก เช่น ทิศทางของกระสุนที่ยิงมาจากทิศทางไหน จากทหาร หรือมีทิศทางที่สวนกันไหมกับทหาร แต่ก็น่าเสียดายที่บางพื้นที่ เจ้าหน้าที่นิติวิทยาศาสตร์เก็บข้อมูล จะเรียกว่าเป็นข้อมูลด้านเดียวก็ได้ในบางรายงาน เช่น แถวบ่อนไก่ มีการตรวจทิศทางกระสุนที่มาจากทหารเท่านั้น แต่ไม่ตรวจว่า มีทิศทางกระสุนที่มาจากทิศทางตรงข้ามหรือไม่ ซึ่งเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานให้เหตุผลว่า เพราะพนักงานสอบสวนบอกให้เก็บในส่วนนี้  มันก็ต้องตั้งคำถามต่อไปว่า พนักงานสอบสวนได้ดำเนินการอย่างเที่ยงธรรมไหม

สิ่งที่เราได้คือ ต่างฝ่ายต่างมีเหตุผลของตัวเองทั้งนั้น เช่น ทำไมผู้ชุมนุมบางกลุ่มจึงมีความรู้สึกว่าคนชุดดำเป็นคนที่มาคุ้มครอง ปกป้องเขา บางคนถึงกับบอกว่า ถ้าไม่มีคนชุดดำมาช่วย คนชุดดำจะตายมากว่านี้ เพราะว่าเขามีความเชื่อ จากการโฆษณาหรือการพูดกรอกหูของคนบางกลุ่มจากสื่อต่างๆ เช่น วิทยุชุมชน แกนนำบางคนของผู้ชุมนุม ทำให้เขาเชื่อว่า ทหารที่ออกมานั้น จะมาปราบฆ่าเขา รวมทั้งการที่ทหารเอารถหุ้มเกราะ มีอาวุธสงครามออกมา ก็ยิ่งทำให้เขาเชื่ออย่างนั้นมากยิ่งขึ้น อันนี้เราก็ต้องเสนอออกไปว่า การที่เจ้าหน้าที่มาดูแลการชุมนุมจะต้องทำให้ผู้ชุมนุมเข้าใจว่า เจ้าหน้าที่เป็นมิตร ไม่ใช่มาปราบ ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้นก็ต้องไม่ใช้ทหาร เพราะทหารเป็นนักสู้ และต้องไม่นำอาวุธสงครามออกมา

สำหรับเจ้าหน้าที่ก็เหมือนกัน ทำไมเขาถึงต้องยิงไปในทิศทางนั้น เพราะความเชื่อและประสบการณ์เขา หรือการข่าวที่เจ้าหน้าที่ได้รับมาว่า จะมีเหตุการณ์ต่างๆ รวมทั้งการที่เจ้าหน้าที่ถูกยิงตายไปหลายคนในวันที่ 10 เม.ย.2553 รวมทั้งถูกยิงด้วย M79 อีกไม่ว่าจะที่แยกศาลาแดงหรือบ่อนไก่หรือถนนราชปรารภ มันก็ทำให้เจ้าหน้าที่เข้าใจได้ว่า เขากำลังตกเป็นเป้าของการโจมตี

@ ถ้ายังมีเวลาในการค้นหาความจริงอีก ในใจลึกๆแล้วหรืออยากรู้ความจริงหรือ เคลียร์จุดไหนเป็นพิเศษ

จริงๆ มีความจริงอีกหลายอย่าง ที่เราไม่ได้เปิดเผยนะ  ต้องยอมรับ เพราะความจริงบางอย่างถ้าเปิดเผยไปแล้ว ก็อาจจะไม่เป็นผลดี หรือ อาจเป็นลักษณะซ้ำเติมต่อคนบางกลุ่มด้วย หรือเป็นความจริงที่เราไม่มีหลักฐานชัดเจน แต่เป็นเรื่องที่คุยมากับบางคนที่เขาอาจจะพูดในเชิงวิเคราะห์ หรือ เป็นลักษณะข่าวกรอง เราก็ไม่ได้เปิดเผยหมด

.......................................................

ที่มา:สำนักข่าวอิศรา

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net