กรุงเทพมหานครและปริมณฑลนับเป็นเมืองโตเดี่ยว จากการจัดอันดับของศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส โดยมีขนาดประมาณ 52.1% พิจารณาจากมูลค่าที่อยู่อาศัยที่ยังคงเหลืออยู่ในตลาด ณ ปีพ.ศ.2555
กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีมูลค่าที่อยู่อาศัยที่ยังคงเหลืออยู่รอการขายทั้งหมด 342,030 ล้านบาท หรือเป็นสัดส่วนประมาณ 52.1% ของมูลค่าคงเหลือทั่วประเทศ 655,866 ล้านบาท โดยนัยนี้จึงถือว่ากรุงเทพมหานครเป็นเมืองโตเดี่ยว (Primate City) เพราะกรุงเทพมหานคร เป็นศูนย์รวมของกิจกรรมทางเศรษฐกิจและการเมืองของประเทศ
มูลค่าข้างต้นนี้ประกอบด้วยจำนวนหน่วยขายที่เหลืออยู่ประมาณ 129,000 หน่วย ซึ่งถือว่าไม่มากนักเมื่อเทียบกับจำนวนที่อยู่อาศัยทั้งหมด 4.4 ล้านหน่วย หรือเทียบได้ประมาณ 3% ของที่อยู่อาศัยทั้งหมด ในขณะที่ในช่วงปี 2540-2542 ซึ่งเป็นช่วงวิกฤตอสังหาริมทรัพย์ มีอุปทานที่เหลืออยู่มีถึงประมาณ 5% ของที่อยู่อาศัยทั้งหมด
พัทยานับเป็นนครขนาดใหญ่อันดับสองของประเทศโดยมีมูลค่าคงเหลือประมาณ 59,160 ล้านบาท หรือประมาณ 9% ของมูลค่าคงเหลือที่อยู่อาศัยทั้งหมดทั่วประเทศ อันดับที่ 3 คือภูเก็ต อันดับที่ 4 คือชะอำ หัวหิน อันดับที่ 5 คือเชียงใหม่ และอันดับที่ 6 คือ สมุย จะสังเกตได้ว่านครเหล่านี้เป็นแหล่งท่องเที่ยว โดยมีเพียงเชียงใหม่ซึ่งเป็นเมืองท่องเที่ยวและเป็นเมืองหลักในจังหวัดภูมิภาค ในจำนวน 6 นครแรกนี้มีมูลค่ารวมกันถึงประมาณ 79% ของมูลค่าคงเหลือที่อยู่อาศัยทั้งหมดทั่วประเทศข้อสังเกตที่สำคัญอีกประการหนึ่งก็คือ การผนึกรวมกันของอภิมหานครขนาดใหญ่ ซึ่งประกอบด้วย กรุงเทพมหานครและปริม
ณฑล ผนึกรวมกับนครต่าง ๆ ในจังหวัดชลบุรีและระยอง ซึ่งจำเป็นอย่างยิ่งที่ทางราชการจะจัดเตรียมสาธารณูปโภคเพื่อรองรับการขยายตัวของอภิมหานครนี้ โดยเฉพาะการก่อสร้างระบบเครือข่ายทางด่วน รถไฟ และระบบรถไฟฟ้าในแต่ละนครย่อย
ยิ่งกว่านั้นสนามบินอู่ตะเภาทางภาคตะวันออก ควรจะนำมา “ปัดฝุ่น” ให้เป็นสนามบินพาณิชย์รองรับการเจริญเติบโตของการพัฒนาภาคตะวันออก ซึ่งมีสัดส่วนของจำนวนที่อยู่อาศัยเหลือขายอยู่ถึงหนึ่งในสามของตลาดกรุงเทพมหานคร หรือเป็นเงินประมาณ 100,000 ล้านบาท จึงมีความต้องการใช้สนามบินเป็นอย่างมาก ซึ่งเท่ากับค่าก่อสร้างสนามบินใหม่ถึงหนึ่งสนาม แต่เงินจำนวนหนึ่งแสนล้านบาทนี้ เป็นมูลค่าโครงการขายที่อยู่อาศัยเพียงปีเดียวของภาคตะวันออกเท่านั้น ยิ่งกว่านั้นสนามบินอู่ตะเภายังมีศักยภาพสามารถรองรับเครื่องบินขนาดใหญ่ระดับ Airbus A380 อยู่แล้ว
ในอันที่จริงประเทศไทยมีประชากรเมืองอยู่ประมาณ 34% หรือ 22.78 ล้านคน โดยเกือบครึ่งหนึ่งอยู่ในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล และโดยที่กำลังซื้อในเขตนี้มีสูงกว่านครอื่น ๆ ทั่วประเทศจึงทำให้สัดส่วนที่อยู่อาศัยในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลมีสูงถึง 52.1% ดังกล่าว หากเปรียบเทียบกับประเทศในภูมิภาคนี้ โดยเฉพาะประเทศอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ ซึ่งมีฐานะยากจนกว่าประเทศไทยถึงประมาณครึ่งหนึ่งจะพบว่าประเทศทั้งสองมีจำนวนประชากรในเขตนครมากกว่า คือประมาณ 44% และ 49% ตามลำดับ ทั้งนี้ก็เพราะว่าประเทศทั้งสองมีสภาพเป็นเกาะนับหมื่นเกาะ ประชากรจึงอาศัยอยู่ในเขตเมืองท่าเป็นสำคัญ ในขณะที่ประเทศไทยเป็นผืนแผ่นดินติดต่อกันประชากรจึงเข้าบุกรุกถากถางป่าเพื่อสร้างหมู่บ้านชนบทในการอยู่อาศัยมากกว่าจะย้ายเข้าเขตเมือง
อันดับที่ |
จังหวัด |
มูลค่าคงเหลือ |
|
ล้านบาท |
% |
||
1 |
กรุงเทพมหานคร |
342,030 |
52.1% |
2 |
พัทยา |
59,160 |
9.0% |
3 |
ภูเก็ต |
58,472 |
8.9% |
4 |
ชะอำ-หัวหิน |
34,663 |
5.3% |
5 |
เชียงใหม่ |
32,584 |
5.0% |
6 |
สมุย |
9,923 |
1.5% |
7 |
ขอนแก่น |
8,415 |
1.3% |
8 |
หาดใหญ่ |
6,638 |
1.0% |
9 |
ระยอง |
6,334 |
1.0% |
10 |
นครราชสีมา |
6,150 |
0.9% |
11 |
ชลบุรี (ศรีราชา) |
5,614 |
0.9% |
12 |
ชลบุรี (บางแสน-บางพระ) |
5,043 |
0.8% |
13 |
ระยอง (เมือง) |
4,098 |
0.6% |
14 |
สุราษฎร์ธานี |
3,718 |
0.6% |
15 |
นครศรีธรรมราช |
3,202 |
0.5% |
16 |
ระยอง (แกลง) |
3,060 |
0.5% |
17 |
ชลบุรี (สัตหีบ) |
3,000 |
0.5% |
18 |
ชลบุรี (เมือง) |
2,822 |
0.4% |
19 |
อุดรธานี |
2,652 |
0.4% |
20 |
พิษณุโลก |
2,579 |
0.4% |
21 |
ชลบุรี (บ่อวิน) |
2,493 |
0.4% |
22 |
ระยอง (บ้านฉาง) |
1,801 |
0.3% |
23 |
ชลบุรี (แหลมฉะบัง) |
1,106 |
0.2% |
24 |
นครอื่น ๆ ทั่วประเทศ |
50,310 |
7.7% |
รวม |
รวมทั่วประเทศ |
655,866 |
100.0% |
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)