กระบวนการยุติธรรมไทยดีพอหรือไม่ ทำไมต้องขึ้นศาลอาญาระหว่างประเทศ

ประชาไททำหน้าที่เป็นเวที เนื้อหาและท่าที ความคิดเห็นของผู้เขียน อาจไม่จำเป็นต้องเหมือนกองบรรณาธิการ

เป็นที่ทราบดีอยู่แล้วว่ากระบวนการยุติธรรมทางอาญาของไทยมีองค์กรที่มาเกี่ยวข้องคือ ตำรวจ อัยการ ศาลและราชฑัณฑ์

ศาลอาญาระหว่างประเทศ คืออะไร เป็นเช่นเดียวกับ ศาลอาญาภายในประเทศหรือไม่ คำตอบคือ ศาลอาญาระหว่างประเทศนั้นเป็นองค์กรตุลาการระหว่างประเทศองค์กรหนึ่งที่มีหน้าที่พิจารณาคดีเกี่ยวกับผู้กระทำความผิดอาญาระหว่างประเทศ ซึ่งคดีที่ถือว่าเป็นคดีอาญาระหว่างประเทศมีฐานความผิดทางอาญาตามข้อ 5 ของธรรมนูญกรุงโรมดังนี้คือ การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ความผิดต่อมนุษยชาติ อาชญากรสงคราม และความผิดล่าสุดคือ ความผิดฐานรุกราน ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในปี 2560 ธรรมนูญกรุงโรมได้เริ่มบังคับใช้เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2545 หลังจากที่มีการให้สัตยาบันจากประเทศสมาชิกครบ 60 ประเทศ และในปัจจุบันมีประเทศที่เข้าเป็นภาคีสมาชิกกับ ธรรมนูญกรุงโรม ทั้งสิ้น 121 ประเทศ และมีจำนวน 18 ประเทศเป็นประเทศเอเชียแปซิฟิก โดยเกือบทั้งหมดเป็นประเทศในภาคพื้นทวีปยุโรปและแอฟริกา มีเพียง 3ประเทศที่ปฏิเสธที่จะลงนามอย่างเปิดเผยคือประเทศ ซูดาน อิสราเอลและ สหรัฐอเมริกา ในส่วนประเทศไทย ได้ลงนามในธรรมนูญกรุงโรมไปเมื่อวันที่ 2 ตุลาคม 2543 แต่ยังไม่ได้ให้สัตยาบัน การไม่ให้สัตยาบันนั้น ตามสนธิสัญญาเวียนนาว่าด้วยกฎหมายสนธิสัญญา (Vienna Convention on the Law of treaties) ถือว่ารัฐนั้นยังปฏิเสธหรือคัดค้านความมุ่งหมายของสัญญา ดังนั้นพันธกรณีหรือข้อตกลงต่างๆจะดำเนินต่อไปได้ก็ต่อเมื่อรัฐนั้นมีการให้สัตยาบันเท่านั้น ด้วยเหตุนี้เองประเทศไทยจึงยังไม่ถือว่าเป็นรัฐภาคีในธรรมนูญกรุงโรม ดังนั้นจึงไม่มีพันธกรณีใดๆตามธรรมนูญกรุงโรม

แล้วศาลอาญาระหว่างประเทศมีเขตอำนาจแค่ไหนเพียงไร ตามธรรมนูญกรุงโรม ข้อ 11 ได้ระบุถึง เขตอำนาจของศาลอาญาระหว่างประเทศไว้ คือเมื่ออาชญากรรมระหว่างประเทศได้เกิดขึ้นภายหลังสนธิสัญญาบังคับใช้ และเมื่อรัฐเป็นประเทศภาคีภายหลังสนธิสัญญามีผลบังคับใช้ โดยธรรมนูญกรุงโรมข้อ 12 ได้กำหนดเงื่อนไขในการยอมรับเขตอำนาจศาลอาญาระหว่างประเทศเบื้องต้น กล่าวคือการที่ศาลอาญาระหว่างประเทศจะรับการฟ้องร้องได้มี 2 กรณี แรกคือในกรณีที่อาชญากรรมได้เกิดในรัฐภาคีหรือเกิดภายในเรือ เครื่องบินที่มีสัญชาติรัฐภาคี หรือผู้กระทำความผิดเป็นคนชาติของรัฐภาคี ส่วนกรณีที่สองเป็นกรณีตามข้อ 12 วรรคสาม ที่คดีอาชญากรรมเกิดภายนอกรัฐภาคี แต่รัฐภาคีได้ประกาศยอมรับเขตอำนาจศาลต่อนายทะเบียนว่าจะยอมรับ เขตอำนาจศาลอาญาระหว่างประเทศ โดยประเทศคู่กรณีต้องประกาศอย่างชัดเจนว่าจะให้ความร่วมมือกับศาลอาญาระหว่างประเทศในทุกด้าน เมื่อผ่านเขตอำนาจศาลเบื้องต้นแล้วคดีจะเข้าสู่การพิจารณาคดีของศาลอาญาระหว่างประเทศ

สำหรับกระบวนการยุติธรรมทางอาญาภายในประเทศนั้น ต้องผ่านตำรวจเพื่อทำการสอบสวน และ อัยการดำเนินการฟ้องคดีต่อศาล หรือผู้เสียหายฟ้องต่อศาลซึ่งศาลก็จะไต่สวนมูลฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา แต่เนื่องจากศาลอาญาระหว่างประเทศเป็นศาลระหว่างประเทศ จึงไม่มีตำรวจในการทำสำนวนการสอบสวน อย่างไรก็ตามในศาลอาญาระหว่างประเทศมีอัยการศาลอาญาระหว่างประเทศ ในการเสนอคดีนั้น ตามธรรมนูญกรุงโรมข้อที่ 13 ได้บัญญัติถึงการเสนอคดีต่อศาลอาญาระหว่างประเทศ 3 ทาง คือ ทางแรก คือ  รัฐภาคีเสนอเรื่องอาชญากรรมนั้นต่ออัยการ ทางที่สอง คือคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (Security council) ซึ่งปฏิบัติตามหมวด 7 แห่งกฎบัตรสหประชาติเสนอเรื่องเกี่ยวกับอาชญากรรมต่ออัยการ 

และทางสุดท้ายคืออัยการกระทำหน้าที่คล้ายตำรวจ คืออัยการเริ่มสืบสวนและสอบสวนเกี่ยวกับอาชญากรรมที่เกิดขึ้นและฟ้องคดี โดยในการฟ้องคดีในกรณีสุดท้ายนั้น อัยการจะต้องดำเนินการสอบสวนตามข้อ 15 กล่าวคือ อัยการต้องวิเคราะห์ความหนักแน่นของข้อมูลที่ได้รับ โดยอาจแสวงหาข้อมูลเพิ่มติมจากรัฐ องค์การสหประชาชาติ องค์การระหว่างรัฐบาล หรือองค์การที่มิใช่รัฐบาล หรือแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถืออื่นที่อัยการเห็นสมควร หากมีพยานหลักฐานสนับสนุนพอสมควร ทางอัยการจะส่งให้องค์คณะไต่สวนมูลฟ้องของศาลอาญาระหว่างประเทศ (Pre-trial chamber) หากองค์คณะไม่เห็นด้วย อัยการต้องยุติคดี แต่ถ้าองค์คณะไต่สวนมูลฟ้องดังกล่าวเห็นด้วยและเห็นว่าคดีนั้นอยู่ในเขตอำนาจ ก็จะอนุญาตให้อัยการดำเนินคดีต่อไป โดยอัยการต้องแจ้งต่อรัฐซึ่งอยู่ภายใต้เขตอำนาจศาลในการให้ความร่วมมือตามธรรมนูญกรุงโรมข้อ 18 วรรคแรก และภายหลังอัยการได้รวบรวมและตรวจสอบพยานหลักฐาน โดยอาจให้ผู้เสียหายมาให้ปากคำหรือขอความร่วมมือจากรัฐหรือองค์กรระหว่างประเทศ ภายหลังรวบรวมพยานหลักฐานแล้วต้องให้องค์คณะไต่สวนมูลฟ้องพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง ถ้าพยานหลักฐานเพียงพอและมีหลักฐานเชื่อได้ว่ามีการก่ออาชญากรรมเกิดขึ้น องค์คณะไต่สวนมูลฟ้องจะรับคดีไว้พิจารณา โดยประธานศาลอาญาระหว่างประเทศจะตั้งองค์คณะเพื่อพิจารณา แต่หากหลักฐานไม่เพียงพอก็จะยกฟ้อง

สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในประเทศไทยนั้น สืบเนื่องมาจากคดีการสลายการชุมนุมเมื่อเดือนเมษายน 2553 โดยเหตุการณ์ดังกล่าวจะเข้าข่ายเป็นคดีอาญาระหว่างประเทศตามข้อ 5 ประกอบข้อ 7 แห่งธรรมนูญกรุงโรม เรื่องอาชญากรรมต่อมนุษยชาติ (Crime Against Humanity) ที่เป็นการกระทำต่อพลเมืองในประเทศของตนโดยตั้งใจและเป็นระบบในการใช้กำลัง โดยการจับกุม กักขัง หรือฆ่าหรือไม่ เป็นข้อเท็จริงและข้อกฎหมายของผู้มีหน้าที่ต้องว่ากล่าวกันไป ในการสั่งสลายการชุมนุมดังกล่าว มีนายอภิสิทธิ เวชชาชีวะ ซึ่งขณะนั้นเป็นนายกรัฐมนตรี อย่างไรก็ตาม การที่จะนำตัวบุคคลหนึ่งบุคคลใดไปดำเนินคดียังศาลอาญาระหว่างประเทศนั้น ผู้ถูกกล่าวหาต้องเป็นบุคคลสัญชาติไทย กรณีนี้จึงจะตกอยู่ภายใต้เขตอำนาจศาลระหว่างประเทศ ตาม ข้อ 11 และ ข้อ 12 และประการสำคัญคือ การที่จะเริ่มคดีได้นั้น ประเทศไทยต้องประกาศยอมรับเขตอำนาจศาลเสียก่อนตาม ข้อ 12 วรรคสาม จึงจะทำให้คดีดังกล่าวสามารถเข้าสู่การพิจารณาได้ตามข้อ 13 ของธรรมนูญกรุงโรม โดยภายหลังการยอมรับแล้วอัยการจึงสามารถดำเนินการสืบสวนสอบสวนได้ตาม ข้อ 13 วรรคสาม แต่สถานการณ์ปัจจุบันนั้น ประเทศไทยเอง ยังไม่ได้มีการประกาศยอมรับเขตอำนาจศาลแต่อย่างใด อัยการจึงไม่สามารถเริ่มคดีได้

สำหรับรัฐบาลปัจจุบัน จะมีแนวโน้มในการประกาศยอมรับเขตอำนาจศาลหรือไม่ คงต้องพิจารณาทางได้ทางเสียทุกแง่มุมภายใต้ประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนเป็นสำคัญ ซึ่งการประกาศยอมรับเขตอำนาจศาลอาญาระหว่างประเทศก็เป็นเพียงหนึ่งในกระบวนการยุติธรรมทางอาญาระหว่างประเทศเท่านั้นเอง หาใช่กรณีที่ประชาคมโลกไม่ได้ไว้ใจกระบวนการของศาลไทยแต่อย่างใดไม่ และมิได้เกี่ยวข้องกับความจริงใจหรือไม่จริงใจของศาลยุติธรรมแต่อย่างใดอีกเช่นกัน
 
                                                                                                                                                                  

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
เรื่องที่เกี่ยวข้อง
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท