อรรคณัฐ วันทนะสมบัติ: เกาหลีเหนือ-ชวนเชื่อเพื่อชาติ

ประชาไททำหน้าที่เป็นเวที เนื้อหาและท่าที ความคิดเห็นของผู้เขียน อาจไม่จำเป็นต้องเหมือนกองบรรณาธิการ

แม้แต่ในสวนสัตว์ก็แสดงถึงความสำคัญของท่านผู้นำ

แม้กระทั่งโปสการ์ดก็ยังแฝงการปลุกระดมเอาไว้

คำขวัญต่างๆ ของท่านผู้นำ

นักเรียนที่มาต้อนรับชาวคณะและนักเรียนที่พบเห็นทั่วๆไป

บรรยากาศภายในพิพิธภัณฑ์แสดงถึงชัยชนะอันยิ่งใหญ่ของเกาหลีเหนือ

ป้ายปลุกใจต่างๆ ภายในโรงเรียน

ป้ายหินจารึกวันเวลาที่ผู้นำเคยมาเยือน

ภายในห้องเก็บของขวัญที่ได้รับจากท่านผู้นำ

สัญลักษณ์แสดงจุดที่ผู้นำเคยมายืน

รายการโทรทัศน์ที่ฉายแต่ภาพสงครามในอดีตอยู่ตลอดเวลา

 

ประเทศเกาหลีเหนือเป็นประเทศที่ค่อนข้างจะโดดเดี่ยวตนเองจากการคบค้ากับชาวโลก แม้จะมีการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตกับหลายๆประเทศ ทว่ากิจกรรมที่ส่งเสริมการปฏิสัมพันธ์ในระดับประชาชนต่อประชาชนนั้นเรียกได้ว่าแทบจะเป็นศูนย์ คนไทยทั่วไปอาจไม่ทราบว่ามีสถานทูตเกาหลีเหนือในประเทศไทยตั้งอยู่ที่บริเวณถนนพัฒนาการ สิ่งที่เราคุ้นชินและอาจจะเคยได้ยินผ่านหูกันมาบ้างคือ "กายกรรมเปียงยาง" ที่เคยมาเปิดแสดงให้คนไทยได้ดูหลายครั้งด้วยกัน นอกจากนี้ยังมีทีมฟุตบอลทีมชาติเกาหลีเหนือที่ตอบรับคำเชิญเข้าร่วมฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานคิงส์คัพอยู่บ่อยครั้ง รวมทั้งในปีนี้ด้วย

ประเทศเกาหลีเหนือนั้น ไม่สามารถจะเปรียบเทียบได้กับประเทศทุนนิยมอื่นใดในโลกนี้ แม้กระทั่งประเทศที่ปกครองด้วยระบอบคอมมิวนิสต์อื่นๆ อาทิ จีน เวียดนาม คิวบา หรือ ลาว ก็ยังไม่สามารถที่จะเปรียบเทียบได้ ประชาชนในประเทศที่ปกครองด้วยระบอบคอมมิวนิสต์ประเทศอื่นๆนั้น สามารถที่จะเข้าถึงสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆได้ง่ายกว่ามาก ถึงกระนั้นประชาชนเกาหลีเหนือส่วนใหญ่ก็ไม่ได้รู้สึกว่า ชีวิตความเป็นอยู่ของตนลำบากแต่ประการใด เนื่องจากไม่เคยมีโอกาสได้รับรู้ว่าโลกภายนอกนั้นเจริญก้าวหน้าและพัฒนาไปไกลเพียงใดแล้ว

การปลูกฝังความเชื่อเริ่มตั้งแต่ในโรงเรียน ที่ซึ่งจะพบเห็นโฆษณาชวนเชื่อในลักษณะของป้ายต่างๆ อยู่ตามบริเวณทางเดินและหน้าห้องเรียน ผู้เขียนได้เข้าไปเยี่ยมชมโรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่ง ซึ่งอาจจะเป็นโรงเรียนเพียงแห่งเดียว ที่เปิดให้คณะชาวต่างชาติเข้ามาเยี่ยมชม มีเด็กๆชาวเกาหลีเหนือหน้าตาน่ารักแต่งตัวสะอาดสะอ้านมาคอยต้อนรับ ต่างกันอย่างสิ้นเชิงกับภาพที่ผู้เขียนได้พบเห็นเมื่อมองจากรถบัส ขณะเดินทางไปตามที่ต่างๆ ซึ่งได้พบเห็นเด็กนักเรียนทั่วไปแต่งกายด้วยเครื่องแบบที่ดูมอมแมมขณะกำลังเดินไปโรงเรียน ที่โรงเรียนแห่งนี้จะมีห้องพิเศษห้องหนึ่ง ซึ่งเป็นห้องสำหรับใช้เรียนวิชาที่เกี่ยวกับประวัติของท่านผู้นำโดยเฉพาะ และมีห้องพิเศษอีกห้องหนึ่ง ซึ่งใช้เป็นห้องสำหรับเก็บของขวัญที่ท่านผู้นำทั้งสามรุ่นได้มอบให้แก่เด็กๆและโรงเรียน ภายในห้องเต็มไปด้วยสัตว์หายากชนิดต่างๆที่สตัฟฟ์เอาไว้ ฟอสซิลของสิ่งมีชีวิตยุคดึกดำบรรพ์ ตลอดจนภาชนะหรืออาวุธของมนุษย์ในยุคโบราณ เด็กๆจึงมีความผูกพันกับท่านผู้นำมาก แม้ท่านผู้นำทั้งสองรุ่นก่อนหน้านี้จะเสียชีวิตไปแล้วก็ตาม เด็กๆได้รับการสอนว่าท่านผู้นำรักและห่วงใยเด็กๆมาก แม้แต่โต๊ะที่พวกเค้าใช้เรียนหนังสือก็เป็นผลงานการออกแบบของท่านผู้นำตลอดกาล คิม อิล ซุง

โดยทั่วไป เมื่อเราเดินทางไปยังสถานที่สำคัญต่างๆ สิ่งที่เรามักพบเห็นโดยปกติคือป้ายบอกถึงความสำคัญของสถานที่นั้นๆ แต่ที่ประเทศเกาหลีเหนือ เราจะพบป้ายหินขนาดใหญ่จารึกไว้ว่าท่านผู้นำเคยมาเยือนเมื่อใด กี่ครั้ง หรือท่านผู้นำเคยกล่าวถึงความสำคัญของสถานที่นั้นๆไว้อย่างไร ที่วิทยาลัยการเกษตรแห่งหนึ่งที่ผู้เขียนได้เดินทางไป มีการทำสัญลักษณ์ไว้ที่พื้นพร้อมป้ายหิน แสดงตำแหน่งที่ท่านผู้นำเคยยืน และบันทึกถ้อยคำที่ท่านผู้นำได้กล่าวถึงความสำคัญของต้นไม้ ไม่เว้นแม้กระทั่งในสวนสัตว์ ที่หน้ากรงจะมีป้ายบอกชนิดของสัตว์ไว้อย่างชัดเจน ว่าเป็นสัตว์ชนิดใดและท่านผู้นำได้มอบให้กับสวนสัตว์แห่งนี้เมื่อใด มีเกร็ดน่าสนใจอีกเรื่องสำหรับสวนสัตว์ของที่นี่ ในบ้านเรา เราสามารถพบเห็นสุนัขได้โดยทั่วไป ทั้งที่เลี้ยงไว้ในบ้าน หรือ สุนัขจรจัดเมื่อเราเดินออกมาตามท้องถนน แต่ที่เกาหลีเหนือ ผู้เขียนพบเห็นสุนัขเพียงหนึ่งตัวซึ่งมีชาวต่างชาติเป็นเจ้าของ ในขณะเดียวกันกับพบว่ามีสุนัขจัดแสดงอยู่ในสวนสัตว์เป็นจำนวนมาก โดยปกติแล้วเราจะไม่ได้เห็นสุนัขนำมาแสดงเช่นเดียวกับสัตว์อื่นๆภายในสวนสัตว์ แต่สำหรับที่เกาหลีเหนือ มีส่วนที่จัดแสดงเฉพาะสุนัข เป็นส่วนที่ใหญ่พอสมควร โดยมีสุนัขพันธุ์ต่างๆเช่น อัลเซเชี่ยน เชาเชา พิตบูล และชนิดอื่นๆอีกนับสิบสายพันธุ์ ซึ่งเรียกความสนใจจากเด็กๆชาวเกาหลีเหนือได้มากพอสมควร

นอกเหนือจากป้ายคำขวัญและรูปท่านผู้นำที่พบเห็นได้ในทุกๆที่ หรืออนุสาวรีย์ท่านผู้นำที่มีอยู่ในทุกๆเมืองแล้ว เมื่อเรากลับเข้ามาในบ้าน รายการโทรทัศน์ก็เป็นอีกสิ่งหนึ่ง ที่ถูกใช้เป็นเครื่องมือสำคัญในการปลูกฝังความเชื่อและค่านิยมที่รัฐต้องการให้กับประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ รายการโทรทัศน์ที่เกาหลีเหนือนั้น ผู้เขียนไม่แน่ใจว่ามีกี่ช่อง เนื่องจากนับได้เพียงแค่สามช่องเท่านั้น มีการนำเสนอเรื่องราวของสงครามเกาหลีในอดีตอยู่ตลอดเวลา ในความรับรู้ของชาวเกาหลีเหนือนั้น ผู้ที่แพ้สงครามคือสหรัฐอเมริกา เกาหลีเหนือมองสหรัฐอเมริกาว่าเป็นศัตรูอันดับหนึ่ง ทุกคำพูดที่กล่าวถึงจะใช้คำว่า "American Imperialist" หรือ จักรวรรดินิยมอเมริกา พร้อมกันนั้นก็เรียกเกาหลีใต้ว่าเป็น "American's Puppet" หรือหุ่นเชิดของอเมริกาในทุกคำพูดที่กล่าวถึง ในทุกๆจุดที่ไปเยี่ยมชม จะมีผู้นำทางท้องถิ่นคอยบรรยายสิ่งต่างๆให้ฟังเสมอ มีอยู่ครั้งหนึ่งผู้นำทางท้องถิ่นบอกกับชาวคณะว่า สาเหตุที่สหรัฐอเมริกาต้องการที่จะยึดครองเกาหลีเหนือนั้น เป็นเพราะประเทศของพวกเค้ามีความอุดมสมบูรณ์ มีแร่ธาตุ และสามารถปลูกข้าวได้เป็นจำนวนมาก ซึ่งสิ่งนี้ขัดต่อสิ่งที่บุคคลภายนอกอย่างพวกเรารับรู้ในอีกแง่มุมหนึ่งว่า เกาหลีเหนือผลิตอาหารได้ไม่เพียงพอต่อความต้องการ และต้องขอความช่วยเหลือด้านอาหารจาก WFP (World Food Programme) ของสหประชาชาติ เพื่อแลกกับการยอมเข้าร่วมเจรจาหกฝ่ายในเรื่องของการยุติการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์

รายการทางโทรทัศน์จะฉายเรื่องราวความสำเร็จในการพัฒนาอาวุธ รายการข่าวก็แทบจะไม่มีข่าวสารจากต่างประเทศเลย รายการละครที่ได้ดู ผู้เขียนเดาเอาว่าเป็นเรื่องของการขับไล่ญี่ปุ่น ที่เข้ามายึดครองคาบสมุทรเกาหลีในช่วงปี ค.ศ. 1910-1945 แม้จะไม่เข้าใจภาษาเกาหลี แต่สามารถคาดเดาได้จากเครื่องแบบของทหารญี่ปุ่น ผู้เขียนเดินทางไปเกาหลีเหนือในช่วงเวลาเดียวกับการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก ลอนดอนเกมส์ 2012 ที่ประเทศอังกฤษ มีการนำภาพจากการแข่งขันมาเผยแพร่ทางโทรทัศน์ แต่ไม่ใช่การถ่ายทอดสด และเลือกเฉพาะรายการที่เกาหลีเหนือได้เหรียญทองเท่านั้นมาออกอากาศ ผู้เขียนได้ชมการแข่งขันเทเบิ้ลเทนนิสหรือปิงปอง ระหว่างทีมเกาหลีเหนือและทีมเกาหลีใต้ ซึ่งทีมเกาหลีเหนือชนะไปสองต่อหนึ่งเซต ปรากฏว่าในเซตที่สองซึ่งเกาหลีเหนือแพ้นั้นถูกตัดออก ไม่นำมาเผยแพร่แต่อย่างใด โดยได้ข้ามไปยังเซตที่สามซึ่งเกาหลีเหนือกลับมาเอาชนะได้ สิ่งนี้คงจะไม่ใช่เรื่องบังเอิญและสามารถที่จะสะท้อนให้เห็นถึงความต้องการของผู้มีอำนาจในการควบคุมข้อมูลข่าวสารได้เป็นอย่างดี

ที่กรุงเปียงยางจะมีพิพิธภัณฑ์เกี่ยวกับสงคราม ที่ให้ความรู้เกี่ยวกับสงครามเกาหลีพร้อมทั้งจัดแสดง อาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆ รวมทั้งรถถังหรือเครื่องบินของฝ่ายตรงข้ามที่ยึดได้ นอกจากนี้ยังจัดแสดงจดหมายที่เชลยเป็นผู้เขียนขึ้นเพื่อสารภาพและจำนนต่อความพ่ายแพ้ต่อเกาหลีเหนือ นอกจากนี้ยังนำเรือสัญชาติสหรัฐอเมริกา USS PUEBLO ที่เกาหลีเหนือยึดได้ภายในน่านน้ำของตนเองมาจัดแสดง โดยเกาหลีเหนือเชื่อว่าเป็นเรือจารกรรม ขณะที่สหรัฐอเมริกาปฏิเสธว่าเรือดังกล่าวปฏิบัติหน้าที่อยู่ในน่านน้ำสากล

ทั้งหมดที่นำมาเล่าสู่กันฟัง เป็นเพียงส่วนหนึ่งที่ผู้เขียนมีโอกาสได้สัมผัสกับประเทศเกาหลีเหนือเป็นระยะเวลาสั้นๆ เราคงพอจะนึกภาพออกนะครับว่า ถ้าเราลองจินตนาการภาพตัวเองต้องใช้ชีวิตอยู่ภายใต้สถานการณ์เดียวกับชาวเกาหลีเหนือ สถานการณ์ที่ได้รับรู้ข่าวสารข้อมูลต่างๆเพียงด้านที่ผู้มีอำนาจหวังผล และต้องการที่จะควบคุมอุดมการณ์ทาง สังคม การเมือง และเศรษฐกิจ โดยที่เราไม่มีโอกาสที่จะได้รับรู้ รับฟัง ข้อเท็จจริงในแง่มุมอื่นๆ เราก็คงจะต้องมีความเชื่อไปในแนวทางเดียวกันนั้น ในทัศนะของผู้กำหนดนโยบายเหล่านั้น อาจจะเชื่อโดยบริสุทธิ์ใจก็ได้ว่า สิ่งทั้งหลายทำไปโดยเจตนาบริสุทธิ์ เพราะเชื่อว่าจะนำพาชาติไปสู่ความสงบเรียบร้อย ไปสู่สังคมที่ใกล้เคียงความเป็นอุดมคติ และต้องไม่ลืมว่าเกาหลีเหนือเป็นประเทศที่มีอัตราอาชญากรรมต่ำที่สุดประเทศหนึ่งในโลก โดยที่ไม่มีปัญหายาเสพติด หรือปัญหาสังคมอื่นเฉกเช่นเดียวกับโลกทุนนิยม

สิ่งที่เป็นคำถามต่อเนื่องจากนี้ที่ผมจะขอทิ้งท้ายไว้ให้ท่านผู้อ่านลองคิดกันต่อก็คือ ในสังคมแบบไทยๆของเรา ซึ่งมีโอกาสที่ดีกว่าชาวเกาหลีเหนือ ในแง่ของการเข้าถึงข่าวสารข้อมูล หากเราไม่รู้จักนำข้อดีนี้มาใช้ในการเปิดใจรับฟังข้อเท็จจริงในแง่มุมต่างๆ โดยเลือกที่จะรับรู้แต่ในมุมที่เราเลือกเชื่อไปแล้วเท่านั้น สิ่งนี้มีความหมายเท่ากับเรากำลังสร้างโฆษณาชวนเชื่อขึ้นมาเพื่อมอมเมาตัวเราเองโดยไม่มีใครมาบังคับใช่หรือไม่ 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท